ตำรวจสอบ3นิ้วละเมิดศาล คุกหนุ่มบ่อนทำลายสถาบัน


เพิ่มเพื่อน    

  ศาลอาญาธนบุรีสั่งคุก 54 เดือนหนุ่มโพสต์รูปตัดต่อพระมหากษัตริย์ ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ ชี้บ่อนทำลายสถาบันฯ ไม่รอลงอาญา ขณะที่ ตร.เร่งสอบผู้ชุมนุมผิดฐานละเมิดอำนาจศาลอีกข้อหา ย้ำทุกการชุมนุมมีแกนนำ "สมศักดิ์" ถอยคุกนักการเมือง อ้างแค่เข้าใจผิด

    วันที่ 10 มี.ค.2564 ที่ศาลอาญาธนบุรี ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1228/2563 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายศุภากร พินิจบุตร์ เป็นจำเลย กรณีจำเลยโพสต์ข้อความและรูปภาพตัดต่อเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ลงในเฟซบุ๊ก ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (2) (5) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4
    คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 10-23 เม.ย.2563 จำเลยได้นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยการส่งข้อมูลรูปภาพและตัวอักษรในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์ อาจประมวลผลได้เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ผ่านทางผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ทางเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ดอทคอม (www.facebook.com) หรือแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก (Facebook) ในชื่อเฟซบุ๊ก “เมี่ยงปร้ะ ขจมพรื้อ” และ “Dumrong Konrakchat” ซึ่งเปิดเป็นแบบสาธารณะ โดยจำเลยโพสต์เผยแพร่รูปภาพตัดต่อพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 และโพสต์เผยแพร่ภาพพระมหากษัตริย์ไทยรัชกาลที่ 9 และโพสต์เผยแพร่รูปภาพตัดต่อใบหน้าบุคคลสวมเครื่องทรงพระมหากษัตริย์ไทย ประกอบข้อความ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ     
    ทั้งนี้ จำเลยโพสต์ข้อความและรูปภาพดังกล่าวโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ รวม 9 ครั้ง จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ และศาลให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจจำเลยก่อนมีคำพิพากษา
    ศาลพิเคราะห์รายงานสืบเสาะของจำเลยแล้ว พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (2) (5) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 9 กระทง ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 9 กระทง รวมจำคุก 54 เดือน   
    พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยรู้อยู่แล้วว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ เนื่องจากจำเลยรู้สึกสนุกที่ประชาชนพบเห็นโพสต์ดังกล่าวแล้ววิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ไปในทางให้ได้รับความเสียหาย แม้จำเลยกระทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจจากบุคคลทั่วไปเท่านั้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับการว่าจ้างหรือค่าตอบแทน แต่การกระทำของจำเลยดังกล่าวถือเป็นการบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ลดทอนความเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติ และก่อให้เกิดความขัดแย้งของประชาชน เกิดภาวะหรือสถานการณ์ที่บั่นทอนความมั่นคงขึ้นภายในประเทศ รวมทั้งเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง กรณียังไม่สมควรรอการลงโทษให้จำเลย ริบของกลาง
    ต่อมา ภายหลังพิพากษา นายศุภากร จำเลย ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นควรส่งศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาว่าจะอนุญาตปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดีหรือไม่
