แม่สุดช้ำใจ! นอนกราบป้ายสถานีตำรวจ หลังลูกสาวถูกลักพาตัวไปข่มขืน แต่ ตร.ไม่รับแจ้งความ สภ.ชนบทแจงสื่อสารกันผิดพลาด เหตุผู้ร้องทุกข์แจ้งความคนหายไว้อีกโรงพัก ชี้เป็นคดีต่อเนื่องกัน ก่อนจับผู้ต้องหาส่ง สภ.แวงใหญ่ดำเนินคดีแล้ว
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. เวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆ ทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้มีการเผยแพร่ภาพหญิงรายหนึ่งกำลังนอนกราบป้าย สภ.ชนบท พร้อมข้อความระบุว่า “ชาวบ้านในจังหวัดขอนแก่นขอความช่วยเหลือ หลังลูกสาวถูกชายลักพาตัวลูกสาวไปข่มขืนกระทำอนาจาร เข้าแจ้งความแต่ตำรวจไม่รับแจ้งโยนไปให้โรงพักที่อยู่ติดกัน พอไปถึงกลับถูกไล่ให้ไปแจ้งโรงพักที่เดินทางมา สุดท้ายทำอะไรไม่ได้นอนกราบป้ายโรงพักร่ำไห้ร้องขอความยุติธรรม”
จากนั้นผู้สื่อข่าวลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพบกับนางยุวะรีย์ งานหมั่น มารดาของ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี พร้อมครอบครัว ได้เข้าพบกับ พ.ต.ท.ศราวุธ แดนสุข สว. (สอบสวน) สภ.ชนบท เพื่อแจ้งความว่า น.ส.เอ ถูกข่มขืน โดยทางตำรวจได้พยายามอธิบายให้กับทางแม่ลูกและญาติๆ ฟังถึงกรณีที่ไม่รับแจ้งความในพื้นที่ว่า สาเหตุที่ไม่รับแจ้งความนั้น เพราะผู้เสียหายได้ไปแจ้งความที่ สภ.แวงใหญ่ แล้วเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง สภ.ชนบท ได้มีการประสานไปยังทาง สภ.แวงใหญ่แล้ว โดยทาง สภ.แวงใหญ่ จะเป็นผู้ติดตามทำคดีดังกล่าวให้ ซึ่งทางตำรวจ สภ.ชนบทพยายามจะพูดแบบนี้ แต่ทางแม่และญาติได้โวยวายก่อนยังไม่ทันได้พูดไปจนเป็นเรื่องเป็นราวดังกล่าวเกิดขึ้น
นางยุวะรีย์เล่าว่า ลูกสาวได้หายตัวไปเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาประมาณ 18.00 น. ได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.แวงใหญ่ กรณีลูกหาย ทางตำรวจจึงลงบันทึกประจำวันเอาไว้ และบอกว่าจะติดตามหาลูกให้ ต่อมาหลังจากพบลูกสาว จึงได้พาลูกสาวไปตรวจร่างกายตามที่ตำรวจ สภ.แวงใหญ่บอก แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาล (รพ.) แวงใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าต้องไปตรวจที่ รพ.ชนบท เพราะเกิดเหตุในเขต อ.ชนบท ไม่สามารถข้ามเขตได้ และวันต่อมาจึงพาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่ รพ.ชนบท โดยหมอบอกว่าจะแจ้งผลในอีก 2 สัปดาห์ ก่อนจะนำใบตรวจร่างกายเบื้องต้นไปแจ้งความที่ สภ.ชนบท แต่ทางตำรวจไม่รับแจ้งความบอกให้ไปแจ้งความที่ สภ.แวงใหญ่ อีกทั้งทางตำรวจบอกกับตนเองว่า ลูกสาวอายุ 27 ปี บรรลุนิติภาวะแล้ว ส่วนชายที่พาลูกไปนั้นอายุ 39 ปี ในทางคดีต้องเอาอายุ 15 ปีขึ้นไป ถึง 18 ปี จึงจะมีความผิด
"สิ่งที่แม่ต้องการคืออยากดำเนินคดีกับชายดังกล่าวที่ลักพาตัวลูกสาวแม่ไปกระทำการอนาจาร และอยากจะรู้ว่ากรณีนี้ที่ลูกสาวแม่ไม่สมประกอบนั้นไม่สามารถเอาผิดชายดังกล่าวได้ใช่หรือไม่ อยากจะทราบตรงนี้เพื่อขอความเป็นธรรม ซึ่งหลังจากที่ทางตำรวจไม่รับแจ้งความแม่จึงเกิดความเสียใจ ออกมากราบที่หน้าป้ายโรงพักขอความยุติธรรมให้กับลูกสาว ให้กับครอบครัว เพราะไม่รู้จะทำวิธีไหนแล้ว" นางยุวะรีย์ระบุ
ขณะที่ น.ส.เอ อายุ 27 ปี กล่าวว่า นายปิ๊ก (ผู้ต้องหา) รับจ้างขุดบ่อบาดาลที่บ้านญาติ จึงรู้จักกัน แลกเบอร์โทรศัพท์กัน เมื่อนายปิ๊กกลับบ้านได้โทรศัพท์มาชวนไปกินข้าว และมารับที่ร้านค้าในหมู่บ้าน จึงได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปด้วย แต่ไม่พาไปกินข้าว แต่กลับพาไปที่บ้านแล้วก็ขอมีเพศสัมพันธ์ ตกค่ำอยากกลับบ้าน นายปิ๊กไม่ไปส่ง เพราะอ้างว่าค่ำแล้ว จนถึงเช้าอีกวัน มารดากับญาติจึงมาพบ และพากลับบ้าน
ที่ สภ.ชนบท พ.ต.อ.ชาญศิลป์ นาสูงชน ผกก.สภ.ชนบท ชี้แจงว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน สภ.ชนบท ไม่ได้ปฏิเสธการรับแจ้งความ มีการรับแจ้งตามขั้นตอน และส่งไปตรวจร่างกาย แต่ในทางการสอบสวนนั้น ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แวงใหญ่ เป็นผู้ดำเนินการ เพราะเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น ได้อธิบายให้มารดาและญาติผู้เสียหายให้เข้าใจว่า เหตุที่เกิดแยกเป็น 2 กรณีแรกคือ การนำพา หมายถึงการหายตัวออกจากบ้าน หายจากบ้านใด พื้นที่ใด ซึ่งก็คือพื้นที่ สภ.แวงใหญ่ กรณีที่ 2 คือการก่อเหตุหรือการกระทำ การข่มขืน อนาจาร ซึ่งในจุดนี้ เกิดเหตุที่บ้านหนองสะแบง ต.ห้วยแก อ.ชนบท พื้นที่ สภ.ชนบท แต่มารดาและญาติมีการแจ้งคนหาย การพบตัว รวมถึงการข่มขืน ที่ สภ.แวงใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว หลักการสอบสวน จึงอยู่ที่ สภ.แวงใหญ่ ส่วนการสืบสวนจับกุม เจ้าหน้าที่ประสานการทำงานกันได้ทุกโรงพัก ซึ่งญาติและมารดาฟัง แต่อาจจะไม่เข้าใจตามขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ไปกราบป้ายหน้า สภ.ชนบท
พ.ต.อ.ธนารัตน์ มีทองหลาง ผกก.สภ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า อาจจะเกิดจากการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เป็นความผิดต่อเนื่อง ทั้งการพาไปและการข่มขืน เขตติดต่อกัน 2 โรงพัก ซึ่งในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจะรับแจ้งความซ้ำซ้อนกันได้ แต่มีการประสานงานกัน ในการดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้ทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ชนบท และชุดสืบสวน สภ.แวงใหญ่ เข้าทำการควบคุมตัวนายอเนก โคตรดา หรือปิ๊ก อายุ 38 ปี มาที่บ้านของ น.ส.เอ โดยนายปิ๊กเดินทางมาพร้อมกับนางบุญแถม โคตรดา อายุ 77 ปี มารดา โดยนายปิ๊กยอมรับว่า มีเพศสัมพันธ์กับฝ่ายหญิงจริง ไม่ได้เป็นการข่มขืน และยินดีรับผิดชอบแต่งงานกับฝ่ายหญิงให้ถูกต้องตามประเพณีทุกอย่าง ขณะที่ น.ส.เอ ยืนยันว่าไม่รัก และไม่ต้องการอยู่ด้วย
พ.ต.ท.เธียรไชย ชาวส้าน รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.แวงใหญ่ จึงได้เดินทางมายังบ้านหลังดังกล่าว พร้อมกับรับตัวนายปิ๊ก ผู้ต้องหาไปสอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหาในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงซึ่งไม่ไม่ภรรยาของตน ซึ่งเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นจะส่งฟ้องฝากขังที่ศาลจังหวัดพล อ.พล จ.ขอนแก่น ต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |