ม็อบบุกทำเนียบ สตรีพท.ซัด‘บิ๊กตู่’ เหลื่อมลํ้าทางเพศ


เพิ่มเพื่อน    

 วันสตรีสากล ม็อบแรงงาน-ผู้หญิงล้อมทำเนียบเรียกร้องสวัสดิการเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำคุ้มครองแรงงานหญิง กำหนดวัน 8 มีนา.เป็นวันหยุดเพิ่มสิทธิและบทบาทสตรี "ลุงตู่" หงุดหงิดเสียงปราศรัยรบกวนสมาธิ ปราศรัยวันสตรีสากลมุ่งส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ เพิ่มบทบาทสตรีในการมีส่วนร่วมสร้างความเข้มแข็งแก่สังคม "สตรีเพื่อไทย" ซัด "ประยุทธ์" ยิ่งอยู่อันดับความเท่าเทียมทางเพศยิ่งตกต่ำกว่ายุค "ยิ่งลักษณ์"

    ที่ทำเนียบรัฐบาล ช่วงเช้าวัน?ที่ 8 มีนาคม ได้มีสหพันธ์แรงงาน อุตสาหกรรมสิ่งทอการตัดเย็บเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์?หนังแห่งประเทศไทย กลุ่มสหภาพ?แรงงานย่านรังสิต และองค์กรเครือข่ายต่างๆ? ได้?มายื่นหนังสือเนื่องในวันสตรีสากล? 8 มีนาคม? เพื่อทวงถามความคืบหน้าข้อเรียกร้อง?ที่เคยยื่นรัฐบาลไปแล้ว? 7 ข้อ? อาทิ? ขอให้รัฐบาลจัดงบประมาณ?รัฐสวัสดิการ?ดูแล?ประชาชน?อย่างมีคุณภาพ, แก้ไขรัฐธรรมนูญ?ทั้งฉบับให้ประชาชนมีส่วนร่วมและเป็นประชาธิปไตย?อย่างแท้จริง, รัฐบาลต้องเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400-425 บาท, ผลักดันกฎหมายให้สตรีมีสิทธิ์?ทำแท้งได้อย่างปลอดภัยหากไม่พร้อมมีบุตร และต้องผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 3,000 บาทต่อเดือน
    ขณะเดียวกัน ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล ประตู 5 ถนนราชดำเนิน ได้มีกลุ่มคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.)และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ทำกิจกรรมเนื่องในวันสตรีสากล โดยตั้งขบวนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ก่อนที่จะเดินขบวนมายังหน้าทำเนียบรัฐบาล ตั้งเวทีปราศรัยและอ่านแถลงการณ์เนื่องในวันสตรีสากล และข้อเรียกร้องที่มีต่อนายกรัฐมนตรี จำนวน 8 ข้อ อาทิ ขอให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญา ILO ที่ว่าด้วยการขจัดความรุนแรงและการล่วงละเมิดในโลกแห่งการทำงาน รวมถึงการให้ความคุ้มครองแรงงานหญิงที่เป็นธรรม ขจัดการละเมิดสิทธิ แรงงานทุกรูปแบบ มีมาตรการปกป้องคุ้มครองและเยียวยาสร้างความมั่นคงในการทำงาน เข้าถึงสิทธิ สวัสดิการอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม รัฐบาลต้องกำหนดสัดส่วนของผู้หญิงและเพศสภาพในการตัดสินใจของคณะกรรมการทุกมิติทุกระดับอย่างน้อย 1 ใน 3 และกำหนดวันที่ 8 มีนาคม เป็นวันหยุดตามประเพณีของทุกปี เพื่อเรียกร้องสิทธิและบทบาทของสตรี และขอให้รัฐบาลแสดงออกถึงความจริงใจในการยกระดับสิทธิและสวัสดิภาพของผู้หญิงในการทำงาน
    ต่อมาเวลา 11.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อน 5G แห่งชาติ โดยระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ เป็นเวลาเดียวกับกลุ่มเครือข่ายแรงงานได้ชุมนุมและปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงเนื่องในวันสตรีสากลอยู่ด้านหน้าทำเนียบ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เสียงนี่รบกวนสมาธิผมเหลือเกิน ตั้งแต่เช้าแล้ว ก็เป็นเรื่องของเขา การชุมนุมอะไรก็แล้วแต่”
    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตลอดเวลาที่นายกฯ ให้สัมภาษณ์ เครือข่ายแรงงานยังคงปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียง จนเสียงดังเข้ามาภายในทำเนียบฯ ซึ่งนายกฯ ได้หยุดพูดอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวว่า “ใช้เครื่องขยายเสียงนี่ ขออนุญาตหรือเปล่าก็ไม่รู้ เราก็ยังไม่ได้ไปว่าอะไรเขา แต่มีโรงเรียน มีวิทยาลัยอยู่ตรงนี้”  
    ที่ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวคำปราศรัยเนื่องในวันสตรีสากล ประจำปี 2564 ภายใต้แนวคิด “เสริมพลังสตรีและเด็กหญิงสู่ความเสมอภาค ร่วมตัดสินใจ ไร้ความรุนแรง” ผ่านวีดิทัศน์
    โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปว่า นายกรัฐมนตรีฝากความระลึงถึงและความปรารถนาดีมายังพี่น้องสตรีไทย และผู้ที่ปฏิบัติงานด้านสตรีที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพสตรีในทุกมิติเนื่องในวันสตรีสากล ประจำปี 2564 นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่ารัฐบาลเห็นถึงความสำคัญของสตรีในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมและการยุติการเลือกปฏิบัติในสังคม จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ การมีส่วนร่วมการรับผิดชอบครอบครัวและพัฒนาสังคม พร้อมทั้งเพิ่มโอกาส บทบาทและการมีส่วนร่วมของสตรีในการทำงานเชิงเศรษฐกิจ การเมือง และการบริหารในทุกระดับ ซึ่งการจัดงานในวันนี้ภายใต้แนวคิด “เสริมพลังสตรีและเด็กหญิงสู่ความเสมอภาค ร่วมตัดสินใจ ไร้ความรุนแรง” เพื่อเห็นคุณค่า ศักดิ์ศรีที่เท่าเทียม และเป็นหนึ่งพื้นฐานสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้แก่สังคม
    น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในวันสตรีสากล 8 มี.ค. นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมบทบาทของผู้หญิงว่าเป็นผู้มีความสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศอย่างมากในทุกๆ ด้าน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา บทบาทของผู้หญิงไทยเป็นที่กล่าวถึงในระดับนานาชาติมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามยังคงมีปัญหาที่ฝังลึกในสังคมไทยอยู่ เรื่องทัศนคติหญิงด้อยกว่าชาย การใช้ความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งรัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ ได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรีและบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานมาอย่างต่อเนื่อง
    ที่พรรคเพื่อไทย ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวเนื่องในวันสตรีสากล โดย น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทั่วโลกมองเรื่องความเท่าเทียมและการลงมือทำเป็นวาระที่จะต้องผลักดันให้สตรีและทุกคนตระหนักรู้ โดยองค์การสหประชาชาติ (UN) มีแนวคิด Celebrate “Women in Leadership” ชื่นชมสตรีที่เป็นผู้นำส่งเสริมสิทธิที่เท่าเทียม ส่วน International Woman Day หรือ IWD ได้จัดแคมเปญ #ChooseToChallenge กระตุ้นให้ผู้หญิงออกมาประกาศว่าตนเองจะเอาชนะเรื่องใด หรือต่อต้านสิ่งใด และให้ร่วมกันลงมือทำจึงจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ แต่เหตุใดผู้นำประเทศของไทยอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการจะเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ แต่ยิ่งอยู่อันดับความเท่าเทียมทางเพศยิ่งตกต่ำลง หากดูรายงานของ World economic forum ที่จัดอันดับความเหลื่อมล้ำทางเพศทั่วโลก พบว่า ในปี 2555 ซึ่งเป็นปีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย อันดับความเหลื่อมล้ำทางเพศของไทยอยู่ลำดับที่ 65 แต่ในปี 2563 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ความเหลื่อมล้ำทางเพศของไทยตกไปอยู่อันดับ 75
    น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความเท่าเทียมทางเพศในบริบทของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่ร่างขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจของ คสช. แม้มีบทบัญญัติที่เป็นลายลักษณ์อักษรว่าให้ชายและหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน ห้ามเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมอันเนื่องมาจากความแตกต่างทางเพศ แต่ในความเป็นจริงค่านิยมผู้ชายมีสิทธิเหนือกว่าผู้หญิงยังคงอยู่
    น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เกือบ 10 ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เห็นความสำคัญของสตรี ไม่มีโครงการใดเลยที่ออกมาส่งเสริมสตรีตามที่ได้หาเสียงไว้ เช่น โครงการมารดาประชารัฐ ที่จะได้รับเงินช่วยเหลือตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงตอนนี้ยังไม่สำเร็จ นอกจากนี้กองทุนพัฒนาสตรี ซึ่งมีโมเดลเดียวกับกองทุนหมู่บ้าน ทำให้ผู้หญิงเข้าถึงเงินทุนนำไปพัฒนาอาชีพสร้างรายได้ จนเมื่อมีการรัฐประหารโครงการนี้หยุดชะงักไป 5 ปี ปัจจุบันกองทุนถูกโยกย้ายไปที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งทำให้สตรีเข้าถึงกองทุนได้ยาก
    ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า วันสตรีสากลในปีนี้ #ChooseToChallenge หรือเรื่องความท้าทาย ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นแนวคิดหลัก สำหรับประเทศไทย ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่นเดียวกับทุกประเทศทั่วโลก แต่มากไปกว่านั้น เรายังต้องตกอยู่ในสภาวะที่สิทธิเสรีภาพถูกลิดรอน ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้กับผู้หญิงและทุกคนที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย สิทธิ และเสรีภาพ ความเท่าเทียมกันอย่างมั่นคง ทำให้เราทุกคนไม่สิ้นหวังหรือท้อถอยด้วย.
        

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"