    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลออกคำสั่งให้นำตัวนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ แกนนำกลุ่ม Wevo, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ แกนนำกลุ่มราษฎรซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวถูกคุมขัง ย้ายจากเรือนจำพิเศษธนบุรีมาคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ให้ตรงกับหมายขังระหว่างสอบสวนและพิจารณาคดี เนื่องจากหมายขังจะต้องจัดการให้เป็นไปตามเขตของศาล อีกทั้งการนำตัวไปขังในเรือนจำที่ห่างไกลนั้นกระทบกระเทือนต่อสิทธิในการต่อสู้คดีของผู้ต้องหาและสิทธิอื่นๆ เนื่องจากทนายความและญาติเข้าเยี่ยมไม่สะดวก
    ต่อมาในช่วงบ่าย ศาลอาญาได้ทำการไต่สวนทั้งสามและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ แต่การไต่สวนยังไม่เสร็จสิ้น จึงได้นัดไต่สวนต่อในวันที่ 11 มี.ค. ก่อนมีคำสั่งต่อไป
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มราษฎรและแนวร่วมหลายแห่งในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลว่า สถานการณ์เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่เรือนพิเศษจำกรุงเทพฯ และเรือนจำพิเศษธนบุรี สถานการณ์เรียบร้อย มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนมาทำการชุมนุม ได้ให้ตำรวจพื้นที่พิสูจน์ทราบตัวผู้ชุมนุมและจะออกหมายเรียกมาดำเนินการตามกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินและ พ.ร.บ.ควบคุมโรค ส่วนการชุมนุมที่หน้าศาลอาญามีการทำกิจกรรมบางอย่างที่มีผลกระทบต่อศาลอาญา ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับศาลอาญาว่าการกระทำดังกล่าวละเมิดอำนาจศาลหรือไม่อย่างไร ถ้ามีการละเมิดอำนาจศาล ก็ต้องมีการดำเนินคดีในข้อหาละเมิดอำนาจศาลด้วยอีกส่วนหนึ่ง
     พื้นที่ของศาลเป็นพื้นที่หวงห้ามสำคัญ การกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่มีผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นการบุกรุกเข้าไปยังพื้นที่ศาล หรือการกระทำใดๆ รบกวนการปฏิบัติหน้าที่ เช่น การใช้เครื่องเสียง การใช้แสงสีเสียงหรืออื่นที่มีผลกระทบต่อหน้าที่ของการปฏิบัติงานของศาล ตลอดจนการกระทำใดๆ ที่กระทบต่อศักดิ์ศรี จะอยู่ในข่ายการละเมิดอำนาจศาล จะเข้าข่ายหรือไม่ เป็นการหารือร่วมกันระหว่างพนักงานสอบสวนกับเจ้าหน้าที่ศาล ส่วนกรณีมีการยิงปืนใส่รถเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่างเดินทางกลับขณะผ่านกลุ่มผู้ชุมนุมหน้า สน.พหลโยธิน ขณะนี้คืบหน้าไปมาก พอรู้กลุ่มตัวบุคคลแล้วขอพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีกนิด แล้วจะมีการออกหมายจับในเร็วๆ นี้
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า การแบ่งการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมหน้าศาล และการชิงตัวประกันแบ่งการดำเนินคดีได้ 5 กลุ่ม อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการทุกมติ อย่างที่เรียน การกระทำผิดใดๆ กองบัญชาการตำรวจนครบาลมีการเตือนตลอดว่าการกระทำของท่านเป็นการกระทำผิด แต่ยังฝืนที่จะกระทำเช่นนั้น อ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ทำอย่างจริงจัง ไม่มีการกลั่นแกล้ง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา สิ่งที่ทำมีพยานหลักฐานปรากฏเราต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการชุมนุมที่ไม่มีแกนนำเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการปรับกลยุทธ์อย่างไร พล.ต.ต.ปิยะเผยว่า การชุมนุมทุกครั้งมีแกนนำแน่นอน ผู้ชักชวนคือแกนนำ แต่จะเปิดเผยตัวหรือแอบอยู่เบื้องหลังเท่านั้นเอง ไม่มีการชุมนุมครั้งไหนไม่มีแกนนำ ทุกครั้งมีแกนนำ แต่มาโดยเปิดหน้าหรือไม่เปิดหน้าแค่นั้นเอง
