เมื่อวานเขียนถึง "ยุทธศาสตร์เพื่อการลงมือทำ" เพื่อตั้งรับความเปลี่ยนแปลงหลังโควิด-19 เพื่อเปรียบเทียบกับ "ยุทธศาสตร์ชาติ" ของไทยเราที่ยังมีคำถามอยู่มากมายหลายประเด็น
เมื่อเขาประเมินว่าหลังโควิดจะมี "ความเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ" ไม่ต่ำกว่า 6 ด้าน ก็เกิดการตั้ง "ภาคี" การทำงานร่วมของรัฐ, เอกชน, นักวิชาการ, นักปฏิบัติการ และ "ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย" ทุกๆ ด้านมาตั้งเป็น Alliances for Action 7 ด้าน
เป็น 7 ด้านที่ล้วนมีความสำคัญสำหรับการปรับตัวครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสิงคโปร์
และสำหรับประเทศอื่นๆ ที่ต้องการปรับตัวให้กับความ "Major Shifts" หรือ "ความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่" ที่ท้าทายความสามารถของทุกประเทศที่ต้องการจะฟื้นจากวิกฤติโควิดและไปต่อได้อย่างแข็งแกร่ง
ภาคีทั้ง 7 ด้านมีดังนี้
(1) สิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างแบบดิจิทัล (Digitalizing the Built Environment)
เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นแรงผลักดันสำคัญของการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมของสิงคโปร์
พอเกิดโควิดเขาก็เร่งระดมพลังของทุกภาคส่วนของห่วงโซ่คุณค่าของภาคสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างโอกาสในการเร่งผลักดันสู่ดิจิทัลให้สามารถยกระดับผลผลิตในห่วงโซ่คุณค่า
ว่ากันทั้งกระบวนการ ตั้งแต่แนวคิด การออกแบบ ไปจนถึงการก่อสร้าง การจัดการสถานที่ และการจัดการสิ่งอำนวยความสะดวก
หัวใจของข้อนี้คือ การสามารถประสานพลังของทุกฝ่ายให้เดินไปในเส้นทางเดียวกัน
รัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์และการโละทิ้งกฎระเบียบที่เก่าแก่คร่ำครึต้องอาศัย "ความกล้าหาญทางการเมือง" ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งหากจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
(2) เทคโนโลยีการศึกษา (EduTech):
พอเกิดโควิด สิ่งแรกๆ ที่ต้องทำคือ นำเทคโนโลยีด้านการศึกษาเข้ามาปฏิบัติในทุกระดับอย่างจริงจัง
นั่นหมายรวมถึงการเรียนรู้ที่บ้านไปถึงการศึกษาอบรมวิชาชีพออนไลน์
(3) ประสบการณ์นักท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ (Safe and Innovative Visitor Experiences)
ข้อนี้มีความเกี่ยวโยงกับการแก้ปัญหาของไทยไม่น้อย
เพราะเกิดโรคระบาดก็เกิดความเปลี่ยนแปลงด้านการเดินทางและการท่องเที่ยว
สิงคโปร์ตั้งเป้าว่าจะต้องบุกเบิกหาวิธีการใหม่ เพื่อสร้างการขนส่งที่ปลอดภัย ธุรกิจที่ปลอดภัย การเดินทางและการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย...คำว่า "ความปลอดภัย" และ "สวัสดิภาพ" กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ต้องได้รับความใส่ใจอันดับหนึ่ง
(4) การอำนวยความสะดวกการค้าอัจฉริยะ (Facilitating Smart Commerce in Singapore)
โควิด-19 สร้างโอกาสสำหรับอีคอมเมิร์ซอย่างมหาศาล เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน สิงคโปร์มองว่าจะต้องนำเอาการซื้อขายออนไลน์มาบริการผู้บริโภคและส่งเสริมผู้ค้าปลีกอย่างเป็นรูปธรรม
สิงคโปร์ต้องการผลักดันการสร้างระบบนิเวศแบบ "สมาร์ตคอมเมิร์ซ" ที่ผสมผสานการค้าปลีกแบบดิจิทัลและแบบกายภาพเข้าด้วยกัน ถึงจุดที่สามารถเชื่อมโยงร้านค้าในพื้นที่ให้สามารถเข้าถึงตลาดผู้บริโภคทั่วโลก
(5) หุ่นยนต์ (Robotics)
มีการทุ่มเทเพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีหุ่นยนต์ให้เกิดความสามารถในการสร้างผลผลิตที่สูงขึ้นและการแก้ปัญหาด้านกำลังคน
อีกทั้งต้องไม่ลืมการแสวงหาวิธีการแก้ปัญหาเพื่อลดการติดต่อทางสังคมและรักษามาตรฐานด้านสุขภาพระดับสูง
ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ทำความสะอาด หุ่นยนต์ก่อสร้าง ระบบการดูแลสุขภาพและระบบขนส่งสาธารณะอัตโนมัติ
(6) การสร้างดิจิทัลของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Digitalization):
ไม่ต้องสงสัยว่าโลกยุคหลังโควิดจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นในการสร้างความยืดหยุ่นและปรับตัวของห่วงโซ่อุปทาน
โดยมองไปที่การก้าวไปสู่ห่วงโซ่อุปทานในระดับภูมิภาค นำมาซึ่งโอกาสมโหฬารในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลในห่วงโซ่อุปทาน
รวมถึงโลจิสติกส์ กฎระเบียบและการเงินกับรายละเอียดอื่นๆ ที่ต้องไปด้วยกันอย่างเป็นระบบ
(7) ความยั่งยืน (Sustainability):
ข้อนี้แม้จะมาเป็นลำดับสุดท้ายแต่มีความสำคัญอันดับต้นๆ ของ "ยุทธศาสตร์ฟื้นตัวหลังโควิด"
การให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นหลังโควิด-19 อย่างปฏิเสธไม่ได้
นั่นเท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้สิงคโปร์พัฒนาจนกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับโซลูชันและบริการที่เกี่ยวข้องกับ ESG ทั่วโลกได้
แต่ 7 ด้านยังไม่พอ
"ภาคีเพื่อการลงมือปฏิบัติ" หรือ Alliances for Action กำลังจัดตั้งคณะที่ 8 เพื่อดูเรื่องเทคโนโลยีทางการแพทย์ (MedTech) เพิ่มขึ้นอีก
เพราะอนาคตของการแพทย์กับเศรษฐกิจและความยั่งยืนไม่อาจจะแยกออกจากกันได้เลย
ทั้งหมด 8 ด้านนี้ล้วนมีความละม้ายกับที่ประเทศไทยจะต้องทำ...อาจจะมีคำกล่าวอ้างว่า "เราทำอยู่แล้ว" แต่ที่เห็นชัดถึงความแตกต่างคือ "เขาทำจริงกว่าเรา" ใช่หรือไม่?
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |