'สามแพร่ง' สังคมชาติ


เพิ่มเพื่อน    

    ภาพยนตร์ "สามสัส ฟิล์ม" ใกล้จบ

            ดาราต้องออกมาประชัน ทั้ง "ในคุก-นอกคุก" รวมทั้ง "ในรัฐสภา" แบบนี้แหละ

            ที่น่าสนใจ เห็นจะเป็นที่ "ศาล"!

            คือเป็นครั้งแรก อันไม่เคยปรากฏเช่นนี้มาก่อน

            ที่ "จำเลย" จะแสดงพฤติกรรม "ก้าวร้าวท้าทายอำนาจศาล ต่อหน้าองค์คณะผู้พิพากษาบนบัลลังก์" อย่างที่ "นายเพนกวิน" กระทำ วัน-สองวัน นี้

            ถือเป็นกรณีศึกษา "เชิงทดสอบ" กระบวนการกฎหมาย ว่า การละเมิดศาล, หมิ่นศาล, ก้าวล่วงศาลซึ่งๆ หน้า แบบนี้

            ด้วยผิดนี้ โทษเช่นใด?

            โทษนั้น สังคมจะได้ยึดเป็น "มาตรฐานยุติธรรม" ต่อผู้ทำความผิดลักษณะนี้ เป็นบรรทัดฐาน

            ที่ "รัฐสภา" ก็น่าศึกษา-น่าสนใจ เช่นกัน

            เพราะ ๑๗ มี.ค.๖๔ วันนัดโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ ๓ ของสมาชิกรัฐสภา

            รัฐสภากล้า "สวนคำวินิจฉัย" ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่?

            วันนี้รู้ ใครหมู่-ใครจ่า!

            ตามวินิจฉัยศาลฯ แก้ไขรายมาตราในรัฐสภา "ทำได้" แต่แก้เพื่อไปร่างใหม่ทั้งฉบับ "ทำไม่ได้"

            ถ้าอยากทำ ต้อง "ทำประชามติ" ก่อน

            ถาม "ผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ" คือ ประชาชน ว่า  "ต้องการให้มีรัฐธรรมนูญใหม่มั้ย?"

            ฉะนั้น ร่างฯ ที่จะโหวตวันนี้ มัน "แท้งนอกมดลูก" ไปแล้ว!

            รัฐสภา โดยพรรคไหน-พวกไหน ต้องการแสดงบทฮีโรเหมือนเพนกวินในรัฐสภาวันนี้ เชิญเลย

            แต่อย่าลืม คำวินิจฉัยศาลฯ เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันกับทุกองค์กร!

            ส.ส.เนี่ย ศักดินาตั้งกันเองในสภาว่า "ท่านผู้ทรงเกียรติ"

            "ทรงเกียรติ" ไม่ได้หมายความว่า "ทรงภูมิ" ทุกคน

            ฉะนั้น เพื่อให้ "ทรงภูมิ" ด้วย..........

            ขออนุญาตนำเรื่อง "#หลักการ VS หลักกู" ที่ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี โพสต์เมื่อวาน มาช่วยสร้างภูมิ

            "#หลักการ VS หลักกู"

            1) สหรัฐอเมริกา:กาลครั้งหนึ่งเมื่อ ค.ศ.1918 สภาสูงหรือ Supreme Court ของสหรัฐฯ ได้มีคำพิพากษาว่า

            ร่างกฎหมายเกี่ยวกับ (การใช้แรงงานเด็ก) ที่รัฐสภาผ่านวาระ 3 ไปแล้วนั้น ไม่สามารถใช้บังคับเป็นกฎหมายได้

            เพราะเป็นกฎหมายที่ขัดกับหลักการรัฐธรรมนูญ (INCONSTITUTIONALITY)

            ร่างกฎหมายดังกล่าว จึงกลายเป็น "โมฆะ" โดยปริยาย

            (Supreme Court ของสหรัฐฯ ทำหน้าที่เป็นศาลรัฐธรรมนูญด้วย)

            ประชาชนมากกว่า 3 ใน 4 ของมลรัฐที่มีอยู่ ต่างออกมาปกป้องคำพิพากษาของศาลสูงดังกล่าวนั้น

            แม้หลักการอันนี้ จะไม่ปรากฏชัดในรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ แต่ได้เคยมีคำพิพากษาของศาลสูงดังกล่าวไว้ในปี  ค.ศ.1803

            ซึ่งสหรัฐฯ ได้ยึดถือว่า เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาจนถึงปัจจุบัน

            คำพิพากษาดังกล่าว มีความดังต่อไปนี้

            "วัตถุประสงค์ของการมีรัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษรก็เพื่อจะจำกัดอำนาจของสภานิติบัญญัติและฝ่ายอื่นๆ ของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นหลักการพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ

                จะมีประโยชน์อะไรที่จะมีรัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษร ถ้ารัฐสภายังสามารถออกกฎหมายที่เป็นการกระทำเกินขอบเขตที่เป็นอำนาจของตนที่ถูกจำกัดไว้ในรัฐธรรมนูญ

                ด้วยเหตุนี้ กฎหมายที่ออกโดยรัฐสภา แต่เป็นกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ จึงต้องเป็นโมฆะและไม่มีผลทางกฎหมาย

                จึงเป็นหน้าที่ของศาลฯ ที่จะต้องแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญกับการออกกฎหมายโดยรัฐสภา

                เพราะหน้าที่ของศาล ก็คือ ต้องทำให้รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดให้ได้

                จึงต้องใช้อำนาจศาลในการพิพากษาว่า กฎหมายใดที่ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ จะต้องเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับไม่ได้”

            2) อังกฤษ:ศาสตราจารย์โรนัลด์ ดอร์กิน (DROF. RONALD DWORKIN) แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด พูดไว้ใน ปี ค.ศ.1990 เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า

            “แม้ระบอบประชาธิปไตยมิได้เรียกร้อง (insist) ให้ศาลสูง (Supreme Court) ซึ่งในอังกฤษได้ทำหน้าที่เป็นศาลรัฐธรรมนูญเหมือนในสหรัฐ เป็นผู้ตัดสินคนสุดท้ายก็จริง แต่ก็มิได้ห้ามมิให้ศาลฯ ต้องปฏิบัติเช่นนั้น"

            (Democracy does not insist on judges having the  last word, but it does not insist that they must not have it.)

            3) เยอรมัน:เป็นประเทศที่มีรัฐธรรมนูญที่ส่งเสริมสิทธิหน้าที่แก่ประชาชนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

            โดยรัฐธรรมนูญของพวกเขา ได้บัญญัติให้ประชาชนสามารถฟ้องศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง โดยไม่ต้องฟ้องผ่านอัยการของรัฐ

            ถ้าประชาชนพบว่า รัฐบาล หน่วยงานของรัฐหรือรัฐสภา ได้ใช้อำนาจที่เป็นการขัดหลักการของรัฐธรรมนูญ (Unconstitutionality)

            ซึ่งได้บัญญัติเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนในมาตรา 20 และมาตรา 93 โดยเฉพาะในมาตรา 93 นั้น ได้บัญญัติไว้ว่า

            “ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีดังกล่าว (ที่ประชาชนฟ้อง) เพราะเป็นหน้าที่ของศาลฯ ที่ต้องพิจารณาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ”

            4) หลักสากล:หลักนี้ มีว่า

            "อรรถคดีทั้งปวงในแผ่นดินที่ได้มีการพิจารณาตามขั้นตอนที่ถูกต้อง (due process) เมื่อคดีถึงศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลสูง (Supreme Court) และศาลปกครองสูงสุด      

            เมื่อมีคำตัดสินสุดท้ายในเรื่องนั้นๆ ออกมา ทุกคนต้องยอมรับและปฏิบัติตาม 

            จึงไม่เคยมีประเทศใด ที่รัฐสภาจะออกกฎหมายเพื่อล้างคำพิพากษาของศาลสูงสุดเหล่านั้นเลย

            หลักนี้เป็นหลักสากลที่ทุกประเทศยึดถือปฏิบัติ ในทางวิชาการเรียกหลักนี้ว่า "หลักคำตัดสินสุดท้ายต้องเป็นของศาล" (Court’s final decision is the last word.)

            หมายเหตุ: มีแต่ในประเทศไทยนี้แหละ ที่ครั้งหนึ่งเคยมีทั้ง ส.ส. และรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดหนึ่งออกมานั่งแถลงข่าวว่า พวกตนไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ น่าอายจริงๆ วะ!

            5) ที่ต้องมีหลักอย่างนี้ ก็เพราะเป็นหลักการรัฐธรรมนูญที่เกิดจากปรัชญาของกลุ่มบูชารัฐธรรมนูญแบบเสรีนิยม  (Liberal Constitution)

            ที่เห็นว่า รัฐธรรมนูญที่ดี ต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่แยกอำนาจ 3 ฝ่ายออกจากกันให้เด็ดขาด

            เพราะถ้าอำนาจทั้งสาม คือ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ รวมอยู่ที่บุคคลคนเดียวหรือกลุ่มเดียวแล้ว

            ย่อมนำมาซึ่งความเสี่ยงที่ประเทศจะประสบกับระบบทรราชที่กดขี่ (TYRANNY)

            เพราะผู้มีอำนาจบริหาร จะออกกฎหมายที่กดขี่ประชาชนเมื่อใดก็ได้

            โดยเฉพาะฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติ มีโอกาสรวมตัวกันสูง จึงต้องให้ศาลมีอิสระเต็มที่ในการควบคุมและคานอำนาจดังกล่าวเอาไว้

            เพื่อสนับสนุนหลักการดังกล่าว LORD ACTON  แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดจึงได้กล่าวประโยคที่ดังก้องโลกไว้ว่า

            "Power tends to corrupt, absolute power corrupts  absolutely"

            "อำนาจมีแนวโน้มจะทำให้คนดีเป็นคนชั่ว อำนาจที่มากมายอย่างเด็ดขาด ก็จะยิ่งทำให้คนกลายเป็นคนชั่วอย่างเด็ดขาด (หรือชั่วอย่างสุดๆ) ไปเลย"

            6) ฝรั่งเศส:ในอารัมภบทของรัฐธรรมนูญของฝรั่งเศสได้เขียนหลักการในข้อ 5) นี้ไว้ว่า

            "สังคมใดที่สิทธิของพลเมืองมิได้รับการรับรองและคุ้มครองอย่างชัดเจนและขาดซึ่งหลักประกันว่าด้วยการแบ่งแยกอำนาจแล้ว ถือว่าประเทศนั้น สังคมนั้น เป็นสังคมที่ไม่มีรัฐธรรมนูญ"

            (Any society in which the safeguarding of rights is  not assured, and the separation of powers is not  established, has no constitution.)

            7) ก็เห็นนักการเมืองทั้งหัวหงอกหัวดำมักจะอ้างว่าตนต้องการให้ประเทศไทยมีความเป็นประชาธิปไตยแบบสากลมากยิ่งขึ้น

            แล้วที่ผมอธิบายมาตั้งแต่ข้อ 1) ถึงข้อ 6) ล้วนแล้วแต่เป็นหลักการรัฐธรรมนูญแบบเสรีนิยม ทั้งสิ้น

            จึงไม่ควรมีใครจะออกมาพูดกระแนะกระแหนศาลรัฐธรรมนูญ ว่ามาแทรกแซงการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ

            เราควรจะใช้โอกาสนี้เพื่อทำประชามติ

            สอบถามประชาชนว่า ยังยินดีที่จะให้ใช้รัฐธรรมนูญ  พ.ศ.2560 อยู่ต่อไปหรือไม่

            นักการเมืองจำนวนหยิบมือเดียวที่พูดกระแนะกระแหนว่าเป็นรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศคิดเหมือนพวกท่าน

            รัฐธรรมนูญของเยอรมันที่ใช้จนถึงปัจจุบัน เริ่มจากการควบคุมการยกร่างโดยฝ่ายสัมพันธมิตรเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

            ก่อนจะประกาศใช้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลสหรัฐฯ รัฐบาลอังกฤษ และรัฐบาลฝรั่งเศส เสียก่อน

            แต่ก็ไม่เห็นคนเยอรมันจะกระแนะกระแหนว่าเป็นรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจของฝ่ายสัมพันธมิตรผู้ชนะสงคราม

            รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นที่ใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน ก็ถูกควบคุมการยกร่างโดยจอมพลแมคอาร์เธอร์ ในนามของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ไม่เห็นคนญี่ปุ่นจะกระแนะกระแหน ว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของสหรัฐฯ

            สำหรับประเทศไทย นักการเมืองมักจะอ้างประชาชน ทั้งๆ ที่ลึกๆ แล้ว ไม่พอใจที่พวกตนเสียผลประโยชน์ 

            ทำประชามติถามประชาชนกันจริงๆ สักครั้งสิครับ จะได้รู้จริงเสียทีว่าอะไรเป็นอะไร.

            ผมขอเรียนว่า บทความที่ลงในเฟซบุ๊ก เป็น #ความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค ปชป.แต่อย่างใด

            -ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี

            ...............................

            วันนี้ยาว ไม่สนุก แต่ไม่เป็นไร

            ต่อจากนี้ "ในถนน" สนุกแน่!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"