15 มี.ค.64 - ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคำสั่งศาลที่อนุญาตให้ย้ายนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ แกนนำกลุ่ม Wevo จากเรือนจำพิเศษธนบุรีมาคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระบุว่า ศาลพิเคราะห์ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยมีว่าการคุมขังนายปิยรัฐ จงเทพ ผู้ต้องหาที่ 1 ที่เรือนจำพิเศษธนบุรีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89 บัญญัติว่า หมายขังหรือหมายจำคุกต้องจัดการให้เป็นไปตามหมายนั้น ในเขตของศาลซึ่งออกหมาย เว้นแต่บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นในประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น แสดงว่าการคุมขังต้องเป็นไปตามหมายศาล เว้นแต่มีการบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นในกฎหมายอื่น ซึ่งตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 มาตรา 40 ประกอบกฎกระทรวงกำหนดระบบการจำแนกลักษณะของผู้ต้องขังการควบคุมและการแยกคุมขังและการย้ายผู้ต้องขัง พ.ศ.2563 อันเป็นกฎหมายอื่นที่บัญญัติให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ย้ายผู้ต้องขังจากเรือนจำหนึ่งไปอีกเรือนจำหนึ่งได้ หากเป็นคนต้องขังและคนฝากให้ขออนุญาตศาลก่อน เว้นแต่มีเหตุจำเป็นจะย้ายบุคคลดังกล่าวก่อนก็ได้ แต่ต้องรายงานให้ศาลทราบนั้น เห็นได้ว่าการย้ายผู้ต้องขังต้องขออนุญาตศาลก่อน เว้นแต่มีเหตุจำเป็น อธิบดีกรมราชทัณฑ์จะย้ายบุคคลดังกล่าวก่อนก็ได้แล้วแจ้งให้ศาลทราบ เพราะมิฉะนั้นแล้วการย้ายผู้ต้องขังจะเป็นการย้ายไปตามอำเภอใจและไม่เป็นไปตามหมายศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 89 ไปเสียทั้งหมด
เมื่อข้อเท็จจริงจากทางไต่สวนปรากฏว่า วันที่ 8 มี.ค. 2564 มีกลุ่มมวลชนเป็นจำนวนมากที่ศาลอาญาและเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาที่ 1 พฤติการณ์เช่นนี้ถือว่ามีเหตุอันจำเป็นที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์มีอำนาจย้ายผู้ต้องหาที่ 1 ไปก่อนแล้ว แจ้งให้ศาลทราบได้เนื่องจากอาจจะมีการก่อเหตุร้ายหรือความไม่สงบเรียบร้อย หรือทำลายทรัพย์สินทางราชการ หรือมีเหตุพิเศษอย่างอื่นแล้ว ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าการย้ายผู้ต้องหาที่ 1 ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรีชอบด้วยกฎหมาย ดังที่วินิจฉัยไว้ข้างต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้ความจากเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่าเหตุที่มีการนำตัวผู้ต้องหาที่ 1 ไปขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรี เนื่องจากว่าวันดังกล่าวมีกลุ่มมวลชนเป็นจำนวนมากที่ศาลอาญาและเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อเหตุการณ์หลังจากวันที่ 8 มี.ค. 2564 ไม่มีมวลชนที่ศาลอาญาและเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อันอาจจะมีการก่อเหตุร้ายหรือความไม่สงบเรียบร้อย หรือทำลายทรัพย์สินทางราชการ หรือมีเหตุพิเศษอย่างอื่นอีก แสดงว่าเหตุอันจำเป็นที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ย้ายผู้ต้องหาที่ 1 ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษธนบุรีย่อมหมดสิ้นไปแล้ว
ประกอบกับเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้เบิกความว่า หากมีการนำผู้ต้องหาที่ 1 ไปไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการแออัดและโรคโควิด-19 เมื่อเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นับว่าเป็นเรือนจำที่มีขนาดใหญ่มีประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลและบริหารจัดการที่ดีที่สุดในประเทศไทย ซึ่งนักโทษคดีการเมืองคนสำคัญหลายคนไม่ว่าจะเป็นคดี กปปส. คดี นปช. และคดีนายอานนท์ นำภา กับพวก ล้วนแต่อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยไม่มีปัญหาอุปสรรคแต่อย่างใด เชื่อว่าอธิบดีกรมราชทัณฑ์สามารถควบคุมกำกับและดูแลได้เป็นอย่างดี เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิ์ผู้ต้องหาที่ 1 ให้มีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกันทุกคนให้เป็นไปตามกฎหมายและความยุติธรรม จึงมีเหตุอันสมควรให้นำผู้ต้องหาที่ 1 กลับไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
หากมีเหตุอันจำเป็นที่เกิดขึ้นใหม่ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ย่อมมีอำนาจที่จะย้ายผู้ต้องขังได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่ต้องรายงานให้ศาลทราบโดยเร็ว อย่าให้เกิดการล่าช้าขึ้นอีก เพราะอาจทำให้คู่ความหรือประชาชนที่ไม่รู้กฎหมายเข้าใจผิดและสับสนได้ว่าราชทัณฑ์ไม่ปฏิบัติตามหมายศาลและกฎหมาย กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยในประเด็นข้ออื่นตามคำร้องของทนายผู้ต้องหาที่ 1 อีกต่อไป เนื่องจากเป็นรายละเอียดปลีกย่อย ไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ได้กำชับทนายผู้ต้องหาที่ 1 ให้มีความระมัดระวังเรื่องการให้ข่าวสื่อมวลชนและการโพสต์ข้อความต่างๆ ลงในเฟซบุ๊กและแอปพลิเคชั่นไลน์ หรือสื่อสังคมออนไลน์อื่นเกี่ยวกับเรื่องที่พิจารณาคดี เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อการพิจารณาคดี และความปลอดภัยได้ มิฉะนั้นจะมีคำสั่งตามที่เห็นสมควรต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |