14 มี.ค. 64 เวลา 7.40 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำตัว นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการข่าว จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขึ้นรถกรมราชทัณฑ์มาติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ (EM) ที่สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร เขต 7 หลักสี่ หลังจากที่ได้รับการพิจารณาพักโทษกรณีพิเศษ โดยครอบครัวและญาติของนายสรยุทธ ได้นำดอกไม้ธูปเทียน ทำพิธีกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ระหว่างรอการปล่อยตัวนายสรยุทธ
เวลา 09.30 น. นายสรยุทธ เปิดเผยหลังติดกำไล EM ว่า ขอบคุณทุกคนที่ให้ความสนใจ ดีใจที่ได้รับอิสรภาพแม้จะยังไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอยู่ภายใต้เงื่อนไขกรมคุมประพฤติ แต่อย่างน้อยก็ยังได้ออกจากเรือนจำ ช่วงระหว่างถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ระยะเวลา 1 ปีกว่า การกินอยู่ นอนไม่สบายมากนักแต่ก็ค่อยๆปรับตัวได้ ก็มีความทุกข์บ้างแต่คดีได้จบสิ้นเสียที กระทั่งช่วงโควิด-19 ระบาด มีกระแสข่าวในเรือนจำบุรีรัมย์ มีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 จึงทำให้เกิดจลาจล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม จึงมีนโยบายจัดรายการเรื่องเล่าชาวเรือนจำ เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ต้องขัง หลังจากที่มีโอกาสได้จัดรายการซึ่งเป็นอาชีพที่รัก ก็ทำให้วันเวลาในเรือนจำผ่านไปไวขึ้น หลังจากนี้มีโอกาสกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งในชีวิตใหม่อีกครั้ง
นายสรยุทธ กล่าวพร้อมน้ำตาคลออีกว่า หลังจากออกเรือนจำสิ่งแรกอยากจะทำคือ เดินทางไปไหว้รูปมารดา ส่วนการกลับมาจัดรายการข่าวนั้นจะขอใช้เวลาคิดสักระยะ เพราะว่างเว้นจากการทำข่าวมานานกว่า 5 ปี ตั้งแต่มีคดีความ และปัจจุบันมีรายการข่าวมากมายต้องขอเวลาปรับตัวแต่ยืนยันว่า หากจะกลับมาทำหน้าที่พิธีกรข่าว จะยังคงอยู่ที่ช่อง3เหมือนเดิม
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าวว่า การปล่อยตัวของ นายสรยุทธ ครั้งนี้ ไม่ใช่การปล่อยตัวนักโทษวีไอพี แต่เป็นการอำนวยความสะดวกเพราะเห็นว่า นายสรยุทธ เป็นที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน รวมถึงเป็นที่รู้จักของคนในสังคม จึงจำเป็นต้องจัดระเบียบในทุกขั้นตอน เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว
นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติเปิดเผยว่า หลังจากติดกำไล EMแล้ว นายสรยุทธ จะไม่สามารถกลับไปใกล้กับบริเวณเรือนจำได้เพราะเป็นข้อห้าม เนื่องจากเกรงว่าจะมีการติดต่อกับนักโทษภายใน ห้ามขึ้นเครื่องบินแต่หากจะเดินทางต้องขออนุญาตก่อน ห้ามเคลื่อนย้ายออกนอกสถานที่ได้รับอนุญาต คือ พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ยกเว้นได้รับอนุญาต รวมถึงห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง เช่น เป็นพิธีกรให้กับพรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่งยกเว้นแต่การจัดรายการข่าวทั่วไปซึ่งจะต้องนำเสนอข้อเท็จจริงของข่าวภายใต้จรรยาบรรณของสื่อมวลชน
สำหรับนายสรยุทธ์ เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ได้รับพระราชทานอภัยโทษ โดยการลดโทษมาแล้ว 2 ครั้ง เมื่อช่วงเดือน ส.ค.63 และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.63 กำหนดโทษหลังสุด 3 ปี 6 เดือน 20 วัน ซึ่งรับโทษจำคุกมาแล้ว 1 ปี 2 เดือน 6 วัน คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน โดย นายสรยุทธ ได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ และเหลือโทษที่ต้องได้รับต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี ถือว่าเป็นประโยชน์ของผู้ต้องขังตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 จึงมีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ และต้องติดกำไล EM เป็นระยะเวลา 14 เดือน ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.64 ถึง 20 พ.ค.65 และต้องรายงานตัวจนกว่าจะพ้นโทษ คือ วันที่ 26 ก.ค.66 รวม 2 ปี 4 เดือน
ในส่วนของบรรยากาศที่กรมคุมประพฤติ มีคนดังเดินทางมารอรับเป็นจำนวนมาก เช่น นายศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร หรือ โต๋ นักร้องชื่อดัง, นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นักธุรกิจและนักการเมืองชื่อดัง, นายตัน ภาสกรนที นักธุรกิจ และ นางอริสรา กำธรเจริญ หรือหมวย ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ซึ่งทุกคน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกดีใจที่นายสรยุทธ์ ได้ออกจากเรือนจำแล้ว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |