12 มี.ค.64 - นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับนายทุน หรือบุคคลที่ได้บุกรุกป่าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้นำป่าที่ยึดคืนมาได้นำมาฟื้นฟูสภาพป่า กลับคืนมาตามสภาพธรรมชาติดังเดิมเพื่อ ประโยชน์ของคนไทยทุกคน
ทั้งนี้เมื่อวันที่10 มี.ค.ที่ผ่านมา นายนิพนธ์ ได้สั่งการให้นายพีรวัตม์ สิโรตม์พิพัฒ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ส่งแจ้งหนังสือ ต่อนางสาวพร(นามสมมุติ) อายุ 35 ปีนายสม (นามสมมุติ) 59 ปี ทั้งสองอาศัยอยู่ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี โดยให้บุคคลทั้งสองไปยกเลิกการแจ้งการครอบครอง และสละสิทธิ์เจตนายึดถือครอบครอง ที่ดินของอุทยานแห่งชาติเอราวัณภายใน 15 วัน มิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมาย
สืบเนื่องจากเมื่อปีพ.ศ 2562 อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ได้ประกาศให้ราษฎรในตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่อาศัยทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตามมติครม.30 มิ.ย 2541 และตามคำสั่งคสช.ที่ 66/2557 ลงวันที่ 17 มิ.ย.2557 โดยมีหลักกฎหมาย และระเบียบว่าต้องเป็นราษฎรเดิมอยู่อาศัย หรือทำกินอย่างต่อเนื่อง ในที่ดินอุทยานแห่งชาติเอราวัณ มาตลอดจนถึงปัจจุบัน ห้ามมิให้การซื้อขาย เปลี่ยนมือ โอนสิทธิ์ ให้กับบุคคลภายนอก เว้นแต่ตกทอดทางมรดก ไปแจ้งสิทธิ์การครอบครองในที่ดิน ระหว่างวันที่ 8 -28 ก.ค. 2562 ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเอราวัณ
ต่อมา นางพร และนายสมได้มาแจ้งสิทธิ์การการครอบครองในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จำนวน 16 ไร่ 3 งาน 93 ตาราวา นายสมได้มาแจ้งการครอบครองที่ดินจำนวน 11 ไร่ 1 งาน โดยทั้งสองแจ้งได้แจ้งว่าได้อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ มานานแล้วประมาณ 23-24 ปี โดยมีผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้รับรองสิทธิ์การครอบครองที่ดินของนางสาวพร และนายสมว่า เป็นผู้ครอบครองที่ดินจริง
ต่อมามีนางแคท (นามสมมุติ) อายุ 74 ปี อยู่ กทม.พี่สาวนักร้องซูเปอร์สตาร์ชื่อดังของเมืองไทย ได้มอบอำนาจให้นายสืบ (นามสมมุติ) มาแจ้งการครอบครองที่ดิน จำนวน 32 ไร่ 7 งาน ในที่ดินแปลงเดียวกัน ทับซ้อนกับของนางสาวพร และนายสม โดยแจ้งว่าได้รับโอนที่ดินมาจากนายสมัย (สงวนนามสกุล) เมื่อปีพ.ศ 2533 แต่ได้ถูกนางสาวพรและนายสมได้มาบุกรุกแย่งการครอบครองที่ดินไปเมื่อหลายปีที่ผ่านมา และได้ทวงถามคืนที่ดินมาตลอด แต่ไม่ก็ยอมคืนที่ดินให้ โดยมีผู้ใหญ่บ้านคนเดิม เป็นผู้รับรองสิทธิ์การครอบครองที่ดิน นางแคทว่าเป็นความจริง
คณะเจ้าหน้าที่ฯ เห็นว่ามีปัญหาเกิดขึ้นแล้วในที่ดินแปลงเดียวกัน แต่แจ้งทับซ้อนกัน มีบุคคลสามคนแย่งการครอบครองที่ดิน และแจ้งว่าตนเองเป็นเจ้าของที่ดินตัวจริง โดยมีผู้ใหญ่บ้านคนเดียวกัน รับรองเป็นความจริงทั้ง 3 คน คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบข้อมูลการแจ้งสำรวจที่ดิน ตามมติ ครม. 30 มิ.ย. 41 ย้อนหลัง ในปีพ.ศ. 2551-2552 ที่ไดัเคยสำรวจเก็บข้อมูลในบริเวณดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าแปลงดังกล่าวเป็นแปลง CN หมายเลขแปลงที่ดิน130/1 ชื่อ ผู้ครอบครองที่ดินเป็น"โบสถ์คริสต์"เนื้อที่ 42 ไร่ 96 ตารางวา เป็นพื้นที่ส่วนรวมของหมู่บ้าน
คณะเจ้าหน้าที่เห็นว่า บุคคลทั้งสามคน ไม่ใช่เป็นผู้ครอบครองที่ดินเดิม ที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่อาศัยทำกินได้ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตามมติ ครม.30 มิ.ย.41 และตามคำสั่ง 66/2557 เพราะเป็นการครอบครองที่ดิน ส่วนรวมของหมู่บ้าน ที่เป็นแปลงที่ดินของโบสถ์คริสต์ จึงแจ้งให้บุคคลทั้งสาม ให้ยกเลิกการแจ้งครอบครอง และสละสิทธิ์ในที่ดินอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตามมติครม. 30 มิ.ย.41 ดังกล่าว
ต่อมาอุทยานแห่งชาติเอราวัณ ได้รับหนังสือของผู้ใหญ่บ้าน ลงวันที่ 10 ก.พ.2563 โดยขอแจ้งยกเลิก การรับรองสิทธิ์การครองครองที่ดิน ของนางสาวพร และนายสม รวมทั้งนางแคททั้ง 3 คน ไม่ได้เป็นผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว
ต่อมา นางแคท ได้มอบอํานาจ ให้นายสืบ มาทำบันทึก ลงวันที่ 29 เม.ย.2563 ขอยกเลิกการแจ้งการครอบครองที่ดิน และแสดงเจตนารมณ์จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ อีก ส่วนของนางสาวพรและนายสมยังไม่ยินยอมมาขอยกเลิกการแจ้งการครอบครอง และสละสิทธิ์ในที่ดิน ตามมติครม. 30 มิ.ย254 ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ แต่อย่างใด
นายพีรวัฒิ สิโรตม์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้านบนเขาแก่งเรียน หมู่ที่ 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จำนวน 10 นาย จึงได้ทำหนังสือลงวันที่ 10 มี.ค.2564 มาแจ้งเตือนให้นางพรและนายสมยกเลิกการแจ้งการครอบครอง และสละสิทธิ์เจตนายึดถือครอบครอง ในที่ดินดังกล่าว ภายใน 15 วัน มิฉะนั้น จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายนิพนธ์ เผยต่อว่า ขอเตือนไปยังกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้านที่มีหน้าที่ในการรับรองสิทธิ์การครอบครองที่ดินของราษฎรตาม 30 มิ.ย.2541 และตามคำสั่งคสช. 66/57 ถ้าได้ไปรับรองสิทธิ์ราษฎร หรือบุคคลได้ครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทั้งตาม กฎหมายอุทยานและสัตว์ป่า ทั้งฉบับเก่า และฉบับใหม่ ปีพ.ศ.2562
หากไปรับรองเท็จ ทั้งที่รู้ว่าราษฎรหรือบุคคล ที่ครอบครองที่ดิน เป็นบุคคลที่ไม่มีสิทธิครอบครองที่ดิน ตามมติ ครม. 30 มิ.ย.2541 และตามคำสั่งคสช.ที่ 66/57 จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 162 ฐานรับรองหลักฐานอันเป็นเท็จ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท ทั้งจำและทั้งปรับ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ระวางโทษจำคุก 1 ปีถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 2 หมื่นถึง 2 แสนบาท ทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นเป็นใจในการรับรองสิทธิการครอบครองที่ดินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการด้วยเช่นกัน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |