คลัสเตอร์บางแค ทำติดเชื้อกระฉูด


เพิ่มเพื่อน    

  ผลต่อเนื่องบางแค ไทยโควิดกระฉูดกว่า 100 ราย เดินหน้าคัดกรองเชิงรุกตลาดใกล้เคียงยกยวง ขณะที่อนุทินสั่งเร่งหาวัคซีนบริการพื้นที่ ด้านอธิบดีกรมควบคุมโรคยอมรับคลัสเตอร์ใหม่ เตือนไม่มีอาการการแพร่เชื้อรวดเร็ว เผย WHO ไฟเขียวแอสตราเซเนกา ชี้เกิดแค่ที่เดนมาร์ก "ทิพานัน" สับเละ "ธนาธร" รู้ทุกเรื่องยกเว้นเรื่องจริง

    เมื่อวันอาทิตย์ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ประจำวันที่ 14 มี.ค. ว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 170 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 156 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 20 ราย และมาจากการค้นหาเชิงรุก 136 ราย ในจำนวนนี้เป็นการค้นหาเชิงรุกใน กทม. 90 ราย, สมุทรสาคร 31 ราย,? ปทุมธานี ?10? ราย,? เพชรบุรี? 3? ราย? และนราธิวาส? 2? ราย
     นอกจากนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 14? ราย ในจำนวนนี้มี 1 ราย เป็นหญิงชาวเมียนมา อายุ? 48? ปี? เดินทางจากมาเลเซีย เข้าประเทศทางช่องทางธรรมชาติ เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 22? ก.พ.? ตรวจหาเชื้อเจอเมื่อวันที่ 11 มี.ค. และเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ?ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 26,927 ราย หายป่วยสะสม 26,154 ราย อยู่ระหว่างรักษา 687 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดสะสมคงที่ 85 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 120,042,087 ราย เสียชีวิตสะสม 2,659,118 ราย  
    วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กกรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ เปิดเผยผลการตรวจคัดกรองเชิงรุกตลาดในพื้นที่บางแค ตั้งแต่วันที่ 7-13 มี.ค.2564 จำนวน 4,046 ราย พบผลติดเชื้อ 96 ราย ไม่ติดเชื้อ 764 ราย และอยู่ระหว่างการรอผลตรวจ 3,186 ราย โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจคัดกรองเชิงรุกในตลาดวันเดอร์ จำนวน 2,335 ราย พบผู้ติดเชื้อ 96 ราย ไม่ติดเชื้อ 764 ราย และอยู่ระหว่างการรอผลตรวจ 1,475 ราย
    ขณะเดียวกัน ยังเข้าตรวจคัดกรองเชิงรุกในตลาดใกล้เคียงตลาดวันเดอร์ ได้แก่ ตลาดสิริเศรษฐนนท์ ตลาดศูนย์การค้าบางแค ตลาดกิตติ ตลาดภาสม และตลาดใหม่บางแค จำนวน 1,400 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผลตรวจทั้งหมด นอกจากนั้นยังเข้าตรวจคัดกรองเชิงรุกที่ตลาดคลองขวางอีก 311 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผลตรวจทั้งหมดเช่นเดียวกัน
ตลาดบางแคพุ่ง 96 ราย
    ทั้งนี้ กทม.ขอความร่วมมือประชาชนที่เดินทางไปตลาดในพื้นที่บางแค ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.-13 มี.ค.2564 เข้าประเมินความเสี่ยงในระบบ BKKcovid19http://bkkcovid19.bangkok.go.th/covid/frontend/web/ เพื่อคัดกรองการตรวจหาเชื้อโควิดเบื้องต้น หากระบบแจ้งว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง กทม.จะจัดเจ้าหน้าที่ติดต่อไปโดยเร็วที่สุด หรือติดต่อสายด่วน สำนักอนามัย กทม. โทร. 0-2203-2393 หรือ 0-2203-2396
    ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการตรวจคัดกรองเชิงรุกของกรุงเทพมหานคร ภายในหมู่บ้านวังทอง เขตหนองแขม ซึ่งพบว่ามีประชาชนในหมู่บ้านเดินทางไปยังตลาดบางแคเพื่อจับจ่ายซื้อของ
    นายอนุทินกล่าวว่า การติดเชื้อในตลาดย่านบางแคยังไม่ยืนยันว่าเกิดจากตัวสถานที่หรือเกิดจากบุคคลอื่นนำเชื้อเข้ามาแพร่ จากข้อมูลรับทราบว่าทางตลาดมีมาตรการด้านการควบคุมโรค แต่เพราะเป็นตลาดใหญ่ มีตลาดถึง 6 แห่ง มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินมาตรการต่างๆ อย่างไรก็ตาม ทางกรมควบคุมโรคได้ร่วมมือกับ กทม.ในการค้นหาผู้ติดเชื้อให้เร็วที่สุด
    นายอนุทินกล่าวด้วยว่า ประเทศไทยให้บริการวัคซีนแล้ว และทยอยได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่อง ภายในเดือนนี้ จะได้เพิ่มมาอีก 8 แสนโดส และได้เตรียมจัดหามาเพิ่มอีก 5 ล้านโดส ส่วนกลางปีจะได้วัคซีนจากแอสตราเซเนกา ประเทศไทยวางแผนและปรับแผนอยู่ตลอดเพื่อรับมือการระบาดในอนาคต สำหรับพื้นที่บางแคเมื่อถูกจัดเป็นพื้นที่ระบาด กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งจัดสรรวัคซีน มาในพื้นที่บางแคเพื่อควบคุมโรคให้เร็วที่สุด
    "ส่วนผู้ที่มีประวัติเข้ามาในตลาดย่านบางแค ขอให้หลีกเลี่ยงการพบปะบุคคลอื่น แยกกักตัวเอง และสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด และเข้ารับการตรวจหาเชื้อ ซึ่งพรุ่งนี้รถตรวจเชื้อพระราชทานจะมาให้บริการประชาชน ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ขอให้ผู้รับบริการต้องแจ้งข้อมูลครบถ้วน สำหรับเรื่องการปิดตลาด มีเกณฑ์การพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ แต่ขอให้ประชาชนทุกท่านสวมหน้ากาก หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่าง" นายอนุทินระบุ
    ด้าน นพ.โอภาสกล่าวว่า เหตุพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ตลาดบางแค และตลาดบริเวณใกล้เคียง เป็นเขตติดต่อกัน มีพื้นที่มาก มีคนไม่ต่ำกว่า 1,000 คนตลอดเวลา ตลาดมีหลังคาต่ำ ระบบระบายอากาศไม่ค่อยดี ผู้ค้าขายส่วนมากเป็นคนไทย แต่ลูกจ้างเป็นชาวต่างชาติ พ่อค้าแม่ค้าใส่แมสก์ก็จริง แต่ใส่ใต้จมูก จึงย้ำเตือนการใส่แมสก์ไม่ถูกต้องมีผลต่อการแพร่เชื้อ
    "สำหรับการตรวจพบผู้ติดเชื้อที่ตลาดบางแคครั้งนี้เป็นการตรวจเชิงรุกของกรุงเทพมหานครตามปกติ พบผู้ติดเชื้อในตลาด 6 แห่ง 85 คนที่ยืนยันผล และเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลของกรุงเทพมหานครที่บางขุนเทียนแล้ว เป็นคนไทย 46 คน ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้า นอกนั้นเป็นลูกจ้าง ส่วนคนที่มาซื้อของยังไม่พบติดเชื้อ ผู้ติดเชื้อมีอายุระหว่าง 20-59 ปี มีบางส่วนมาจากต่างจังหวัด เช่น สุพรรณบุรี นครปฐม เพชรบุรี สมุทรสาคร รวม 15 ราย" นพ.โอภาสระบุ
เผยWHOไฟเขียวแอสตราฯ
    นพ.โอภาสระบุด้วยว่า การติดเชื้อครั้งนี้ส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ทำให้การแพร่ระบาดในระลอกใหม่เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง อาจเปรียบเทียบกรณีนี้ได้เช่นเดียวกับตลาดพรพัฒน์ที่ปทุมธานี แต่ตลาดบางแคและตลาดใกล้เคียงไม่ใช่ตลาดค้าส่งเช่น ตลาดพรพัฒน์ ควบคุมการเดินทางเข้า-ออกของประชาชนได้ง่ายกว่า ประชาชนเขตบางแคหรือผู้ที่ไปจับจ่ายซื้อของย่านนั้นไม่แน่ใจให้ไปตรวจได้ หรือไปที่โรงพยาบาลราชวิถี หรือสถาบันบำราศนราดูร หรือที่ศูนย์สาธารณสุขบางเขน
    อธิบดีกรมควบคุมโรคยังกล่าวถึงแผนการฉีดวัคซีน 13 จังหวัด กำหนดเป้าหมายฉีดให้ครบภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งกรุงเทพมหานครมีปริมาณได้รับการฉีดค่อนข้างน้อย จะปรับแผนให้รวดเร็วขึ้นสำหรับรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการได้รับวัคซีน พบว่าไม่มีรายใดมีอาการรุนแรง
    นพ.โอภาสยังกล่าวถึงกรณีมีรายการภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดจากการได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาว่า ล่าสุดผลการตรวจสอบทั้งสองหน่วยงานด้านอาหารและยาของยุโรป ยืนยันว่าวัคซีนปลอดภัย ไม่มีความเกี่ยวข้องกับภาวะหลอดเลือดอุดตัน เพราะเหตุการณ์เกิดเฉพาะที่เดนมาร์ก ไม่เกิดในหลายประเทศ ดังนั้นองค์การอนามัยโลกจึงแนะนำให้ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาต่อไป
    "สัปดาห์หน้าจึงจะนำเรียนคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์กำหนดมาตรการฉีด ในประชาชนทั่วไปและนายกรัฐมนตรีและคณะ และมีข่าวดีว่าในวันเสาร์ 20 มีนาคม จะมีการนำเข้าซิโนแวค 8 แสนโดส ล็อตต่อไป กลุ่มเป้าหมายจะฉีดเพิ่มขึ้นที่ปทุมธานี สมุทรสาคร กรุงเทพฯ และอาจเพิ่มการฉีดนอกเขตนอกพื้นที่โรงพยาบาลด้วย" นพ.โอภาสกล่าว
    น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์ข้อความทางเพจเฟซบุ๊กเกี่ยวกับประเด็นเรื่องวัคซีนโควิดและการแสดงความคิดเห็นทางคลับเฮาส์ว่า นายธนาธรน่าจะมีปัญหาเรื่องความจำ จึงทำให้สื่อสารแต่ข้อมูลเก่าๆ จนสังคมสับสน จะขอสรุปให้ฟังอีกครั้งว่า แผนการจัดหาวัคซีนโควิด ณ ปัจจุบันของไทย ปี 2564 มีทั้งหมด 63 ล้านโดส คือวัคซีนซิโนแวค 2 ล้านโดส และวัคซีนแอสตราเซเนกา 61 ล้านโดส และยังมีการจัดหาเพิ่มเติมต่อเนื่องเพื่อฉีดให้ประชาชนอย่างน้อย 63 ล้านโดส ภายในปี 2564
    น.ส.ทิพานันกล่าวต่อว่า หากนายธนาธรเปิดรับข้อมูลที่เป็นจริงจะพบว่ารัฐบาลไม่เคยมีนโยบายปิดกั้นหรือผูกขาดภาคเอกชนนำเข้าและใช้วัคซีนโควิด-19  ซึ่งขณะนี้มีผู้ยื่นขอขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว 4 ราย ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว 2 ราย คือวัคซีนแอสตราเซเนกา ของ บจก.แอสตร้า เซนเนก้า (ประเทศไทย) และโคโรนาแวค ของ บ.ซิโนแวค นำเข้าโดยองค์การเภสัชกรรม และอีก 2 ราย ได้แก่ วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดย บจก.แจนเซ่น-ซีแลก และวัคซีนของ บ.บารัต ไบโอเทค เทคโนโลยี โดย บจก.ไบโอจีนีเทค อยู่ระหว่างการยื่นเอกสาร
ทิพานันเดือดสับเละธนาธร
    "สิ่งที่นายธนาธรแสดงความคิดเห็น ต้องถามว่ามีจิตสำนึกที่ดี ต่อสังคมอย่างไร สิ่งที่นายธนาธรทำคล้ายว่านายธนาธรรู้ทุกเรื่องยกเว้นความจริง หลายครั้งข้อมูลก็ถูกบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง ดังนั้นจึงอยากขอให้นายธนาธรหยุดสื่อสารข้อมูลที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนจนทำให้สังคมสับสน คนทำงานก็เสียกำลังใจกันไปหมด และหากหวังดีกับประเทศ ก็ทำได้ง่ายๆ คือ "หยุดพูด หยุดโพสต์ ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง" ก็จะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์และคนทำงานได้อย่างดีที่สุด" น.ส.ทิพานันกล่าว
    วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “ครอบครัวไทยในยุคโควิด-19” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,184 คน สำรวจวันที่ 9-12 มีนาคม 2564 พบว่า ในยุคโควิด-19 ปัญหาครอบครัวที่พบมากที่สุดคือปัญหาหนี้สิน 75.41% หากมองในแง่บวกเห็นว่าโควิด-19 ทำให้ระมัดระวังในการใช้ชีวิตมากขึ้น 70.28% พฤติกรรมครอบครัวไทยที่เพิ่มขึ้น คือ การดูแลสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว 75.17% พฤติกรรมที่ลดลงคือการเดินทางท่องเที่ยว  63.77% ปัญหาหนักอกเกี่ยวกับครอบครัวคือรายรับไม่พอกับรายจ่าย  44.27%
    ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง ความสุขคนไทย ไม่ใช่ ไม่มี กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,728 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10-13 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา พบว่าสิ่งที่ทำให้คนไทยมีความสุข ได้แก่ การผ่อนคลายอนุญาตให้จัดงานสงกรานต์ ได้เที่ยว เฉลิมฉลอง กระตุ้นเศรษฐกิจ ทำความสุขคนไทยเพิ่มขึ้น 90.3% และ 90.2% ระบุวัคซีนป้องกันโควิดทำให้คนไทยมีความสุขมากขึ้น
    นอกจากนี้ 82.5% ระบุรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สามารถควบคุมการแพร่ระบาดโควิดระลอก 2 ได้ดี ทั้งจังหวัดสมุทรสาคร ระยอง และจังหวัดอื่นๆ ทำคนไทยมีความสุขเพิ่ม
    ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือ 98.5% ไม่เห็นด้วยที่นักการเมืองเอาเรื่องวัคซีนโควิดมาโจมตีทางการเมือง เอามาเป็นเรื่องการเมือง เพราะเป็นเรื่องทางการแพทย์ ควรให้แพทย์ออกมาพูด นักการเมืองสร้างความสับสนกับประชาชน ทำลายความสุขของประชาชน ที่น่าสนใจคือส่วนใหญ่หรือ 58.4% ของประชาชนมีความหวังจะก้าวต่อไปอนาคตชาติ เพราะไทยมีวัคซีนโควิด ผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆ ปลดล็อกงานสงกรานต์ เปิดประเทศรับธุรกิจท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการเยียวยาต่างๆ ทั่วถึงมากขึ้น เป็นต้น ในขณะที่ 20.9% กลางๆ ไม่แน่ใจ และ 20.7% รู้สึกกลัว เพราะม็อบที่ใช้ความรุนแรงทำลายความสุขคนไทย สร้างความขัดแย้งแตกแยกของคนในชาติ ซ้ำเติมวิกฤติโควิด วิกฤติเศรษฐกิจ เป็นต้น.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"