คมนาคมออกกฎกระทรวงปรับความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. นำร่องถนนสายเอเชีย “ช่วงทางหลวงบางปะอิน-ทางต่างระดับอ่างทอง” ระยะทาง 50 กม. เร่งติดตั้งป้าย-ตีเส้นจราจร สั่ง ทล.-ทช.สแกนถนน 4 เลน มีเกาะกลางทั่วประเทศก่อนขยายเพิ่ม ถก สตช.วางบทลงโทษ ด้านขนส่งฯ เล็งออกประกาศความผิดถ้าฝ่าฝืน มีผลต่ออายุใบขับขี่ เผยสถิติใบสั่งจับความเร็ว 17 ล้านใบต่อปี
วันที่ 11 มี.ค. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบทที่กำหนด พ.ศ.2564 หลังจากเมื่อวันที่ 10 มี.ค.2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่กฎกระทรวงดังกล่าวว่า การประกาศกฎกระทรวงดังกล่าวถือเป็นนโยบายของกระทรวงคมนาคม (คค.) ในการดำเนินการให้สอดคล้องกับสภาพการจราจร และการเดินทางของประชาชนในปัจจุบันให้มีความสะดวก รวดเร็ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัย ทั้งนี้ คค.ได้บูรณาการร่วมกับกรมทางหลวง (ทล.), กรมทางหลวงชนบท (ทช.), สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.), กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อดำเนินการนโยบายนี้ให้เป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม แม้กฎกระทรวงประกาศแล้ว แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ทันที จะต้องรอผู้อำนวยการกรมทางหลวงออกประกาศว่าถนนเส้นใดให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามกฎกระทรวงนี้
นายศักดิ์สยามกล่าวต่อว่า เบื้องต้นจะทดลองนำร่องให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตร (กม.) ต่อชั่วโมง (ชม.) ตามที่กฎกระทรวงกำหนด ในเส้นทางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 32 (ถนนสายเอเชีย) ช่วงบริเวณหมวดทางหลวงบางปะอิน-ทางต่างระดับอ่างทอง กม.ที่ 4+100-50+000 ระยะทางประมาณ 50 กม. โดยจะเริ่มดำเนินการภายใน มี.ค.นี้ พร้อมกันนี้ได้เตรียมจ้างบริษัทที่ปรึกษาหรือสถาบันการศึกษาเพื่อประเมินผลการดำเนินงานภายในปีนี้ด้วย ตนสั่งการให้นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัด คค. บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสำรวจเส้นทางถนนของแขวงทางหลวงและแขวงทางหลวงชนบททั่วประเทศกว่า 12,000 กม.
"เส้นทางใดบ้างที่แบ่งช่องทางเดินรถ 4 ช่องจราจร มีเกาะกลางถนนแบบกำแพง และไม่มีจุดกลับรถเสมอระดับถนน ซึ่งถือเป็นสภาพถนนที่เหมาะสมสามารถใช้ความเร็วตามกฎกระทรวง โดยให้สรุปข้อมูลให้กระทรวงภายในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่วันที่ 15 มี.ค.นี้ เพื่อประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป ซึ่งการประชุมดังกล่าว สตช.จะร่วมพิจารณาการกำหนดบทลงโทษตามกฎหมาย ประกอบกับการออกประกาศ ขบ. ในความผิดไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร ซึ่งมีผลต่อการต่อใบอนุญาต นอกจากนี้จะเร่งทำความเข้าใจและขอความร่วมมือประชาชนให้เคารพกฎจราจร เครื่องหมายจราจร รวมถึงติดตั้งป้ายจราจรบอกความเร็วในเส้นทางที่ประกาศตามกฎกระทรวง ตลอดจนเพิ่มเติมสะพานลอยคนข้าม สะพานกลับรถสำหรับรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์" นายศักดิ์สยามกล่าว
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภาค 6 ในฐานะคณะทำงานแก้ไขกฎหมายจราจร สตช. กล่าวว่า แม้จะมีกฎกระทรวงประกาศปรับอัตราความเร็วให้สูงขึ้น แต่ทางหลวงต้องไปออกแบบถนนเพื่อให้รถขับในอัตราความเร็วที่สูงด้วยความปลอดภัย จะต้องไปคิดแก้ไขปัญหาจุดกลับรถ เกาะกลางถนนต้องปรับให้สูงขึ้น ถ้าปรับความเร็วสูงขึ้น 120 กม. เพื่อป้องกันกระเด็น กระแทก เมื่อเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงปิดจุดตัด จุดกลับรถ ซึ่งจะนำร่องถนนสายเอเชียเป็นสายแรก ส่วนข้อกำหนดของกฎกระทรวงให้รถอยู่ในช่องเดินรถขวาสุดต้องใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. เพื่อไม่ให้มีความแตกต่างอัตราความเร็วมากเกินไป ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ ตามหลักการความปลอดภัยทางถนน
"กฎหมายเดิมบังคับให้ขับ 90 กม./ชม. ในทางปฏิบัติไม่สามารถบังคับได้จริง มีรายงานคนไทยฝ่าฝืนความเร็วตามกำหนด 10 ล้านคนต่อปี สถิติใบสั่งจราจร 17 ล้านใบต่อปี จับไม่ไหว ไม่รวมยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 20,000 คนต่อปี กฎกระทรวงใหม่ปรับให้เข้ากับสภาพความเป็นจริง อยากให้ผู้ใช้รถใช้ถนนขีบขี่ในอัตราความเร็วที่กำหนด หากสถิติอุบัติเหตุลดลงจะขยายผลสู่เส้นทางอื่น" พล.ต.ต.เอกรักษ์กล่าว
สำหรับรายละเอียดของกฎกระทรวงดังกล่าว ได้กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบทไว้ดังนี้ 1.รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือรถโดยสารมีที่นั่งคนโดยสารเกิน 15 คน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 90 กม./ชม., รถขณะที่ลากจูงรถอื่น รถยนต์สี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 65 กม./ชม., รถจักรยานยนต์ ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. เว้นแต่รถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ขึ้นไป หรือมีขนาดความจุของกระบอกสูบรวมกันตั้งแต่ 400 ลูกบาศก์เซนติเมตรขึ้นไป ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 110 กม./ชม.
ขณะที่รถโรงเรียน หรือรถรับ-ส่งนักเรียน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม., รถโดยสารที่มีที่นั่งโดยสารเกิน 7 คนแต่ไม่เกิน 15 คน ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม., รถแทรกเตอร์ รถบดถนน หรือรถใช้งานเกษตรกรรม ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 45 กม./ชม. และรถอื่นๆ นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม. ทั้งนี้ หากรถอยู่ในช่องเดินรถขวาสุดต้องใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. เว้นแต่ในกรณีที่ช่องเดินรถนั้นมีข้อจำกัดด้านการจราจรหรือทัศนวิสัย มีสิ่งกีดขวาง หรือมีเหตุขัดข้องอื่น ทั้งนี้ หากในทางเดินรถมีเครื่องหมายจราจรแสดงว่าเป็นเขตอันตราย หรือเขตให้ขับรถช้าๆ ให้ลดความเร็วลง และเพิ่มความระมัดระวังขึ้นตามสมควร และในกรณีที่ทางเดินรถหรือช่องเดินรถใดมีเครื่องหมายจราจรกำหนดอัตราความเร็วต่ำกว่าอัตราที่กำหนด ให้ใช้ความเร็วไม่เกินอัตราความเร็วที่กำหนดไว้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |