แฟ้มภาพ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
17 มี.ค.64 - ที่กรมราชทัณฑ์ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วย นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ร่วมแถลงชี้แจงกรณีนายอานนท์ นำพา เขียนจดหมายอ้างถูกเจ้าหน้าที่พยายามนำตัวออกจากห้องควบคุมกลางดึก กลัวจะถูกทำร้ายหมายเอาชีวิต ปรากฎในโซเซียลมีเดียว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องขังไปตรวจหาเชื้อโควิด 19 ซึ่งเป็นมาตรการปกติของเรือนจำที่ป้องกันการแพร่ระบาด และป้องกันเหตุจราจลที่อาจเกิดขึ้นในเรือนจำ ซึ่งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดเป็นความมั่นคงของทางเรือนจำ ที่ผ่านมาการคัดกรองในรูปแบบนี้ก็ป้องการแพร่ระบาดของโรคได้เป็นอย่างดี และการพบเชื้อร้อยละ 90 ก็เกิดจากการตรวจเชิงลึก ไม่ใช่เป็นการแสดงอาการป่วย
"ยืนยันว่าการคุมตัวจำเลย หรือผู้ต้องขังออกไปนอกสถานที่ เช่น ไปศาล จะมีการค้นตัวทั้งขาไปและขากลับ รวมถึงการเยี่ยมญาติด้วย ดังนั้นจดหมายจากทนายอานนท์ ไม่ได้นำออกไปจากเรือนจำ และในเรือนจำไม่มีเครื่องมือสื่อสาร แม้แต่นาฬิกาก็ไม่มี กรณีนี้กรมราชทัณฑ์ ได้แจ้งความดำเนินคดีกับแอดมินเพจอานนท์ นำภา ไปก่อนหน้านี้เแล้ว 2 ครั้ง และจะแจ้งความเพิ่มอีก เพื่อสืบหาว่าแอดมินใช้งานจากที่ไหน" นายอายุตม์ กล่าวและว่า ภายในเรือนจำยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกพื้นที่ รวมถึงภายในห้องควบคุม หากศาลให้เรียกหลักฐานส่วนนี้ก็สามารถนำไปเสนอต่อศาลได้ไม่มีการทำร้ายร่างกาย หรือ ละเมิดสิทธิจำเลย หรือผู้ต้องขังอย่างแน่นอน
นายอายุตม์ ยังกล่าวถึงกรณีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ประกาศอดอาหารประท้วงที่ไม่ได้รับการประกันตัวว่า นายพริษฐ์ได้แจ้งเจ้าหน้าที่จะอดอาหาร ดื่มเพียงน้ำ นม และเกลือแร่เท่านั้น ทางกรมราชทัณฑ์ จึงจัดเตรียมนมและเกลือแร่ให้ผู้ต้องขัง พร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิด เตรียมพยาบาลวิชาชีพ ทีมแพทย์ และนักจิตวิทยาคอยจับตาดูแลความปลอดภัย หากพบว่ามีอาการป่วยอ่อนเพลียจากการอดอาหารก็จะนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งอยู่ใกล้กับเรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที
ด้าน นพ.วีระกิตติ์ กล่าวว่า ตนในฐานะรองอธิบดีฝ่ายปฏิบัติการ และเป็นแพทย์ด้วย ขอชี้แจงว่าเหตุการณ์ในวันนั้น หลังจากที่ศาลมีคำสั่งให้ย้ายจำเลย 3 คน คือ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน และนายปียรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ จากเรือนจำพิเศษธนบุรี ซึ่งเป็นเรือนจำพื้นที่เสี่ยงที่มีการแพร่ระบาดเชื้อโควิด มาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยจำเลยทั้งหมดมาถึงประมาณ 18.40 น. หลังจากทำการซักประวัติเสร็จก็ได้นำตัวไปขังรวมกับผู้ต้องขังอื่นๆ ที่แดน 2 ซึ่งใช้เป็นสถานที่กักกันโรค เพื่อรอตรวจคัดครองโควิด จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ได้ให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เข้าไปเจรจาขอความร่วมมือกับผู้ต้องขังทั้งสามคนย้ายห้องแยกจากผู้ต้องขังอื่นๆไปอยู่อีกห้องหนึ่ง ระหว่างรอเจ้าหน้าที่มาตรวจโควิด แต่ทั้งสามคนไม่ยินยอม จึงเชิญแพทย์เวรและเจ้าหน้าที่ตรวจโควิดจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นแพทย์หญิงทั้งหมดเตรียมเครื่องมือเข้ามาตรวจโควิดผู้ต้องขังอื่นในเวลาประมาณ 23.00 น.
นพ.วีระกิตติ์ กล่าวอีกว่า เมื่อเจ้าหน้าที่นำผู้ต้องขังอื่น 9 คนไปตรวจโควิด โดยนำตัวออกไปตรวจในที่โล่งทีละคนจนเสร็จ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ หรือประมาณเที่ยงคืนก็ได้เจรจากับผู้ต้องขังที่เหลือขอให้ย้ายห้องอีกครั้ง เนื่องจากผู้ต้องขังที่ไม่ยอมตรวจโควิดมีจำนวนน้อยกว่า แต่ทั้งหมดก็ไม่ยินยอม จึงจัดเจ้าหน้าที่ชุดดูแลความปลอดภัยภายในเรือนจำมานำผู้ต้องขังอื่น 9 คนออกไป และกักตัวผู้ต้องขังที่ไม่ยอมตรวจโควิด 14 วัน
"ยืนยันว่าตลอดเหตุการณ์ไม่มีการแตะตัวจำเลย และไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น แต่จำเลยพูดกับเจ้าหน้าที่ว่า พรุ่งนี้มีเรื่องแน่ และเหตุการณ์นี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีประชาชนไม่ยอมตรวจหาเชื้อโควิด ทั้งนี้ การตรวจโควิดในเวลากลางคืนถือว่าเป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมาก็เคยตรวจป้องกันการแพร่ระบาดแบบนี้ในหลายเรือนจำ และก่อนหน้านี้ก็เคยมีการตรวจหนึ่งในแกนนำในช่วงเวลากลางคืนมาแล้ว ซึ่งแกนนำคนนั้นยังขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนอื่นๆอย่างเท่าเทียมด้วย"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |