ดัน‘เอสเอ็มอี คนละครึ่ง’ สสว.ร่วมจ่ายเงิน50-80%


เพิ่มเพื่อน    

  รัฐบาลเดินหน้า "เอสเอ็มอีคนละครึ่ง" สสว.ให้เงินแบบร่วมจ่ายตั้งแต่ 50-80% คาดเริ่มดำเนินการได้กลางปีนี้ หวังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการได้ครบทุกมิติ ก.แรงงานเผย "ม33เรารักกัน" ยอดลงทะเบียนทะลุ 8.2 ล้านคน ย้ำผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนและไม่เคยลงทะเบียนเลยรีบติดต่อสำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ 15-28 มี.ค. คลังฟุ้ง "เราชนะ" ดันเงินสะพัด 9.2หมื่นล้าน

ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 8 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (บอร์ด สสว.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม  โดยภายหลังการประชุม นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เปิดเผยว่า ขณะนี้ สสว.ได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยจะดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีผ่านระบบผู้ให้บริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจ (Business Development Service : BDS) หรือการจ่ายคนละครึ่งภาคเอสเอ็มอี เพื่อสร้างทางเลือกให้กับเอสเอ็มอีในการพัฒนาธุรกิจของตนเองให้ตรงตามความต้องการมากขึ้น โดย สสว.จะให้การเงินสนับสนุนแบบร่วมจ่าย (co-payment) มีสัดส่วนตั้งแต่ร้อยละ 50-80  
นายวีระพงศ์กล่าวว่า สำหรับค่าใช้จ่ายที่สามารถขอรับการสนับสนุน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการอบรมพัฒนาความรู้ด้านธุรกิจ, ค่าใช้จ่ายในการทดสอบและรับรองมาตรฐาน, ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การทดลองผลิตระดับอุตสาหกรรมและการออกแบบ, ค่าใช้จ่ายในการขยายโอกาสทางการตลาด, ค่าใช้จ่ายในการรับถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา รวมทั้งค่าตอบแทน เช่น ค่าที่ปรึกษา ค่าผู้เชี่ยวชาญ ค่าวินิจฉัย เป็นต้น โดยคุณสมบัติของเอสเอ็มอีต้องเป็นธุรกิจที่มีการยื่นชำระภาษีและขึ้นทะเบียนสมาชิกกับ สสว.
“โครงการดังกล่าวเป็นการลดรายจ่ายให้กับเอสเอ็มอี ซึ่ง สสว. จะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งให้กับเอสเอ็มอี ซึ่งล่าสุดมีหน่วยงาน BDS เข้าร่วมกับ สสว.แล้วกว่า 100 หน่วยงาน และคาดว่าจะมีหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมโครงการดังกล่าวเพิ่มขึ้น ซึ่งหน่วยงานเหล่านั้นต้องมีมาตรฐานและมีระดับราคาตามที่กำหนด เพื่อให้เอสเอ็มอีที่เข้ามาใช้บริการได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ และมีทางเลือกที่หลากหลาย ตรงกับความต้องการเบื้องต้นของผู้ประกอบการ และคาดว่าจะเปิดโครงการได้ประมาณกลางปีนี้” ผอ.สสว. ระบุ
นายวีระพงศ์กล่าวด้วยว่า การดำเนินงานในปี 2564 ของ สสว. คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 3,700 ล้านบาท โดยผ่านความร่วมมือของหน่วยร่วมดำเนินงานของ สสว. ซึ่งจะสามารถพัฒนาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการได้ครบในทุกมิติ
วันเดียวกัน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงผลการลงทะเบียนออนไลน์โครงการ "ม33เรารักกัน" ผ่านเว็บไซต์ "w ww.ม33เรารักกัน.com" ซึ่งได้เปิดให้ลงทะเบียนมาตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.-7 มี.ค.64 จากเป้าหมายดำเนินการ 9.27 ล้านคน ปรากฏว่ามีผู้ประกันตนมาตรา 33 ลงทะเบียนทั้งสิ้น 8,208,286 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 7 มี.ค.64 เวลา 23.00 น.) คงเหลืออีกประมาณกว่า 1 ล้านคน ในจำนวนนี้ประกอบไปด้วยผู้ที่รับเงินในโครงการเราชนะไปแล้ว ผู้ที่มีเงินฝากในบัญชีเกิน 500,000 บาท และผู้ที่มีปัญหาอื่นๆ ทางเทคนิค เช่น ชื่อ-นามสกุล ไม่ตรงกับฐานข้อมูลสำนักทะเบียนราษฎร หรือไม่ตรงกับฐานข้อมูลผู้ประกันตนลงทะเบียนช้า ไม่มีสมาร์ทโฟน
นายสุชาติกล่าวถึงขั้นตอนการดำเนินการสำหรับผู้ประกันตน กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน และยังไม่เคยลงทะเบียนเลย ขอให้เข้ามาติดต่อเพื่อลงทะเบียนที่สำนักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่งทั่วประเทศที่ท่านสะดวกในวันที่ 15-28 มี.ค.64
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ประกันตนนำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดมาเพื่อลงทะเบียนขอรับสิทธิด้วย โดยสำนักงานประกันสังคมจะจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก พร้อมให้คำแนะนำปรึกษาเรื่องการ ลงทะเบียน ตั้งแต่เวลา 08.30-18.30 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ส่วนผู้ที่ลงทะเบียนแล้วแต่ไม่ผ่าน สามารถขอทบทวนสิทธิผ่านเว็บไซต์ w ww.ม33เรารักกัน.com ได้ในวันที่ 15-28 มี.ค.64 ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 1 สำนักงานประกันสังคม
  ขณะที่นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้สั่งการด่วนให้สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ เปิดศูนย์ประสานงานทบทวนสิทธิ ม.33เรารักกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกันตนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ดังนี้ กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนแต่ได้ทำการลงทะเบียนไปแล้วในรอบแรก (วันที่ 21 กุมภาพันธ์-7 มีนาคม 2564) ขอให้รีบมาติดต่อที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่งทั่วประเทศ ที่ท่านสะดวก เพื่อขอรับสิทธิในวันที่ 8-11 มีนาคม 2564 นี้เท่านั้น
กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนและยังไม่เคยลงทะเบียนเลย ขอให้เข้ามาติดต่อเพื่อลงทะเบียนที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่งทั่วประเทศ ที่ท่านสะดวก ในวันที่ 15-28 มีนาคม 2564 นี้ ทั้งนี้ ขอให้ผู้ประกันตนนำบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดมาเพื่อลงทะเบียนขอรับสิทธิด้วย
    กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการเราชนะ ณ วันที่ 8 มี.ค.2564 ว่าประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.2564 เป็นต้นมา จำนวน 40,631 ล้านบาท ขณะที่ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชันเป๋าตัง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ w ww.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้น และยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการแล้ว มีจำนวนมากกว่า 16.5 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.2564 เป็นต้นมา จำนวน 50,838 ล้านบาท และประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 0.5 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.2564 เป็นต้นมา จำนวน 1,106 ล้านบาท ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์โครงการเราชนะรวมทั้งสิ้นจำนวน 30.7 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 92,575 ล้านบาท.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"