ผวา!นายกฯเลื่อนฉีดวัคซีน


เพิ่มเพื่อน    

 สธ.เบรกนายกฯ-ครม.ฉีดวัคซีน! แจงเพื่อความปลอดภัยของประชาชน เหตุเดนมาร์กเสียชีวิต 1 ราย-ยุโรประงับฉีดหลังพบภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ย้ำเลื่อน 2 สัปดาห์รอผลสืบค้น "หมอยง" ชี้ไม่ใช่วัคซีนไม่ดี แค่ดูสถานการณ์ ยันใช้ในไทยจากเกาหลีคนละล็อตกับยุโรป "บิ๊กตู่" ลั่นไม่กลัวพร้อมฉีด แต่ต้องฟังหมอ วอนเลิกดรามา ผู้ว่าฯ สมุทรสาครจ่อออกจาก รพ. 19 มี.ค.

    ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีการแชร์ข่าวกระทรวงสาธารณสุขประเทศเดนมาร์กประกาศระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกาเป็นการชั่วคราว หลังมีรายงานกรณีการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับวัคซีนบางราย เพื่อรอการตรวจสอบรายงานที่เกิดขึ้น ขณะที่มีอีก 6 ชาติในยุโรปที่ได้ระงับการฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกาเช่นกันนั้น โดยวัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนตัวเดียวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะฉีดเข็มแรกตามกำหนดการพร้อมกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันเดียวกันนี้ เวลา 09.00 น. ปรากฏว่าเวลา 08.20 น. นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร ได้แจ้งขอเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อน
    โดยตลอดช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ก่อนที่จะมีการประกาศเลื่อนการรับวัคซีนของนายกฯ และ ครม.นั้น คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการประชุมกันตั้งแต่เวลา 06.30 น. อย่างเคร่งเครียด โดยในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ รออยู่ที่บ้านพัก มีกำหนดเวลา 08.30 น. จะเดินทางมายังสถาบันบำราศนราดูร แต่เมื่อคณะแพทย์ได้ผลสรุปว่ายังไม่ควรที่จะดำเนินการฉีดวัคซีนจากแอสตราเซเนกา จึงแจ้งไปยัง พล.อ.ประยุทธ์รับทราบ พล.อ.ประยุทธ์จึงเปลี่ยนกำหนดเดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้าทันที
    จากนั้นเวลา? 09.00? น.? คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ?และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข? แถลงข่าวกรณีการชะลอฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา โดย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวว่า เราจำเป็นจะต้องชะลอการดำเนินการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาไปก่อน โดยเมื่อคืนวันที่ 11 มี.ค.มีการประกาศออกมาจากประเทศเดนมาร์ก ออสเตรีย และทางทวีปยุโรปซึ่งนำวัคซีนของแอสตราเซเนกาไปฉีดแล้วเป็นล้านๆ โดส แต่เขาเจอผลข้างเคียง ทำให้เลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ และทำให้มีผลที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น เดนมาร์กจึงประกาศชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาไปก่อน สิ่งนี้ทำให้ทางคณะแพทย์และทีมงานทางด้านการฉีดวัคซีนต้องนำมาพิจารณา
    ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนให้กับคนไทย ทาง สธ.และทีมคณะแพทย์หวังอย่างเดียวคือวัคซีนนั้นต้องปลอดภัยที่สุดสำหรับประชาชน เมื่อมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เราไม่จำเป็นต้องรีบฉีด แม้แอสตราเซเนกาจะมีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดี แต่เมื่อมีคนบอกให้ชะลอก่อน เราจึงควรที่จะฟังผลนั้น โดยเดนมาร์กหรือออสเตรเลียกำลังไปตรวจสอบว่าผลนั้นเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนหรือไม่ ฉะนั้น ประเทศไทยควรจะใช้โอกาสที่ให้ความปลอดภัยกับประชาชนมากที่สุด จึงเห็นว่าควรชะลอ เพื่อรอผลการสืบค้นจากเดนมาร์ก และมีหน่วยงานทางด้านยุโรป
    นพ.ปิยะสกลกล่าวว่า ความปลอดภัยของประชาชนคือเป้าหมายสูงสุดของ สธ. และวัคซีนของแอสตราเซเนกาไม่ใช่วัคซีนที่ไม่ปลอดภัย ที่มีการฉีดไปแล้วทั้งโลก 34 ล้านโดส มีผลข้างเคียงบ้าง เขากำลังสืบค้นอยู่ แต่เป็นเพียงการชะลอออกไปอย่างมาก 1-2 สัปดาห์ เมื่อมีผลสืบสวนออกมาแล้ว ยิ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้รับการยืนยันชัดเจนว่าปลอดภัย จึงจะมาฉีดให้คนไทย ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าสิ่งที่รัฐบาลจะมอบให้กับประชาชนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ การฉีดวัคซีนในขณะนี้ไม่ได้หยุดของแอสตราเซเนกา เราสั่งมาช่วงนี้แค่ 1 แสนโดส แต่ของซิโนแวค ยังมีอยู่อีก 1.8 ล้านโดสที่กำลังจะเดินทางมา
เลื่อนฉีด 2 สัปดาห์รอสืบค้น
    นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สืบเนื่องจากแอสตราเซเนกาได้มีการส่งวัคซีน 1 ล้านโดสให้กับ 17 ประเทศในสหภาพยุโรป และมีการทยอยฉีด แต่ที่เดนมาร์กพบผู้ป่วย 1 รายที่เสียชีวิต ขณะเดียวกันมีผู้ป่วยหลายรายที่เกิดลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหลอดเลือดต่างๆ ทางรัฐบาลเดนมาร์กมีการประกาศชะลอ 2 สัปดาห์เพื่อสืบค้น แต่ยังไม่ได้บอกว่าเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน แต่เมื่อไหร่ที่มีแบบนี้โดยทั่วไป ด้วยความปลอดภัยจะชะลอหยุดการฉีดก่อนเพื่อไปสืบค้น ขณะเดียวกัน ผลที่ตามมาคือ ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ และนอร์เวย์ ก็ประกาศตามมาให้หยุดการใช้ แต่ไอซ์แลนด์แจ้งเลยว่าไม่ได้เกิดเหตุการณ์ของการเกิดลิ่มเลือด แต่ประกาศเพื่อความปลอดภัย ขอชะลอเพื่อดูผลการสืบค้นของ European Medicine Agency (EMA) ที่เป็นหน่วยงานทำข้อมูลสืบค้นต่างๆ และแม้เมื่อวันที่ 11 มี.ค. EMA ไม่ได้ประกาศให้หยุดการใช้ และยังยืนว่าวัคซีนของแอสตราเซเนกาปลอดภัย แต่เมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้จะลงไปสืบค้นอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ประเทศที่ประกาศชะลอการใช้ไปด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับประเทศไทยไม่ได้ใช้วัคซีนที่ผลิตโรงงานในยุโรป แต่ทั้งหมดจะขอดูการยืนยันอีกหนึ่งครั้งจาก EMA เมื่อทุกอย่างชัดเจนเรียบร้อยก็จะกลับมาใช้
    ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายถึงการเกิดลิ่มเลือดว่า พบมากในชนชาติแอฟริกันและยุโรปมากกว่าทวีปเอเชียถึง 3 เท่า เข้าใจว่าปัจจัยทางพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องกับโรคนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการฉีดวัคซีนในยุโรปไปทั้งสิ้น 3 ล้านโดส ปรากฏว่าผู้ป่วยที่เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ 22 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย เปรียบเทียบเท่ากับ 7 ใน 1 ล้านราย จึงต้องมีการสอบสวนว่าเกิดขึ้นในภาวะปกติ ในคนธรรมดาถึงแม้ไม่ได้ฉีดวัคซีนก็เกิดขึ้นหรือไม่ เท่ากันหรือไม่ ถ้าบอกว่าฉีดแล้วเกิดมากกว่าในภาวะปกติ ต้องไปหาสาเหตุว่าวัคซีนทำให้เกิดอะไรถึงทำให้ลิ่มเลือดแข็งตัวได้ง่าย
    “ดังนั้น ที่เราเลื่อนในครั้งนี้ไม่ใช่วัคซีนไม่ดีหรือมีปัญหา แต่เป็นการเลื่อนเพื่อดูสถานการณ์ และรอเขาพิสูจน์ว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่กับวัคซีน ถ้าเกี่ยวข้องแล้วต้องมาดูอีกว่าเป็นเฉพาะล็อตนั้นหรืออย่างไร เพราะวัคซีนที่ใช้ในยุโรปกับวัคซีนแอสตราเซเนกาที่เราใช้อยู่เป็นคนละล็อต คนละโรงงานกัน เราใช้วัคซีนที่ผลิตจากโรงงานในเอเชีย การชะลอครั้งนี้เพื่อการตรวจสอบให้แน่นอน และประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่มีความเสี่ยงสูง การไม่ได้เป็นประเทศเสี่ยงสูง การชะลอไป 5 วัน 7 วัน หรืออย่างนานอาจจะสองสัปดาห์ก็ไม่ได้เกิดผลกระทบอะไรกับบ้านเรา ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย คณะกรรมการทั้งหมดจึงเห็นสมควรที่จะให้ชะลอก่อน ไม่ได้บอกว่าจะยุติการฉีด” ศ.นพ.ยงระบุ
    ทั้งนี้ ศ.นพ.ยงโพสต์ในเฟซบุ๊กว่า วัคซีนที่ใช้ในประเทศไทย ผลิตจากโรงงานเกาหลี
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเลื่อนฉีดวัคซีนว่า ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน และนายกฯ เองก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ตนเพิ่งทราบข่าวเรื่องผลกระทบวัคซีนในยุโรป จึงเรียกคณะแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญประชุมตั้งแต่ก่อน 07.00 น. และมีข้อสรุปว่าเพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจของประชาชน ประกอบกับสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทยไม่รุนแรงและสามารถควบคุมได้ มีความเหมาะสมที่เราจะรอดูการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุโรป เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
    นายอนุทินกล่าวว่า วันนี้วัคซีนจากแอสตราฯ ยังเป็นวัคซีนที่ดี แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนจิ้งจกทัก ต่างประเทศเขาให้ชะลอฉีด 2 สัปดาห์ ก็ไม่เสียหายกับการที่เราจะไปหาข้อมูลมาเพิ่มเติม เมื่อคืนนี้อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศ.นพ.ประสิทธิ์ เลขาธิการ อย. และฝ่ายวิชาการส่งไลน์หารือกันทั้งคืน หาข้อมูล แล้วทุกคนก็สรุปว่าไม่ได้เป็นการเสียหายอะไรที่จะเลื่อนออกไป ทั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง เราไม่ดื้อแพ่ง ไม่ใช่หน่วยการตาย เราคำนึงความปลอดภัยของประชาชนให้มากที่สุด
บิ๊กตู่ลั่นไม่กลัวแต่ฟังหมอ
    ต่อมาเวลา 15.15 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า เห็นดรามากันไปเรื่อย คณะแพทย์แถลงมาเข้าใจหรือไม่ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายในอนาคตต่อไปอีก ซึ่งเราต้องฟังคณะแพทย์ ต้องรอสักระยะหนึ่งในการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มาจากต่างประเทศ และคิดว่าบริษัทต้นทางคงจะมีการชี้แจงด้วย และคงใช้เวลาไม่มากนัก สำหรับตนพร้อม เมื่อเช้าก็เตรียมตัวที่จะมาฉีด จะไปฉีดอยู่แล้ว แต่พอดีมีการแจ้งมาก็เลยไปไม่ได้เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้กำลังใจคณะแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข อธิบดีที่เกี่ยวข้อง ช่วยทำเรื่องนี้ให้เรียบร้อย โดยเฉพาะเรื่องการบริหารการฉีดวัคซีน ซึ่งได้เร่งไปแล้วฉีดวัคซีนให้มากยิ่งขึ้นในแต่ละวัน เพื่อเพิ่มจำนวนวัคซีนที่เรามีอยู่
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า เราต้องการที่จะขับเคลื่อนประเทศในตอนนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของการท่องเที่ยว การจองห้องพัก โรงแรมต่างๆ เมื่อเปิดประเทศจะได้พร้อม มีภูมิคุ้มกันหมู่ ทั้งนี้อยากให้ประชาชนมั่นใจ ในการจะฉีดหรือไม่ฉีดก็ตามรัฐบาลก็หวังให้ประชาชนปลอดภัย ไม่ใช่นายกฯ คนเดียวที่มีความสำคัญ แต่ประชาชนทุกคนมีความสำคัญต่อครอบครัว มีความสำคัญเท่ากับครอบครัวของตนเหมือนกัน ที่ต้องการให้มีความปลอดภัย
    ผู้สื่อข่าวถามว่า จะส่งผลกระทบกับวัคซีนแอสตราเซเนกาในอนาคตที่จะเข้ามาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า รอฟังหมอ เมื่อถามย้ำว่าเมื่อช่วงเช้าที่เลื่อนฉีดวัคซีน ไม่ใช่เป็นเพราะกลัวตามที่มีข่าวในต่างประเทศออกมาใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ผมอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ผมกลัวอะไรล่ะ ต้องกลัวอะไรอีกล่ะ"
    ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าไม่ฉีดเพราะกลัวว่าจะเกิดผลกระทบนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ท่านก็พูดของท่านไปอย่างนั้นแหละ ผมถามท่านแล้ว ท่านบอกว่าก็ถามมาแบบนี้ไม่รู้จะตอบยังไง ก็พูดไป ถามมาก็ตอบไป แต่ผมเป็นนายกฯ ผมก็ตอบแบบนี้ ใครจะตอบอย่างไรเป็นสิทธิ์ของท่าน การฉีดวัคซีนเขายังให้เป็นความสมัครใจเลย ใครอยากฉีดก็ฉีด ผมก็สมัครใจที่จะฉีดวัคซีน เพียงแต่ขอให้หมอพิจารณามาก็แล้วกัน วันหน้าพวกเราก็ต้องฉีดกันทั้งหมดนั่นแหละ อย่าทำให้มันดรามาสิ มันเสียหายกันไปหมด พอได้แล้ว"
    เมื่อถามว่า ในช่วงฟื้นฟูเศรษฐกิจ โครงการต่างๆ ของรัฐบาลจะขยายต่อไปอีกหรือไม่ อย่างเช่นโครงการคนละครึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีก็ทำต่อไป จะทยอยออกมาเป็นลำดับ เขามีคณะกรรมการพิจารณางบเงินกู้อยู่แล้ว ซึ่งเงินกู้เหลืออยู่จำนวนหนึ่ง ในล็อตสุดท้ายนี้จะทยอยออกมาเป็นหมื่นล้านบาท หลายโครงการต้องเอากลับไปทบทวนใหม่
    ที่ทำเนียบ?รัฐบา?ล? พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก?ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( โควิด-19)? หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์?ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 81 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 67 ราย และติดเชื้อจากต่างประเทศ ?14 ราย ทำให้ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 26,679 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 56 ราย หายป่วยสะสม 26,056 ราย ผู้ป่วยที่กำลังรักษาอยู่ 538 ราย ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ยังคงที่ 85 ราย
    พญ.พรรณประภากล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 17 มี.ค. จะมีการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการจัดเทศกาลสงกรานต์ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 19 มี.ค.
    ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ขณะนี้อาการของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ดีขึ้นมาก การฟื้นฟูกำลังกล้ามเนื้อแขนขาดีขึ้น สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ คาดว่าจะสามารถออกจาก รพ.ได้ 1-2 สัปดาห์นี้ เพื่อกลับไปพักฟื้นฟูที่บ้านพัก และยังคงต้องขอให้งดเยี่ยมต่อไป
    ทั้งนี้ ในวันที่ 19 มี.ค. ทางคณะแพทย์ศิริราชจะแถลงข่าวอาการผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ในเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ตึกอำนวยการ รพ.ศิริราช จากนั้นออกจาก รพ.กลับสมุทรสาครทันที.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"