ป่วนใต้!ยิงฐานทหาร-วางบึ้มธนาคาร


เพิ่มเพื่อน    

  ป่วนใต้รับรอมฎอน! วางระเบิดกว่า 20 จุดใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เน้นวางบึ้มตู้เอทีเอ็มธนาคารต่างๆ และโจมตีฐานทหาร ส่วนปัญหานักเรียนมุสลิมจบด้วยดี ไฟเขียวให้เด็กหญิง-ชายมุสลิมแต่งตัวตามหลักศาสนาไปเรียนที่ รร.อนุบาลปัตตานีได้ รมช.ศธ.บี้เร่งสร้างเข้าใจหลังโลกออนไลน์เริ่มปลุกระดม

เมื่อเวลา 19.00 น. วันอาทิตย์ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เกิดเหตุกลุ่มผู้ไม่หวังดีก่อเหตุในหลายพื้นที่หลายจุด โดยที่จังหวัดปัตตานี ได้เกิดเหตุวางระเบิด 4 จุด ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี โดยจุดแรก ระเบิดหน้าธนาคารกสิกรไทย, จุดที่สอง ตู้กดเงินอัตโนมัติ (เอทีเอ็ม) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย โดยรายหนึ่งอาการสาหัส, จุดที่สาม หน้าธนาคารกรุงไทย สาขาปัตตานี และจุดที่สี่ ตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสิน หน้าวิทยาลัยเทคนิค
    นอกจากนี้ ยังมีการวางระเบิดในอำเภออื่นๆ อีก ทั้งที่ อ.สายบุรี มีการวางระเบิดตู้เอทีเอ็มธนาคารอิสลามหน้าโรงเรียนศาสนาศึกษา และตู้เอทีเอ็มปั๊มน้ำมัน ต.เตราะบอน ส่วนที่ อ.หนองจิก มีการวางระเบิดหน้าธนาคาร ธ.ก.ส. พื้นที่มะรือโบตก ระเบิดหน้าตู้เอทีเอ็มของธนาคารออมสิน และ อ.ยะรัง มีการวางระเบิดข้าง สภ.โสร่ง ต.เขาตูม 
    ส่วนที่จังหวัดยะลา ในเวลาไล่เลี่ยกัน มีรายงานว่าในพื้นที่ อ.บันนังตสา ได้ยินเสียงระเบิดดังถึง 5 ลูก นอกจากนั้นในพื้นที่ อ.ธารโต ผู้ไม่หวังดีได้ยิงเอ็ม 79 ใส่ฐาน นปพ.ธารโต และวางระเบิดอีก 2 จุด ในบริเวณโรงจอดรถบ้านพักนิคมธารโต วางตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย บริเวณสามแยก บ.บันนังดามา ม.1 อ.กายัง ระเบิดตู้เอทีเอ็มของธนาคารออมสิน ข้างร้านสะดวกซื้อ 7-11 ปั๊ม ปตท.บ้านหวัน สะกอม รวมทั้งวางระเบิดเสาไฟฟ้าเส้น 410 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา 
    จ.นราธิวาส เกิดเหตุเช่นกัน ที่ อ.บาเจาะ ผู้ไม่หวังดีได้ยิงถล่มใส่ฐานวัดอุไร และยิงใส่ฐาน ฉก.ทพ.นย.32 รวมทั้งระเบิดตู้เอทีเอ็มในเทศบาลต้นไทร ส่วนที่ อ.ระแงะ ได้มีการระเบิดตู้เอทีเอ็ม 
    ทั้งนี้ จากการประเมินเบื้องต้นพบว่ามีการป่วนในหลายพื้นที่ รวมกว่า 20 จุดด้วยกัน
วันเดียวกัน ในกรณีปัญหาโรงเรียนอนุบาลปัตตานีห้ามนักเรียนหญิงสวมฮิญาบไปเรียนหนังสือ จนทำให้นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยตัวแทนคุณวุฒิ ซึ่งเป็นกรรมการสถานศึกษาของโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ต้องลาออกจากการเป็นกรรมการสถานศึกษา 2 ท่าน เพื่อแสดงความรับผิดชอบดังกล่าว ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ปกครองนักเรียนมุสลิมนับร้อยคนได้นัดกันไปรวมตัวที่หน้าโรงเรียน เพื่อขอคำชี้แจงจากผู้บริหารโรงเรียนในวันที่ 21 พ.ค.นี้นั้น
มีรายงานความเคลื่อนไหวในพื้นที่ตลอดทั้งวัน พบว่าท่าทีของกลุ่มผู้ปกครองนักเรียนมุสลิมและทนายความ ได้นัดกันไปรวมตัวที่ประชุมเพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้ ที่ มอ.ปัตตานี โดยมีผู้ปกครองประมาณเกือบ 20 คน และมีกลุ่มทนายความเข้าร่วมหารือ ส่วนที่โรงเรียนอนุบาลปัตตานี มีบุคลาการทางการศึกษาโรงเรียนได้ประชุมกันเพื่อสร้างความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นในทิศทางเดียวกัน ส่วนการคลุมฮิญาบนั้น ต้องรอคำสั่งจากเบื้องบน ซึ่งที่ประชุมไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในโรงเรียนโดยเด็ดขาด 
    มีรายงานว่า คณะที่มาจากกรุงเทพฯ นั้น มีทั้งนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และนายบุญรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และเมื่อถึงเวลา 15.30 น. สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดปัตตานี ได้แถลงข่าว ประกอบด้วยนายประจักษ์ ชูศรี ผอ.โรงเรียนอนุบาลปัตตานี, ดร.ชูสิน  วรเดช รองศึกธิการจังหวัดปัตตานี และนายอับดุลมายิด เบญฮาวัน รอง สฟถ.เขต 1 ปัตตานี ร่วมแถลง โดยสรุปว่า ในวันจันทร์ที่ 21 พ.ค. เด็กนักเรียนหญิงมุสลิมสามารถคลุมฮิญาบได้ ส่วนผู้ชายสามารถใส่กางเกงขายาวได้ และจะชี้แจงให้กับครู ผู้ปกครองทราบ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง    
         "การหารือได้ข้อยุติแล้ว โดยนักเรียนมุสลิมสามารถแต่งกายตามหลักศาสนาได้ แต่ให้แต่งตามระเบียบของโรงเรียน เช่น นักเรียนชายใส่กางกางขายาวสีเดียวกับนักเรียนทั่วไป ส่วนนักเรียนหญิงให้คลุมฮิญาบสีขาว หรือสีเดียวกับสีกระโปรง หลังจากนี้ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการโรงเรียนไปชี้แจงให้ผู้ปกครองได้รับทราบและเข้าใจตรงกัน" พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้กล่าวกับศูนย์ข่าวอิศรา 
       สำหรับระเบียบการแต่งกายของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ซึ่งเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 นั้น นักเรียนหญิงให้สวมกระโปรงจีบสีน้ำเงิน ฉะนั้นนักเรียนหญิงมุสลิมก็สามารถสวมฮิญาบได้เฉพาะสีขาวกับสีน้ำเงิน ส่วนนักเรียนชายตามระเบียบให้สวมกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ตามข้อตกลงใหม่นักเรียนชายมุสลิมก็สามารถสวมกางเกงขายาวได้ แต่ต้องเป็นสีน้ำเงิน
    พล.อ.สุรเชษฐ์ยังกล่าวว่า สิ่งที่หลายฝ่ายยังคงเป็นห่วงคือการทำความเข้าใจกับครูในโรงเรียน ซึ่งล่าสุดได้กำชับให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำความเข้าใจกับครู โดยเน้นย้ำเรื่องการสอนเด็กนักเรียนให้มีคุณภาพ เช่นเดียวกับการทำความเข้าใจกับผู้ปกครองทุกศาสนาด้วย ซึ่งการแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถยุติความคิดเห็นที่แตกต่างกันระหว่างคนต่างศาสนาในพื้นที่ซึ่งกำลังร้อนระอุ โดยเฉพาะการแสดงความเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งบางส่วนเริ่มมีการปลุกระดมกันแล้วด้วย
สำหรับปัญหาการไม่อนุญาตให้นักเรียนหญิงมุสลิมสวมฮิญาบไปโรงเรียนนั้น เกิดในภาคการศึกษาใหม่ซึ่งเพิ่งเปิดเทอมวันแรกไปเมื่อวันที่ 16 พ.ค. ไม่กี่วัน โดยผู้ปกครองนักเรียนมุสลิมหลายคนได้ทำเรื่องร้องขอไปทาง รร.ตั้งแต่ช่วงปิดเทอม ขออนุญาตให้เด็กมุสลิมทั้งหญิงและชายได้แต่งเครื่องแบบนักเรียนตามหลักศาสนา ซึ่งโรงเรียนไม่ได้แสดงท่าทีขัดข้อง ทำให้ช่วงเปิดเทอมมีเด็กหลายคนแต่งกายตามหลักศาสนามา ซึ่งไม่ตรงกับเครื่องแต่งกายตามระเบียบของโรงเรียน แต่วันต่อมากลับมีครูราว 20 คนแจ้งลาป่วยและลากิจพร้อมกัน จนตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าครูไม่ยอมสอน เพราะนักเรียนหญิงสวมฮิญาบมาโรงเรียน ทำให้ผู้บริหารโรงเรียนต้องเชิญผู้ปกครองนักเรียนเข้าหารือ และจัดประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ในคณะกรรมการสถานศึกษาไม่อนุมัติให้แก้ระเบียบของโรงเรียน ทำให้เด็กมุสลิมไม่สามารถแต่งกายตามหลักศาสนาได้ แต่ต้องแต่งตามระเบียบของโรงเรียนเท่านั้น และทำเรื่องดังกล่าวลุกลามมาจนแก้ปัญหาได้ในปัจจุบัน.


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"