รองแม่ทัพภาคที่ 3 สยบฝุ่นหมอกควันไฟป่ารอยต่อ 3 จังหวัด เพื่อลดระดับปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ซ้ำซาก 5 อำเภอ เผยจุดความร้อนยังสูงมีลักลอบเผาเขตป่าอื้อ "บิ๊กป้อม" ห่วงปัญหา PM2.5 ภาคเหนือ กำชับ ทส.เร่งดูแล เตรียมประสานต่างประเทศช่วยดูการเผาจนส่งผลถึงไทย
ที่บริเวณศาลเจ้านางแก้ว ถ.เชียงใหม่-เชียงราย กม.ที่ 53 เวลา 09.30 น. วันที่ 10 มีนาคม พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เป็นประธานเปิดปฏิบัติการ KICK OFF สยบฝุ่นหมอกควัน PM2.5 ไฟป่า ปี 2564 ที่ทุกภาคส่วนบูรณาการการทำงานร่วมกัน ทำแนวกันไฟ บริหารจัดการเชื้อเพลิง ดับไฟป่ารอยต่อ 3 จังหวัด (จ.เชียงใหม่, เชียงราย และลำปาง) ประกอบด้วย 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ดอยสะเก็ด, อ.พร้าว, อ.เวียงป่าเป้า, อ.เมืองปาน และ อ.วังเหนือ เพื่อเป็นการป้องกันและลดระดับปัญหาหมอกควันไฟป่า ซึ่งเป็นพื้นที่มีปัญหาซ้ำซากมาแต่อดีตของรอยต่อในพื้นที่ 3 จังหวัดนี้
รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันยังคงเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งรัดแก้ไขปัญหา ซึ่งทุกส่วนราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชนได้ร่วมกันบูรณาการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ปัญหาประการหนึ่งที่สำคัญคือ พื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดจำนวน 19 รอยต่อในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ก็เป็นพื้นที่หนึ่งที่เป็นผลจากการบูรณาการร่วมกัน จึงเกิดกิจกรรม Kick Off สยบฝุ่นหมอกควัน ไฟป่ารอยต่อ 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย และจังหวัดลำปาง ในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดอยสะเก็ด, พร้าว, เวียงป่าเป้า, เมืองปาน และอำเภอวังเหนือ เพื่อให้ปฏิบัติการเฝ้าระวัง ดับไฟป่าแนวเขตรอยต่อ 3 จังหวัด ให้เกิดประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ภายในงานมีพิธีลงนามข้อตกลง MOU ความร่วมมือ 3 จังหวัด 5 อำเภอของ 14 หน่วยงาน และร่วมกันนำใบไม้บรรจุลงในเสวียน ทำแนวกันไฟบริเวณพื้นที่รอยต่อ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ และ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย เพื่อเป็นเชิงสัญลักษณ์ของความร่วมมือในครั้งนี้
ทั้งนี้ สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือตอนบนเริ่มมีผลกระทบกับประชาชน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และจังหวัดตาก โดยภาพรวมภาคเหนือวันนี้มีค่า PM2.5 ระหว่าง 30-202 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร, ค่า PM10 ระหว่าง 57-262 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่า AQI ระหว่าง 39-312 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งจากการตรวจสอบสาเหตุพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานพบว่า สาเหตุส่วนใหญ่เกิดการจุดไฟหาของป่า, การเผาเศษวัชพืช และการเผาเตรียมพื้นที่ทางการเกษตร โดยวันนี้เกิดจุดความร้อนในภาคเหนือ 17 จังหวัด มีมากถึง 1,447 จุด เกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 1,066 จุด พื้นที่ป่าสงวนฯ 356 จุด โดยพบจุดความร้อนสูงสุดที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน 510 จุด จังหวัดตาก 311 จุด และจังหวัดเชียงใหม่ 295 จุด สะท้อนชัดเจนว่ามีการลักลอบเผาทั้งหมด
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่มีจำนวนมากในภาคเหนือว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ก็นำเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งได้กำชับให้ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พิจารณาวางมาตรการในการดูแลเรื่องฝุ่นแล้ว โดยเฉพาะที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งยอมรับว่ามีจำนวนมาก และอากาศไม่ถ่ายเท ยืนยันว่าได้เตรียมมาตรการต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว และต้องประสานกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งทราบว่าประเทศเพื่อนบ้านมีการเผากันเยอะ ก็ต้องมีการหารือกัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |