ภาพ : แกรนด์ อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี กับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส
การพบปะหารือระหว่างสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (Francis) กับแกรนด์ อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี (Grand Ayatollah Ali Al-Sistani) ผู้นำทางจิตวิญญาณชีอะห์ในอิรัก ทั้งคู่เห็นตรงกันย้ำศาสนาต่อต้านสงคราม ต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และความขัดแย้งอันเนื่องจากต่างศาสนานิกาย การพบปะหารือระหว่างพระสันตะปาปากับผู้นำจิตวิญญาณชีอะห์ในอิรักชื่นมื่น
ต้นมีนาคมที่ผ่านมา พระสันตะปาปาฟรานซิสเยือนอิรักอย่างเป็นทางการ ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น พระสันตะปาปาประกาศจุดยืนศาสนาหลายข้อ ย้ำให้ศาสนิกชนทุกนิกายศาสนาละความเกลียดชังต่อกัน มุ่งแสวงหาสันติภาพ ความสามัคคีแม้ต่างศาสนาความเชื่อ ย้ำว่าคำสอนแท้คือให้นับถือพระเจ้าและรักเพื่อนบ้านของตน ให้ทุกคนเห็นว่าพระเจ้าทรงเมตตา ไม่ใช่เกลียดชังคนอื่น ความเป็นศัตรู ลัทธิสุดโต่ง (extremism) ความรุนแรงไม่ใช่แนวทางศาสนาแต่อย่างไร
ศาสนาเป็นเครื่องมือสร้างสันติไม่ใช่ความเกลียดชัง พวกนับถือคริสต์ต้องรักคนอื่น
และกล่าวถึงอิรักอย่างเจาะจงว่าสันติภาพไม่อาจเกิดขึ้นหากชาวอิรักมองคนต่างความเชื่อว่าเป็นคนนอก (other)
6 มีนาคม 2021 เป็นวันประวัติศาสตร์แห่งสันติภาพอีกวันเมื่อพระสันตะปาปาฟรานซิสเยือนแกรนด์ อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี ที่บ้านของท่านที่เมืองนาจาฟ (Najaf) อันเป็นศูนย์กลางศาสนาของชีอะห์อิรัก ทั้งคู่ร่วมประกาศการอยู่ร่วมกันโดยสันติ
เป็นปกติที่พระสันตะปาปาจะเสด็จเยือนประเทศต่างๆ หนึ่งในภารกิจสำคัญคือพบปะผู้นำศาสนานิกายอื่นๆ สานสัมพันธ์ ประกาศสันติภาพ การอยู่ร่วมกันโดยสันติ จะเห็นว่าในขณะที่ผู้นำประเทศบางคนสร้างพันธมิตรเพื่อทำสงคราม แต่ฝ่ายศาสนาสานสัมพันธ์เพื่อสันติภาพโลก
พระสันตะปาปาฟรานซิสให้สัมภาษณ์โดยยกคำพูดของอยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี ว่า “มนุษย์ล้วนเป็นพี่น้องกันทั้งจากศาสนาหรือไม่ก็การทรงสร้าง (ของพระเจ้า)” และชี้ว่าการพบปะครั้งนี้เป็นการส่งสารสากลสู่โลก (universal message) เป็นสารร่วมระหว่างศาสนาคริสต์กับอิสลาม
แถลงการณ์ของแกรนด์ อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี ความตอนหนึ่งระบุว่าท่านได้กล่าวต่อพระสันตะปาปาว่า พวกนับถือคริสต์ในอิรักสมควรอยู่อย่างสันติปลอดภัยและได้รับสิทธิตามรัฐธรรมนูญทุกประการ พร้อมปกป้องพวกนับถือคริสต์จากผู้ก่อการร้าย (ในบริบทหมายถึงไอซิส)
อยาตุลเลาะห์ อาลี ซิสตานี ชี้ว่าผู้นำจิตวิญญาณคือผู้ยับยั้งโศกนาฏกรรม หลีกเลี่ยงสงคราม ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากผู้ปกครองประเทศ เคารพสิทธิของประชาชนทุกหมู่เหล่าที่จะใช้ชีวิตอย่างเสรีและมีศักดิ์ศรี (dignity)
สารสันติภาพของพระสันตะปาปากับผู้นำจิตวิญญาณชีอะห์ไม่ใช่เรื่องเฉพาะ 2 ศาสนานิกายเท่านั้น เป็นการประกาศว่าทุกศาสนานิกายรักสันติ ปรารถนาอยู่ร่วมกันแม้ต่างความเชื่อ
ศาสนากับทฤษฎีสัจนิยม :
ผู้นำจิตวิญญาณทั้ง 2 ท่านเอ่ยความแตกต่างระหว่างศาสนากับผู้ปกครองประเทศบางคน ศาสนาสอนให้อยู่ร่วมกันโดยสันติ ส่วนผู้ปกครองคิดถึงสันติเช่นกัน แต่เป็นสันติในกรอบประชาชนตนเอง ผู้ปกครองหลายประเทศย้ำเน้นความมั่นคงปลอดภัยของประเทศตามแนวสัจนิยม (Realism)
ทฤษฎีสัจนิยม (Realism) ยึดหลักว่าธรรมชาติของมนุษย์เป็นผู้ที่เหตุผลความคิดไม่สมบูรณ์ นำสู่การใช้กำลังเมื่อผลประโยชน์ขัดกัน เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน เพื่อความอยู่รอดควรทำทุกอย่างแม้กระทั่งชิงลงมือบั่นทอนทำลายประเทศอื่นก่อน
การที่สัจนิยมตีความบริบทโลกที่รัฐต่างๆ จ้องทำร้ายทำลายอีกฝ่าย เป็นเหตุรัฐทั้งหลายให้ความสำคัญกับนโยบายความมั่นคงแห่งรัฐมากที่สุด เพราะที่สุดแล้วไม่มีประเทศใดองค์กรระหว่างประเทศใดที่จะประกันความอยู่รอด มุมมองเช่นนี้สร้างความหวาดระแวงต่อกันไม่จบสิ้น
สัจนิยมเห็นว่าไม่ควรยึดหลักศาสนาความเชื่อเต็มที่ ควรหาจุดสมดุลของผลประโยชน์และยุติความขัดแย้ง พยายามสร้างระบบตรวจสอบและถ่วงดุลในโลกพหุสังคม ไม่ยึดอุดมคติที่เลื่อนลอย ยอมรับสิ่งที่ชั่วร้ายน้อยกว่าแทนความดีสัมบูรณ์ (absolute good) แนวคิดอยู่รอดร่วมกันเป็นความคิดของคนอ่อนต่อโลก ยึดหลักว่ามนุษย์ทั่วไปใจบาปหยาบช้าคิดแต่ประโยชน์ตัวเอง พร้อมเอาเปรียบผู้อื่น คิดหาสารพัดกลโกง เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง ถ้าหลอกไม่สำเร็จก็ต้องเข้าปล้นชิง
โลกทัศน์ในแบบศาสนากับสัจนิยมจึงต่างกัน ต้องยอมรับว่าผู้ปกครองประเทศส่วนใหญ่ยึดแนวสัจนิยม เป็นที่มาของความขัดแย้ง สงคราม ฯลฯ ดังปรากฏในปัจจุบัน
ตรงข้ามกับแนวคิดนี้คือการแสวงหาความร่วมมือผูกพันในมิติต่างๆ ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับรัฐจนถึงประชาชน หากดำเนินนโยบายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โอกาสที่ทำสงครามจะลดน้อยลงเรื่อยๆ
ศาสนากับศาสนา :
การสานสันติภาพร่วม 2 ผู้นำจิตวิญญาณส่งผลต่อความขัดแย้งระหว่างศาสนาด้วย ทั้งคู่ย้ำชัดให้อยู่ร่วมกันโดยสันติแม้ต่างความเชื่อ
ความขัดแย้งระหว่างศาสนาเป็นอีกประเด็นที่มีมาตั้งแต่โบราณกาลและคงอยู่จนถึงปัจจุบัน สงครามครูเสด (ค.ศ.1097-1291) เป็นหนึ่งเรื่องราวที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาพูดซ้ำ
ทุกวันนี้มีนักการศาสนา นักการเมือง นักวิชาการบางคนบางกลุ่มพยายามปลุกกระแสสงครามครูเสดใหม่ (neo-crusade) ซึ่งมักตีความว่าคือความขัดแย้งระหว่างพวกตะวันตกที่นับถือคริสต์กับมุสลิม
เซมวล พี. ฮันติงตัน (Samuel P. Huntington) นักวิชาการเลื่องชื่อสหรัฐ แต่งหนังสือ “การปะทะกันระหว่างอารยธรรมและการจัดระเบียบโลกใหม่” (The Clash of Civilizations and the Remaking of World Order) ชี้ว่าความขัดแย้งหลังยุคสงครามเย็นคือความขัดแย้งทางศาสนาวัฒนธรรม และจะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มนุษย์จะฆ่าฟันทำลายล้างกันด้วยเหตุนี้
ชี้ว่าอนาคตจะเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างอารยธรรมตะวันตกกับอิสลาม ทั้งนี้ไม่ใช่ปัญหาจาก “การนำเอาหลักการอิสลามมาปฏิบัติใช้อย่างถูกต้อง” (Islamic fundamentalism) หรือ “พวกยึดมั่นในหลักอิสลาม” เท่านั้น แต่คือการมีปัญหากับอิสลาม (หมายถึงอิสลามในความหมายครอบคลุม) เหตุเพราะต่างเห็นว่าตนเป็นอารยธรรมที่สูงส่งกว่า
หลักคิดของฮันติงตันสรุปรวบยอดได้ว่าโลกกำลังแบ่งแยกด้วยศาสนา ในอนาคตศาสนาจะเป็นตัวแทนประเทศ เป็นตัวแทนกลุ่มประเทศ (ที่ใช้คำว่า “อารยธรรม”) ความสัมพันธ์และความขัดแย้งทั้งสิ้นตั้งอยู่บนเหตุผลเรื่องศาสนาเป็นหลัก ถ้าเข้ากันได้จะร่วมมือกัน ถ้าเข้ากันไม่ได้จะขัดแย้งกัน ถึงขั้นทำสงครามระหว่างอารยธรรม
ข้อวิพากษ์คือทุกวันนี้ผู้นับถือคริสต์ในสหรัฐกับยุโรปนับวันจะลดน้อยลง คนที่ยึดมั่นศาสนาความเชื่อลดน้อยลง อีกทั้งมุสลิมในยุโรปเพิ่มมากขึ้นทุกที ดังนั้นจะบอกว่าประเทศสหรัฐกับชาติยุโรปเป็นตัวแทนศาสนาคริสต์ไม่น่าจะถูกต้อง และไม่ถูกต้องอยู่แล้ว (สหรัฐไม่มีศาสนาประจำชาติ รัฐธรรมนูญให้เสรีภาพการนับถือศาสนา พลเมืองอเมริกันนับถืออิสลามหลายล้านคน)
การพูดถึงสงครามศาสนาเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองประเทศ นักการเมือง นักวิชาการ นักการศาสนาบางคนบางกลุ่มบิดเบือน พยายามย้อนประวัติศาสตร์สงครามครูเสดอย่างที่ต้องการ หวังปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งระหว่างศาสนา คนเหล่านี้หวังใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือเพื่อเป้าหมายของตน เพราะรู้ดีว่าศรัทธาเป็นพลังอันแรงกล้าสามารถผลักดันคนให้ทำสิ่งต่างๆ
ทั้งพระสันตะปาปากับผู้นำจิตวิญญาณชีอะห์ประกาศชัดว่าทุกศาสนานิกายสามารถอยู่ร่วมกันโดยสันติ ละความเกลียดชังต่อกัน ไม่สนับสนุนความขัดแย้งทางศาสนา ไม่มีครูเสดอีกแล้ว การปะทะทางวัฒนธรรมเป็นแนวทางบิดเบือนศาสนา
การพบปะพูดคุยระหว่าง 2 ผู้นำศาสนาที่ประเทศอิรักรอบนี้ เป็นอีกครั้งที่ผู้นำศาสนาย้ำสันติภาพโลก การอยู่ร่วมกันแม้ต่างศาสนา และเป็นอีกครั้งที่ผู้นำศาสนาย้ำให้ศาสนิกชนดำเนินชีวิตตามหลักศาสนาที่ถูกต้อง แสวงหาสันติภาพไม่ใช่ความเกลียดชัง
ผู้เข้าถึงสติปัญญาจะพบว่าสันติภาพแท้เริ่มต้นในใจเรา.
---------------------------
---------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |