มาแบบพับเพียบ! เดินทะลุฟ้าภาค 2 รวมกลุ่มพีมูฟ ภาคี#saveบางกลอย ปักหลักทำเนียบฯ ยาว จี้ "บิ๊กตู่" ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเดี๋ยวนี้ ซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจ ประชาชนเชื่อม็อบทำให้เกิดการแพร่ระบาดโควิด ซ้ำเติมความทุกข์ยาก มุ่งทำร้ายสถาบันหลักของชาติ
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2564 เวลา 14.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง กลุ่มเดินทะลุฟ้า V2 ได้เริ่มเดินขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มุ่งหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อปักหลักค้างคืน โดยมีข้อเรียกร้องหลักคือ 1.ให้ปล่อยตัวแกนนำ "ราษฎร" ที่ถูกจับกุมคุมขัง 2.เขียนรัฐธรรมนูญ 3.ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 4.ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที โดยการจัดกิจกรรมในวันนี้ทางกลุ่มได้ระบุตลอดการเดินขบวนว่าให้ยึดหลักสันติวิธี
อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มออกข้อควรปฏิบัติอื่นๆ ในการอยู่ร่วมกันในหมู่บ้าน อาทิ ให้สูบบุหรี่ในโซนที่จัดไว้, งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดใช้เสียงหลัง 23.00 น.
ทั้งนี้ ในเวลา 14.20 น. การเดินขบวนของกลุ่มผู้ชุมนุมต้องหยุดชะงัก เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนได้ปิดแยกผ่านฟ้าลีลาศไว้ เพื่อกันไม่ให้ผู้ชุมนุมเดินผ่านไปถึงทำเนียบรัฐบาลได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้เจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมให้ยุติกิจกรรมในเบื้องต้น อันเนื่องมาจากการชุมนุมที่ขัด พ.ร.ก.ฉุกเฉินและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้อ้างว่าการชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนพึงมี แต่ทางเจ้าหน้าที่ระบุกับผู้ชุมนุมว่าการชุมนุมเป็นสิ่งที่ประชาชนสามารถทำได้ แต่ต้องไม่ขัดสิทธิเสรีภาพต่อผู้อื่น และการจัดกิจกรรมต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ซึ่งหลังจากการเจรจา ทางเจ้าหน้าที่ได้นำข้อเจรจาไปปรึกษากับผู้บังคับบัญชาอีกครั้ง
ต่อมาทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้เปลี่ยนทางเคลื่อนขบวนโดยใช้ถนนนครสวรรค์ไปที่แยกนางเลิ้ง ก่อนมุ่งหน้าไปที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกล่าวเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมขบวนเพื่อแสดงให้เห็นว่า “เราไม่ทนอีกต่อไป” เสียงของพี่น้องทุกท่านสำคัญมากจริงๆ
นอกจากนี้ ยังมีการชูธงของกลุ่มศิลปะปลดแอก เป็นภาพนักกิจกรรมและแกนนำราษฎรที่อยู่ในเรือนจำ อาทิ นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน, นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง, นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข
กระทั่งเวลา 14.53 น. ผู้ชุมนุมเดินเท้าถึงสะพานชมัยมรุเชฐโดยมีการส่งตัวแทนไปทักทายกลุ่มพีมูฟและภาคี#saveบางกลอย ก่อนให้ผู้ชุมนุมพักผ่อน ดื่มน้ำ เตรียมตั้งหมู่บ้านเดินทะลุฟ้าร่วมกัน ด้านทีมงานเดินทะลุฟ้าทำการจัดแจงพื้นที่สำหรับการตั้งหมู่บ้าน
ทั้งนี้ ผู้ร่วมเดินทะลุฟ้า V2 มีทั้งเด็ก เยาวชน ประชาชน ผู้สูงอายุ และพระสงฆ์ร่วมขบวน ทั้งนี้มีผู้ร่วมชู 3 นิ้วและบันทึกภาพ ตลอดสองข้างทาง ผู้สูงอายุบางส่วนก็ได้ออกมายืนหน้าบ้านและอมยิ้มเมื่อเห็นขบวนเดินผ่านอีกด้วย
จ่อขอคืนพื้นที่
ตัวแทนกลุ่มเดินทะลุฟ้าทำการชี้แจงพื้นที่ที่จะใช้ร่วมกัน โดยระบุว่าจะอยู่ยาวไปเรื่อยๆ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นเพื่อเขียนรัฐธรรมนูญประชาชน จากนี้จะเข้าไปตั้งหมู่บ้าน จัดโซนครัว ห้องน้ำ และที่พัก โดยจะมีเวทีเสวนาช่วงค่ำวันนี้ไปจนถึงเวลาประมาณ 23.00 น.
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นการชุมนุมดังกล่าวเป็นการชุมนุมผิดกฎหมาย ซึ่งการปิดการจราจรในจุดดังกล่าวจะกระทบต่อการจราจร อีกทั้งมีโรงเรียนที่อยู่ละแวกดังกล่าว 3 แห่ง ซึ่งในวันจันทร์โรงเรียนต่างๆ ก็จะเปิดตามปกติ จึงอาจกระทบต่อการเรียนการสอนของทางโรงเรียน อีกทั้งยังมีหน่วยงานราชการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเป็นจำนวนมา จึงจำเป็นต้องเจรจาให้ผู้ชุมนุมเปิดการจราจร ช่วงถนนพิษณุโลก จากสามแยกนางเลิ้งถึงเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ซึ่งหากผู้ชุมนุมไม่มีการเปิดการจราจรในจุดดังกล่าว ก็มีความจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย โดยจะเน้นการจราจร โดยสถานการณ์ในปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้กำลังหรืออุปกรณ์พิเศษในการยุติการชุมนุม
ส่วนจุดชุมนุมถนนพระรามที่ 5 เลียบคลองเปรมประชากร ช่วงแยกพาณิชยการ สะพานชมัยมรุเชฐ ถึงสะพานอรทัย จะอนุโลมให้ผู้ชุมนุมกลุ่มSaveบางกลอย พีมูฟ และกลุ่มเดินทะลุฟ้า V2 บางส่วนพักค้างคืนได้ชั่วคราว
พล.ต.ต.ปิยะยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ต้องดูว่าจะสามารถอนุโลมได้มากน้อยแค่ไหน เพราะกลุ่ม Saveบางกลอยมาเรียกร้องสิทธิมาเป็นเวลาหลายวัน แต่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนหรือความรุนแรงเหมือนกับอีกกลุ่มหนึ่งที่ตำรวจไม่สามารถประเมินพฤติกรรมได้
ส่วนในช่วงกลางคืน กองบัญชาการตำรวจนครบาลจะจัดกำลังสายตรวจเช้ามาช่วยตรวจตราพื้นที่และคัดกรองกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่อาจเข้ามาก่อความปั่นป่วนในพื้นที่ได้ ขณะที่กำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนที่อยู่ภายในทำเนียบรัฐบาลและพื้นที่อื่นๆ โดยรอบ ตำรวจจะคงกำลังไว้เท่าเดิมไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วง สามารถควบคุมดูแลสถานการณ์ได้
ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง ม็อบ ต้นตอ โควิด กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,858 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 9-12 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.2 ม็อบทำให้เกิดการแพร่ระบาดโควิด ซ้ำเติมความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน ในขณะที่ส่วนใหญ่เช่นกัน หรือร้อยละ 97.1 ระบุม็อบทำประชาชนเดือดร้อนยิ่งกว่าตัวกฎหมายมาตรา 112
ม็อบมุ่งทำร้ายสถาบัน
ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.2 ระบุม็อบมุ่งทำร้าย สถาบันหลักของชาติ อันเป็นหัวใจของคนไทยทั้งชาติ, ร้อยละ 95.2 ระบุแกนนำม็อบเชื่อมโยงผลประโยชน์ต่างชาติ ชักศึกเข้าบ้าน โกยเงินเข้าตนเอง และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.8 กังวล รัฐบาลต่างชาติอยู่เบื้องหลังม็อบไทย ม็อบพม่า
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.7 ระบุประชาชนทั่วไป ขยันหมั่นเพียรหากินสุจริตด้วยตนเองค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ไม่ใช่พวกโหนม็อบหากิน สร้างชื่อเสียงทำตัวเองเด่นดัง ในขณะที่ ร้อยละ 14.2 ระบุปานกลาง และร้อยละ 10.1 ระบุค่อนข้างน้อย ถึงไม่เลย นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.7 ระบุม็อบทำให้คนหาเช้ากินค่ำลำบากค่อนข้างมากถึงมากที่สุด, ร้อยละ 18.1 ระบุปานกลาง และร้อยละ 12.2 ระบุค่อนข้างน้อยถึงไม่เลย
ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.6 ระบุม็อบ ทำให้คนป่วยจะไปโรงพยาบาลเดินทางลำบากค่อนข้างมากถึง มากที่สุด, ร้อยละ 18.4 ระบุปานกลาง และร้อยละ 13.0 ระบุค่อนข้างน้อยถึงไม่เลย
ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า ม็อบ ต้นตอ โควิด เป็นหัวข้อโพลที่สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่ “รู้เท่าทันม็อบ” ว่ามุ่งก่อเหตุปัจจัยทำให้เกิดความรุนแรงขยายวงกว้างเพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดสถานการณ์สุกงอม บ้านเมืองวุ่นวายจนคุมไม่อยู่จนเกิดวงจรอุบาทว์ ทหารออกมาเข้าทางขบวนการปลุกปั่นกระแสต่อต้านรัฐประหาร ทำให้กลุ่มต่างๆ ที่เตรียมไว้แนวหลังกลุ่มม็อบจะออกมาแสดงตนด้านหน้าเป็นแผง เช่น รัฐบาลต่างชาติ นักวิชาการ นักการเมือง กลุ่มสุดขั้วหัวกะทิทางการเมือง และกลุ่มตามกระแส เป็นต้น
ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวต่อว่า ถ้าสถานการณ์เลวร้ายจนอาจจะเหลือแต่ซากปรักหักพัง จะทำให้ขบวนการต่างชาติและคนไทยบางส่วนถือโอกาสเข้ามายึดครองกอบโกยผลประโยชน์ชาติของประเทศไทยไปในช่วงจังหวะที่คนไทยทั้งชาติอ่อนแอ ที่อาจจะเหมือนกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในทางตอนใต้ของประเทศเมียนมาที่มีขุมทรัพย์ในทะเลอันดามันและอื่นๆ จนประเทศเมียนมากำลังตกอยู่ในสภาวะที่น่าสงสารและบอบช้ำท่ามกลางสงครามแย่งชิงทรัพยากรของเมียนมาระหว่างกลุ่มประเทศมหาอำนาจสองขั้วอยู่ในเวลานี้ ประเด็นคำถามคือ คนไทยจะไม่หันมา รู้รักสามัคคี รู้เท่าทันม็อบเพื่อปกป้องรักษาผลประโยชน์ชาติไว้ให้ลูกหลานคนรุ่นใหม่หรืออย่างไร.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |