บ่นตามประสา สว.ไปเมื่อวาน เรื่องจดหมายลูกโซ่ยุคดิจิทัล ปรากฏว่าวันนี้มีคนส่งอีเมลมาให้เกี่ยวกับ "อีเมลลูกโซ่" เลยทำให้มนุษย์ป้าต้องถอนหายใจร้อง..เฮ้อ!! เพราะลืมไปแล้วว่าอีเมลยังเป็นช่องทางหนึ่งในการสื่อสาร ไม่ใช่แค่เฟซบุ๊ก หรือไลน์เท่านั้น

            ผู้เบื่อหน่ายจากจดหมายลูกโซ่ในรูปแบบต่างๆ ส่งมาบอกว่า ช่วยสะกิดเตือนกันด้วยว่าการส่งต่ออะไรที่ไร้สาระนั้น ...ผิดกฎหมายนะ

                "การกระทำดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 11 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท"

                ใครเหม็นขี้หน้าใคร ..ก็ใช้กฎหมายข้อนี้ฟ้องร้องกล่าวโทษกันได้เลย ..อิอิ

            นี่เป็นการสะท้อนบอกว่า ขณะที่สังคมไทยยังคง "เชื่อง่าย" กับจดหมายลูกโซ่ ในอีกมุมหนึ่งก็มีมากมายเบื่อหน่ายเสียเหลือเกินกับข้อความส่งต่อประเภทนี้ เพียงแต่ไม่กล้าบอก หรือพูดกับคนส่งแบบตรงไปตรงมาหรือตรงกับใจเท่านั้น

            เปรียบเทียบไปก็เหมือนกับ fake news ในโลกของข้อมูลข่าวสารได้เหมือนกันนะ เพราะจดหมายประเภทระบุว่า ไม่ส่งต่อจะตายแน่หรือโชคร้ายนั้น มันเข้าขั้นหลอกลวงชัดๆ ส่วนการเปลี่ยนการแช่งเป็นคำอวยพรมันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ...จริงไหม

            ยิ่งเป็นเรื่องการขอความช่วยเหลือ ปัญหาการเจ็บไข้ได้ป่วย ดูเหมือนการส่งต่อแบบนี้ก็มีไม่น้อย เพราะคนไทยมีน้ำใจ และเป็นคนขี้สงสาร แต่มนุษย์ป้าขอบอกว่า เรื่องแบบนี้ตรวจสอบให้ดีก่อนค่อยส่งต่อ หรือแชร์ ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนะจ๊ะ เพราะหลายครั้งทีเดียว มนุษย์ป้าเคยส่งต่อให้ทาง จส.100 ช่วยหาคนหาย ปรากฏว่าเป็นเรื่องเก่าผ่านมา 10 ปีก็มี และที่น่าสะเทือนใจก็คือ การส่งต่อเรื่องการขอบริจาคเลือดด่วนด้วยนั่นโน่นนี่ หลายครั้งเหมือนกันที่พบว่า ผู้ต้องการเลือดที่ถูกระบุชื่อนั้น เขาหยุดหายใจไปนานแล้ว

            เอาเป็นว่า ก่อนคลิกส่งอะไร ตรวจสอบให้มั่นใจก่อนว่าผู้ส่งมาเป็น "ต้นทาง" ที่น่าเชื่อถือไหม ...ช้าๆ สักนิด ไม่เห็นจะต้องไปแข่งโพสต์เร็วก่อนใครเลยจริงไหม ..ถ้าหากคุณไม่ใช่นักข่าวที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา.

         "ป้าเอง"