    ส่วนการชุมนุมในวันเสาร์ ที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยังทำเนียบรัฐบาล จะมีการเตรียมกำลังตามการข่าวและลักษณะการชุมนุม ถ้าสถานการณ์การข่าวจะมีอันตรายต่อสถานที่ราชการสำคัญ เรามีความจำเป็นที่จะต้องรักษาสมบัติของชาติ รักษาสถานที่สำคัญ และรักษาความสงบเรียบร้อยในเขตกรุงเทพฯ ผู้ชุมนุมมามากเราไม่ห่วง ห่วงแต่การใช้ความรุนแรง อย่างที่เห็นผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุบทำลายสถานที่ราชการ ทุบทำลายทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน มีการใช้พลุเพลิง พลุไฟ ดอกไม้ไฟ มีความเสี่ยงจะเกิดอันตรายที่จะลุกลามใหญ่โต บางครั้งถ้าเกิดในสถานที่โบราณสถาน ถ้าเกิดแล้วเราไม่สามารถฟื้นฟูหรือซ่อมแซมกลับมาเหมือนเดิมได้ บางอย่างสร้างมากว่า 100 ปี ถ้าเกิดเหตุขึ้นจะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อประเทศ
    ทั้งนี้ เพจ "UNME of Anarchy" ผู้จัดกิจกรรมเดินทะลุฟ้า V.2 ประกาศนัดหมายชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันเสาร์ที่ 13 มีนาคม 2564 เวลา 14.00 น. โดยระบุว่า เราจะเริ่มเดินจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย?ไปทำเนียบรัฐบาล? เดินไปสร้างหมู่บ้านทะลุฟ้า เขียนรัฐธรรมนูญประชาชน?
    นอกจากนี้ ยังเปิดพื้นที่เปิดรับความหลากหลายของปัญหา? ใครมีปัญหาหรือเรื่องอะไรอยากบอกต่อ หรือสร้างกิจกรรม ก็สามารถมาเข้าร่วมกับเราได้ ส่วนการเตรียมตัวสำหรับค้างคืนกับเรา? เราแนะนำให้เตรียมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาด้วย? เช่น? เต็นท์? หมอน? ผ้าห่ม? เสื้อผ้า? และอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัว
    นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าจะสร้างเรือนจำใหม่สำหรับนักโทษการเมืองว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เพราะตอนสัมภาษณ์ต้องรีบไปเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงเดินคุยกันเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น อาจจะตีความกันผิดพลาด และไม่ขอโทษใคร แต่ขอชี้แจงอีกครั้งว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีแนวทางการสร้างเรือนจำสำหรับผู้ต้องขังทางการเมือง เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามสิทธิมนุษยชน ทุกคนต้องเท่าเทียมกันหมด เวลานี้ต้องยอมรับว่าเรือนจำกลางคลองเปรมและเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่มีผู้ต้องขังคดีการเมืองมากขึ้น ทำให้มีญาติพี่น้องและกลุ่มผู้สนับสนุนมาเยี่ยมจำนวนมาก ทำให้เกิดความแออัด จึงได้หารือแล้วเพื่อย้ายไปยังเรือนจำที่มีพื้นที่กว้าง เพื่อความสะดวกของทุกฝ่าย
    “ต้องยอมรับเวลานี้ประชาชนที่สัญจรบนถนนงามวงศ์วานได้รับความเดือดร้อนต่อการชุมนุมมาก การมาหนึ่งครั้งทำให้การจราจรติดขัดหรือต้องปิดเส้นทาง ทุกคนได้รับความเดือดร้อน จึงต้องพยายามย้ายนักโทษที่เคลื่อนไหวทางการเมืองออกไปเพื่อลดปัญหาช่วยประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่อำนาจในการย้ายผู้ต้องขังที่เคลื่อนไหวทางการเมืองส่วนนี้ เป็นหน้าที่ของ ผบ.เรือนจำจะตัดสินใจ ไม่มีการพูดถึงการสร้างเรือนจำนักโทษการเมืองแห่งใหม่แต่อย่างใด" นายสมศักดิ์กล่าว.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"