16 มี.ค.64- กานต์ ทัศนภักดิ์ ศิลปิน ช่างภาพสารคดีที่ติดตามถ่ายภาพการชุมนุม 3 นิ้วโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Karnt Thassanaphak ว่า อ่านแล้วน้ำตาจะไหล
By มิตรสหายของมิตรสหายท่านหนึ่ง:
"...เราไปศาลมาไม่นานนักหรอก ประมาณ 3 ปีและไม่ได้ไปทุกวันแต่ก็มีโอกาสนั่งฟัง สังเกตการณ์การพิจารณาคดีมาเป็นสิบคดี ตลอดระยะเวลาการนั่งในศาล การเข้าออกศาล ทุกคนรู้ โลกรู้ ทุกอย่างเราต้องพินอบพิเทา ใส่รองเท้าแตะคีบไม่ได้ (วันนี้เราเห็นเขาไล่คนตั้งแต่หน้าบันไดศาลไม่ให้ใส่รองเท้าแตะเข้ามา คนคนนั้นอุ้มลูกที่อายุไม่น่าจะถึงเดือน เรางงมากว่ามันบ้าอะไรกันนัก นี่แค่ประตูทางเข้าศาล ไม่ใช่ห้องพิจารณาด้วยซ้ำ) ใส่กางเกงสั้นขึ้นมาหน่อยก็ไม่ได้ นั่งไขว้ห้างไม่ได้ นั่งกอดอกไม่ได้ นั่งเอาแขนพาดพนักไม่ได้ บางห้องพิจารณาไม่ให้จด บางห้องพิจารณาไม่ให้เข้าฟัง
วันนี้เป็นครั้งแรกที่เราเห็นจำเลยเถียงศาล โอเค เราเคยเห็นทนายอานนท์ซึ่งเถียงศาลอยู่ตลอดเวลา จนศาลที่ปากกล้าๆก็ยังต้องยอมใจ เราเคยเห็นจำเลยบางคนเมินใส่ศาลเช่นพี่เอกชัย แต่ในห้องพิจารณาแทบไม่ค่อยมีจำเลยคนไหนแสดงตัวต่อศาล ว่าเราเท่ากัน แทบทุกคนจะต้องแสดงตนอย่างต้อยต่ำกว่า อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว เราต้องคุยกับศาลอย่างกราบกราน แต่วันนี้ไม่ใช่ เด็กๆพูดเรื่องจริงให้ศาลฟัง “ศาลพูดอะไรกัน นั่งฟังอยู่ไม่ได้ยินเลย พูดเสียงดังหน่อย/เพิ่มเสียงหน่อย” ดอกแรก โอโห สิ่งที่กูอยากถามมาตลอด ว่ามีไมค์ทำไมไม่เปิดไมค์ แล้วจะจัดซื้อไมค์มาเพื่อ คนนั่งเต็มห้อง ยังซุบซิบกันอยู่ได้
“เราจะต่อสู้คดีได้อย่างไร ทั้งที่เราถูกคุมขังอยู่” ประโยคสั้นๆนี้โคตรจะจริง “กระดาษคำฟ้อง 20-30แผ่น รู้มั้ยว่ามันไม่มีที่เก็บในเรือนจำและไม่มีที่ที่จะอ่านทำความเข้าใจเงียบๆได้เลย” สิ่งที่ศาลไม่เคยเข้าใจ ไม่เคยรู้ว่าชีวิตในเรือนจำมันลำบากแค่ไหน พี่สมยศพูดให้ศาลเห็นภาพได้ดี
ทนายอานนท์ช่วยอธิบายให้จำเลยคนอื่นๆเข้าใจเรื่องระบบการประกันตัวและการพิจารณาคดีด้วย ว่าองค์คณะเป็นคนละส่วนกัน ทนายน่าจะเข้าใจมากที่สุด ศาลไหว้วาน อานนท์ตอบว่า เพราะเข้าใจมากที่สุด เลยพูดไม่ได้ ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนเข้าตัว ไม่มีเรื่องอะไรในกระบวนการตอนนี้ที่จะอธิบายให้ใครเข้าใจได้เลย (ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนไม่ได้ประกัน) อีกหนึ่งดอกจุกๆ
วันนี้ช่วงเช้าของการพิจารณาแทบไม่มีใครฟังศาลพูด การที่ทูตหลายประเทศเข้าฟังการพิจาณาด้วย ทำให้ตำรวจศาลไม่กล้าจะลากคนออกจากศาล ทั้งที่ใจก็คงอยากลากอยู่ เพราะปกติแค่คีบแตะเข้ามาในห้องไขว่ห้างก็โดนวางอำนาจใส่แล้ว แต่นี่ยืนตะโกนกันปาวๆ คำว่า เคารพศาล ศาลที่เคารพ สิ้นความหมายไปเลย ทุกคนอยากพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการจะพูดและกำลังบังคับให้ศาลฟัง กลับกันปกติศาลมักจะบังคับให้เราฟังสิ่งที่ศาลพูดและต้องนิ่งเงียบเสมอมา
แบงค์บอกว่า เขาปฎิบัติตนอย่างร่วมไม้ร่วมมือต่อคนในกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด เขาไม่เคยไม่ไปรายงานตัว แต่เหตุใดเขาจึงไม่ได้รับการประกัน เหตุใดตัวเขาต้องมารับความกระทบกระเทือนทางจิตใจซ้ำซ้อนด้วยคดี112 อีก ทั้งที่ออกจากคุกเพราะคดีดังกล่าวมาแล้ว 4 ปี
เดอะเบสท์ของวันนี้ คือภาพเพนกวินถูกรุมล้อมด้วยตำรวจศาล, เจ้าหน้าที่ศาล,รปภ. รุ้งเดินไปด้านหลังเพื่อนรุ่นพี่ของตัวเอง กางมือทั้งสองข้างออก คล้ายโอบเพื่อนเอาไว้ ไม่ให้ใครมาเข้าใกล้เขา ทั้งสองโดนล้อม จนเพนกวินต้องปีนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ให้มวลชนได้เห็นหน้า มือหนึ่งถือคำแถลงที่เตรียมมา ปากก็ตะโกนอ่านสิ่งเหล่านั้นอย่างโกรธเกรี้ยว เออ โกรธ โกรธได้อีก ถ้าทุกคนไม่โกรธ เฉยชากับเรื่องเหี้ยๆ สังคมมันจะเป็นยังไงว้ะ ( อืม ก็คงเป็นแบบที่กำลังเห็นอยู่นี่แหละ) ป้าๆเพื่อนๆ เข้ามาคล้องแขนโดยอัตโนมัติอย่างรู้งานก่อนที่ตำรวจจะได้ประชิดตัว แม้เบียดดันกันอยู่พักใหญ่แต่เพนกวินก็ได้อ่านสิ่งที่ตัวเองเขียนมาจนจบ พร้อมประกาศอดอาหาร จนกว่าสามัญสำนึกจะคืนสู่ผู้พิพากษา
เราเห็นบางคนร้องไห้ หลายคนชูสามนิ้วเป็นการสนับสนุน แทบทั้งห้องตะโกนพร้อมกัน ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ 3 ครั้ง พูดจริงๆคนพวกนี้อาศัยทุกพื้นที่เพื่อแสดงออกเจตจำนงค์ที่จะไม่ก้มหัวให้ใครอีกแล้ว ถึงรู้ว่าทุกๆอย่างมันเสี่ยง การทำแบบนี้ในศาลที่ขึ้นชื่อเรื่องการชอบกดหัวคนอื่น การส่งข้อความออกมาจากเรือนจำในเชิงวิพากษ์ หรือแม้แต่การปราศรัยตอนที่ยังไม่ถูกคุมขัง เพดานถูกเปิดแล้วเปิดอีกในทุกพื้นที่ พวกเขาถูกจับแล้วจับอีก
วันนี้คุณบางคนทำอะไรอยู่นะ"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |