วันอาทิตย์นองเลือด นักเคลื่อนไหวระบุมีผู้ประท้วงเสียชีวิตจากการปะทะกับทหาร-ตำรวจอย่างน้อย 38 คน ตำรวจตาย 1 นาย โรงงานของจีนหลายแห่งโดนวางเพลิง รัฐบาลทหารประกาศกฎอัยการศึกในเขตไลง์ตายาของย่างกุ้ง ผู้ประท้วงนัดชุมนุมต่ออีกในวันจันทร์ ขณะนางอองซาน ซูจี เตรียมขึ้นศาล

ผู้ประท้วงปะทะกับกองกำลังความมั่นคงเมียนมาที่เขตไลง์ตายาของย่างกุ้งเมื่อวันอาทิตย์ (Photo by Stringer/Anadolu Agency via Getty Images)

    รายงานรอยเตอร์และบีบีซีอ้างข้อมูลจากสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (เอเอพีพี) ว่าเหตุการณ์รุนแรงในเมียนมาเมื่อวันอาทิตย์ทำให้มีผู้ประท้วงเสียชีวิตอย่างน้อย 38 คน ในจำนวนนี้รอยเตอร์ระบุว่าอย่างน้อย 22 คนเสียชีวิตในเขตไลง์ตายา หลังจากโรงงานหลายแห่งที่มีชาวจีนเป็นนายทุนโดนวางเพลิง และมีผู้ประท้วงเสียชีวิตอีก 16 คนในเมืองอื่นๆ รวมถึงที่มัณฑะเลย์และพะโค ขณะที่สถานีเอ็มอาร์ทีวีของรัฐรายงานว่ามีตำรวจเสียชีวิต 1 นายที่พะโค จากบาดแผลที่หน้าอกหลังเผชิญหน้ากับผู้ประท้วง เขาเป็นตำรวจนายที่ 2 ที่เสียชีวิต

    จำนวนผู้เสียชีวิตดังกล่าวทำให้วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นวันนองเลือดที่สุดนับแต่กองทัพก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เอเอพีพีกล่าวด้วยว่า จำนวนล่าสุดทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 126 คน และยังมีคนโดนจับกุมแล้วมากกว่า 2,150 คนนับถึงวันเสาร์ ในจำนวนนี้มากกว่า 300 คนได้รับการปล่อยตัว

    สถานทูตจีนกล่าวว่า มีพนักงานชาวจีนหลายคนได้รับบาดเจ็บและติดอยู่ภายในโรงงานสิ่งทอหลายแห่งในเมืองไลง์ตายาที่โดนวางเพลิงโดยคนร้ายที่ระบุตัวไม่ได้ แถลงการณ์กล่าวถึงสถานการณ์ว่า "รุนแรงมาก" และเรียกร้องให้เมียนมาใช้มาตรการเพิ่มเติมที่มีประสิทธิภาพเ พื่อหยุดการกระทำทั้งหมดที่ใช้ความรุนแรง ลงโทษผู้กระทำผิดตามกฎหมาย และรับประกันความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของบริษัทจีนและพลเมืองจีน แต่คำแถลงไม่ได้กล่าวถึงผู้ประท้วงที่เสียชีวิต

    หลังคำแถลงนี้ เพจเฟซบุ๊กของสถานทูตจีนโดนถล่มด้วยทัศนะเชิงลบในภาษาเมียนมา และเกินครึ่งของปฏิกิริยาตอบโต้ หรือมากกว่า 29,000 ข้อความ ใช้อิโมจิหัวเราะประกอบด้วย

    ภายหลังเหตุการณ์รุนแรงที่ไลง์ตายา โทรทัศน์ของทางการเมียนมาประกาศเมื่อค่ำวันเสาร์ว่า รัฐบาลทหารเมียนมาประกาศกฎอัยการศึกที่เขตนี้และอีกเขตของย่างกุ้ง

    สถานีโทรทัศน์เมียวดีของกองทัพกล่าวด้วยว่า กองกำลังฝ่ายความมั่นคงดำเนินการหลังจากโรงงานสิ่งทอ 4 โรง และโรงงานปุ๋ย 1 โรง โดนวางเพลิง และผู้คนราว 2,000 คนขัดขวางไม่ให้รถดับเพลิงเข้าพื้นที่

    ด้านเอ ทินซา หม่อง แกนนำประท้วง โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า มีโรงงานโดนเผาแค่ 2 แห่งเท่านั้นในตอนนี้ "ถ้าคุณต้องการทำธุรกิจในเมียนมาอย่างมั่นคง ก็จงเคารพชาวเมียนมา" เธอกล่าว "สู้ๆ ไลง์ตายา พวกเราภูมิใจในตัวพวกคุณ"

    ด้านคริสทีน ชราเนอร์ บูร์เกเนอร์ ทูตพิเศษขององค์การสหประชาชาติประจำเมียนมา ประณามสิ่งที่เธอเรียกว่า "ความโหดร้ายไม่หยุดยั้ง" และว่าเธอได้รับฟังคำบอกเล่าจากผู้ติดต่อหลายคนในเมียนมาถึงการฆ่า การทำร้ายผู้ชุมนุม และการทรมานนักโทษ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

    ส่วนรัฐบาลอังกฤษ อดีตเจ้าอาณานิคม บอกว่า ตกตะลึงที่ทหาร-ตำรวจเมียนมาใช้กำลังร้ายแรงกับผู้บริสุทธิ์ในไลง์ตายาและที่อื่นๆ แดน ชัก เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำเมียนมา กล่าวว่า อังกฤษเรียกร้องให้หยุดการใช้ความรุนแรงทันที และขอให้รัฐบาลทหารคืนอำนาจแก่ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยโดยประชาชนชาวเมียนมา

    กองทัพเมียนมายึดอำนาจโดยอ้างว่ามีการทุจริตเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่พรรคของนางอองซาน ซูจี ชนะอย่างถล่มทลาย พวกผู้นำทหารให้คำมั่นว่าจะจัดการเลือกตั้งใหม่แต่ยังไม่ได้ระบุเวลา

    วันจันทร์นี้ นางซูจีมีกำหนดขึ้นศาลอีกครั้ง ถึงตอนนี้นางโดนตั้งข้อหาแล้วอย่างน้อย 4 ข้อหา รวมถึงการนำเข้าวิทยุสื่อสารอย่างผิดกฎหมายและการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับควบคุมโรคระบาด

    รายงานรอยเตอร์กล่าวด้วยว่า ชาวเมียนมายังคงนัดชุมนุมประท้วงต่อเนื่องในวันจันทร์แม้หนึ่งวันก่อนหน้านี้จะโดนปราบปรามอย่างรุนแรงก็ตาม มยัต ทู นักเคลื่อนไหวรายหนึ่ง บอกว่ามีแผนประท้วงที่เมืองมัณฑะเลย์ ส่วนที่ย่างกุ้ง ชาวเมืองกล่าวกันว่ามีการนัดชุมนุมกันใน 2 พื้นที่