12 มี.ค.64 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk กล่าวถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า สรุปสาระสำคัญของคำวินิจฉัยคือ รัฐสภามีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ ให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงมติประสงค์จะให้มีร่าง รัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่เสียก่อน เมื่อร่างฉบับใหม่แล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่งด้วย ทำประชามติ 2 รอบ 

อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้อธิบายว่า การแก้รัฐธรรมนูญผ่านวาระ 1 และ 2 แล้วนั้น จะทำอย่างไร เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงสะท้อนถึงรัฐสภา คงไม่กล้าโหวตในวาระ 3 เชื่อวว่า ถ้าบรรจุร่างแก้ รัฐธรรมนูญเข้าสภา คงถูกคว่ำแน่นอน เพราะมีการตีความการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า เป็นโมฆะ หรือสมาชิกรัฐสภาอาจไม่เข้าร่วมประชุม เนื่องจากหวั่นเกรงจะถูกถอดถอน 

เมื่อเดินมาถึงขนาดนี้แล้ว การยื่นแก้รัฐธรรมนูญผ่าน ม.256 ตั้ง ส.ส.ร. ซึ่งมีต้นทางมาจากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เมื่อศาลรัฐธรรมนูญให้ทำประชามติก่อนการแก้ไข ประกอบกับมีเสียงบางฝ่ายชี้ว่า การแก้ไขมาถึง 2 วาระ เป็นโมฆะแล้ว แสดงว่า ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลต้องถูกยื่นให้ศาล รัฐธรรมนูญวินิจฉัย และต้องถูกถอดถอนสมาชิกภาพทุกคน เพราะทำผิดรัฐธรรมนูญ  

นายจตุพร กล่าวต่อว่า พรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านจะเป็น ส.ส.ต่อไปได้อย่างไร เพราะคุณทำผิดรัฐธรรมนูญ เมื่อเชื่อว่า การพิจารณา 2 วาระนั้นเป็นโมฆะ ไม่ตรงกับการวินิจฉัยที่ต้องทำประชามติถามประชาชนก่อน แต่กลับมาแก้ม.256 ก่อน ต้องถูกถอดถอน จะอยู่ได้อย่างไร จะเอากันแบบนี้ใช่หรือไม่ รัฐบาลก็ไม่เหลือใคร ฝ่ายค้านก็ไม่เหลือใคร แล้ว ส.ส.ทำผิด รัฐธรรมนูญได้หรือ บรรดามือดีมือฉมังทั้งหลาย ขอฝากไว้ด้วย 

ส่วนที่มีคนเสนอให้โหวตวาระ 3 ต่อ แต่ยังไม่นำความทูลเกล้าฯ เพื่อไปทำประชามติก่อน ถ้าผ่านหลังจากนั้นก็ทำประชามติอีกครั้ง เมื่อฝ่ายไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น และยังยืนยันว่าเป็นโมฆะแล้ว ถึงที่สุดพวกเขาก็ต้องล้มการแก้ รัฐธรรมนูญอยู่ดี  

“จำปากผมไว้ อย่างไรรัฐธรรมนูญ 2560 จะจบลงที่การฉีก เพราะสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว เช่น นายกรัฐมนตรี นัดฉีดวัคซีนก็ล้มเลิกก่อน แล้วประชาชนฉีดมาก่อนนี้จะว่าอย่างไรกัน ดังนั้นเราอยู่ในบ้านเมืองที่มีแต่ความยากลำบาก เรื่องรัฐธรรมนูญนั้น เคยย้ำเสมอว่า เป็นเส้นแบ่งบางๆ ถ้าหาทางออกให้ทุกฝ่ายก็มีทางออก และรัฐบาลได้บริหารบ้านเมืองไป 

ส่วน ส.ส.ร.ก็ทำหน้าที่แก้รัฐธรรมนูญไป และประชาชนยังกล้ำกลืนอยู่กันได้ แต่ปัจจุบัน ชี้ให้เห็นว่า ประชาชนไม่มีสิทธิอะไรในทางปฏิบัติกันเลย การทำประชามติยังไม่รู้จะทำได้กันเมื่อใด ต้องไปตั้งต้นกันใหม่ เชื่อว่า เกินเวลารัฐบาลอยู่ครบวาระแล้ว แต่ปัญหาคือว่าประชาชนไม่ได้อยู่ด้วยความหวัง เพราะพรรคพลังประชารัฐกลับเขียนด้วยมือแล้วลบด้วยเท้า”นายจตุพรกล่าว   

นายจตุพร กล่าวด้วยว่าบ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก เชื่อว่าท้ายที่สุดจะไม่ได้โหวตวาระ 3 จึงของฝากให้พวกมือฉมังไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ ส.ส.รัฐบาลและฝ่ายค้านต้องโมฆะกันทั้งหมดด้วยหรือไม่ เพราะถ้าเช่นนั้นบ้านเมืองไม่มีทางออก และอยู่กันด้วยความยากลำบาก เมื่อสิ่งที่เป็นความหวังของประชาชนกลับถูกทำลายกันอีก ชะตากรรมแบบนี้จึงต้องให้ทุกฝ่ายคิดอ่านหาทางออกร่วมกัน เพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำไม่สำเร็จ จึงหวังว่า แกนนำแต่ละฝ่ายคงมีความเห็นพ้องต้องกัน อีกอย่าง ศาลรัฐธรรมนูญไปขอความเห็นคนร่าง รัฐธรรมนูญแล้วคิดว่าในเชิงวิชาการแล้ว ถึงขณะนี้ คนร่างไม่มีสิทธิมาแสดงความเห็นรัฐธรรมนูญ หากคนร่างรัฐธรรมนูญมาแสดงความเห็น ก็ไม่รู้ว่า จะมีศาลรัฐธรรมนูญไปทำไมกัน เพราะความเห็นคนร่างรัฐธรรมนูญ แน่นอนต้องเข้าข้างตัวเองอยู่ดี เปรียบดังรัฐสภา เป็นคนเขียนกฎหมาย รัฐบาลเป็นคนใช้ ศาลเป็นฝ่ายตัดสิน แล้วทำไมไม่ให้ ส.ส. และ สว.ตัดสิน เนื่องจากมีการแบ่งแยกระหว่างคนเขียนกับคนใช้อย่างชัดเจน ดังนั้นความคิดเห็นของคนร่างรัฐธรรมนูญจึงไม่ควรมี ต่อไปถ้ามีปัญหา ศาลรัฐธรรมนูญไม่ต้องถามคนเขียนทุกคราวไปหรือ