พรรคเพื่อไทย จากเดิมนัดหมายตั้งโต๊ะแถลงครบรอบ 4 ปี รัฐประหารรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมเก้าอี้ 7 ตัวไว้ในห้องแถลงข่าวสำหรับ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค, ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค, ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย, จาตุรนต์ ฉายแสง, วัฒนา เมืองสุข, นพดล ปัทมะ และชัยเกษม นิติสิริ แกนนำพรรคเพื่อไทย
7 อัศวินโต๊ะกลม ของนายใหญ่คนแดนไกล-ทักษิณ ชินวัตร มักแวะเวียน วนเวียนมายังพรรคเพื่อไทยบ่อยครั้ง เพื่อวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์การเมือง กำหนดแผนยุทธศาสตร์ วางนโยบายหลักของพรรค ถือเป็นมติ ครม.น้อยที่กลั่นกรองก่อนส่งต่อให้ ทักษิณ ชินวัตร ร่วมเคาะตัดสินใจในขั้นสุดท้าย
ในยุครัฐบาลเพื่อไทยเรืองอำนาจ วงประชุมนี้ถูกเรียกว่าคณะกรรมการยุทธศาสตร์ 7+3 สมชาย วงศ์สวัสดิ์, โภคิน พลกุล, พงศ์เทพ เทพกาญจนา แกนนำคนสำคัญ ผู้กำหนดทิศทางความเคลื่อนไหวในพรรคทั้งเชิงนโยบายภาพรวมของพรรค ความเคลื่อนไหว ส.ส. ไปจนถึงประเด็นทิศทางข่าวที่ย่อยลงไปเป็นกลุ่มย่อย
พิษ 4 ปีรัฐประหาร แกนนำพรรคเตรียมตั้งวงชำแหละภาพรวมทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ต่างประเทศ ขยายการรับรู้ ตอกย้ำให้เห็นถึงความผิดพลาดการบริหารประเทศของรัฐบาลทหาร แต่สุดท้ายกลายเป็นดาบนั้นคืนสนอง 8 แกนนำที่รวมเอา เดอะโต้ง-กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.การคลัง ที่ปรากฏตัวในวันแถลงข่าว รวมทั้งแอดมินผู้จัดทำเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ต่างโดนหางเลขไปด้วย
ข้อหาที่โดนน่าหวั่นใจไม่ว่าจะ 1.ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 57/2557 ห้ามมิให้พรรคการเมืองประชุมหรือดำเนินกิจกรรมใดๆ ในทางการเมือง 2.ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ห้ามมั่วสุมหรือชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน 3.ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 4.ความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่น
แม้แกนนำพรรคอย่าง ชูศักดิ์, ภูมิธรรม, ชัยเกษม หรือนพดลจะไม่หวั่นไหว พร้อมต่อสู้ตามข้อกล่าวหา เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ พร้อมกับตั้งประเด็นการถูกเลือกปฏิบัติเนื่องจากเป็นพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม และนัดหมายไปพบตำรวจในวันจันทร์ที่ 21 พ.ค.
8 แกนนำที่โดนตั้งข้อหา ถูกขึ้นบัญชี หัวโจกของ คสช. ที่อยากหาทางกำราบมานาน หลายคนใช้พื้นที่สื่ออย่างเฟซบุ๊กโจมตีรัฐบาลตลอดมา ทั้งวัฒนาที่มีคดีค้างเก่าในส่วนของ ป.ป.ช. ชูศักดิ์, ชัยเกษม, นพดล ถือเป็นมือกฎหมายชั้นแนวหน้า ส่วนภูมิธรรม, จาตุรนต์ สองสหายคนเดือนตุลาถือเป็นมือกลยุทธ์ทางการเมือง
ในกระดานหมากรุกทางการเมือง แต่ละคนเปรียบดัง โคน ม้า เรือ ผู้มีอิทธิพลทางความคิดต่อพรรคและ ส.ส.เป็นอย่างสูง จากนี้ไปจึงไม่แปลกใจหากจะมีการประเคนข้อหา ทุกการเคลื่อนไหว ทุกคำพูดผ่านโลกโซเชียล ข้อหาคดีค้างเก่าทั้งในอดีตปัจจุบันจะถูกขุด ขมวดลากโยงให้เป็นเรื่องเดียวกัน ก่อนที่ปลายทางจะลากเข้าไปสู่ข้อหายุบพรรคให้ได้
การยุบพรรค กำลังจะตามมาหลอกหลอนพรรคเพื่อไทยและสมาชิกพรรคเป็นคำรบที่ 3 ก่อนหน้านี้พรรคไทยรักไทยพร้อมกรรมการบริหารพรรค 111 คนโดนเป็นรอบแรก ต่อมาพรรคพลังประชาชน พร้อมกรรมการบริหารพรรคอีก 37 คนถูกตัดสิทธิ์เป็นคำรบที่สอง จากนี้ไปคงต้องรอลุ้นพรรคการเมืองภายใต้การนำของคนแดนไกล จะสร้างประวัติศาสตร์ทำแฮตทริกให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่
ภายใต้การเมืองเปลี่ยน กติกาเปลี่ยน อำนาจเปลี่ยน คนในพรรคเพื่อไทยวางแผนตั้งรับทุกสถานการณ์อยู่แล้ว เพียงแต่หนทางนั้นมาเร็วเกินกว่ากติกาจริง ระฆังเลือกตั้งจะดัง มีการประเมินใน ทางเลวร้ายสุด (worst case scenario) จากฐานความผิดดังกล่าวอาจทำให้พรรคถูกยุบ หรือแม้แต่พรรคไม่ถูกยุบ แต่ด้วยความผิดที่อัตราโทษสูงทั้งจำและปรับ หากออกมาหน้านี้ก็ไม่เป็นผลดีต่อบรรดาแกนนำพรรคเช่นกัน จะเป็นการกันให้บุคคลที่มีพลังความคิดไปอยู่วงนอก (พรรค)
งานนี้ไม่เพียงเครือข่ายสีเขียวจะได้ประโยชน์ ยังมีแกนนำในพรรคบางคน พลิกจากเรื่องร้ายเป็นมุมดี สำหรับตัวเอง เพราะหากแกนนำหัวกะทิโดนเช็กบิลทางข้อกฎหมาย ตนเองจะได้ถือโอกาสสร้างทีมงานยุทธศาสตร์ที่ไว้ใจได้ หลังช้ำใจกับใครหลายคน ในหลากเรื่องราวของคนก๊วนนี้...มานาน!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |