ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไทยในหลากหลายธุรกิจ รวมไปถึงผู้ประกอบการธุรกิจโรงพยาบาล ต่างหันมารุกธุรกิจเมดิคอลกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีทั้งตั้งศูนย์บริการในกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เปิดให้บริการทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ แต่ละบริษัทก็จะมีแพ็กเกจที่ดึงดูดลูกค้าแตกต่างกันไป โดยจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้การดูแล สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางการแพทย์ของโลก โดยใช้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (พ.ศ.2560-2569) พร้อมกับให้การสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวและมาตรการควบคุมโรค ทำให้ไทยกลายเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อ ที่ต้องการสถานที่ปลอดภัยจากโรคระบาด สถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และสถานที่พักผ่อนระดับเอ็กซ์คลูซีฟ

สำหรับอาทิตย์เอกเขนกสัปดาห์นี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “อรรถนพ พันธุกำเหนิด” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (InvestmentProperty : IP) ที่มุ่งสร้างความแตกต่างและสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับนักลงทุน ด้วยการสร้างสรรค์และพัฒนาโมเดลในหัวเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมืองที่ไม่ได้พึ่งพิงกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ที่มีกลุ่มผู้เช่าแน่นอนอยู่แล้ว อาทิ ภูเก็ต พังงา กลับมีอัตราความต้องการที่สูงขึ้นชัดเจนจากความต้องการของกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติ รวมถึงคนไทยที่ให้ความสนใจเข้ามาซื้ออสังหาฯ เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุน ซึ่งจะเป็นการตอบโจทย์กับนักลงทุนอย่างคุ้มค่าด้วยความเสี่ยงที่ต่ำ และสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับผลตอบแทนอย่างยั่งยืน

อรรถนพ เริ่มเล่าว่า เป้าหมายของการดำเนินธุรกิจคือการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ซึ่งจะเลือกพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพโดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตและพังงา โดยปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจอยู่ 3 ส่วน คือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและเป็นที่ปรึกษาให้กับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดท่องเที่ยวโดยเฉพาะ และธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน

เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา ซิซซา กรุ๊ป ร่วมกับ รอ.นพ.พิชาญศักดิ์ บุญมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารวีพลาส เมดิคอล กรุ๊ป ร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเมกะโปรเจ็กต์ในรูปแบบ รพ.สุขภาพและความงาม ควบคู่ไปกับรีสอร์ตหรูระดับ 6 ดาว ภายใต้ชื่อโครงการนาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ต เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญด้านการดูแลสุขภาพมากขึ้น รวมไปถึงการพิจารณาการเข้าพักในโรงแรมที่มีการดูแลด้านสุขอนามัยอย่างจริงจัง ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

“ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดในรอบแรก โรงแรมต่างๆ ในภูเก็ตและพังงา ซึ่งถือว่าเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก ที่มุ่งเน้นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศถึง 80-90% และวิกฤติที่ผ่านมาทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ ผู้ประกอบการหลายรายปรับตัวหันมาเน้นตลาดคนไทยมากขึ้น แต่ก็ยังไม่มีนัยที่สามารถทำตลาดรองรับคนไทยได้มาก หากจะไปเริ่มตลาดคนไทยก็จะช้า สู้ปิดบริการไปก่อน ดังนั้นส่วนใหญ่จึงได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก”

ขณะที่ ซิซซา กรุ๊ป มีความได้เปรียบ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนที่อยู่ในกรุงเทพฯ เป็นหลัก จึงได้รับผลกระทบน้อยกว่า ส่วนธุรกิจโรงแรมนาใต้ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา ได้หันมาเน้นการตลาดเจาะกลุ่มคนไทยอยู่บ้างแล้ว และวินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต ที่เพิ่งเปิดให้บริการ ก็เริ่มทำตลาดคนไทยไปด้วย แต่ในระยะแรกจะเปิดให้บริการเพียง 30 ห้องพัก จากทั้งหมด 353 ห้องพัก ในราคาเข้าพักที่ถูกกว่าช่วงระยะเวลาปกติ 2-3 เท่าตัว ซึ่งถือเป็นโอกาสทองของลูกค้า 

ขณะเดียวกัน เมื่อนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในประเทศไทยได้ ก็จะเป็นช่วงจังหวะที่กลุ่มซิซซา กรุ๊ป เปิดให้บริการ Natai Medical Center & Resort โรงพยาบาลเพื่อสุขภาพ ความงาม และรีสอร์ตหรู มูลค่ากว่า 4,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมมือกับวีพลาส เมดิคอล กรุ๊ป มีบริการทางการแพทย์ที่หลากหลาย อาทิ ศูนย์ศัลยกรรมความงาม ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ควบคู่ไปกับรีสอร์ตหรูระดับพรีเมียม เพื่อตอบสนองความต้องการของคนในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับการดูแลด้านสุขภาพและความงามมากขึ้น

“เรามั่นใจว่าการให้บริการระดับโรงแรม 5 ดาวของเรา จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างแน่นอน เพราะเราเน้นในเรื่องเซอร์วิสที่ดีที่สุด โดยมั่นใจว่าเราจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้ เพราะผ่านมาแล้วในหลายวิกฤติ และพนักงานเองก็มีประสบการณ์และมีความจริงใจในการช่วยผลักดันให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้เช่นเดียวกัน” อรรถนพ กล่าวปิดท้าย.