แกนนำราษฎรนอนคุกถ้วนหน้าตามก้น “เพนกวิน-อานนท์-แอมมี่” “แก๊งการ์ดปิยณัฐ” โดนข้อหาหนัก ทนายยื่น 6.3 แสนขอประกัน ศาลไฟเขียวแค่ 14 คน ส่วน “โตโต้” ศาลชี้พฤติการณ์คุกคามไม่เกรงกลัวกบิลเมืองไม่อนุมัติ บช.น.เล็งฟันเพิ่มอีกปล้นทรัพย์ “รุ้ง-ไมค์-ไผ่” พร้อมพวก 18 รายคอตก อัยการยื่นฟ้องคดีชุมนุม 19 กันยาสำนวนที่สองแล้ว นัดตรวจหลักฐาน 15 มี.ค. ศาลเมินปล่อยตัว 3 ราย บอกกลัวไปก่อเหตุซ้ำ ราชทัณฑ์คุมตัวทันที
เมื่อวันจันทร์ที่ 8 มีนาคม ยังคงมีความต่อเนื่องจากการชุมนุมเมื่อวันเสาร์ที่ 6 มี.ค. โดย พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) แถลงถึงกรณีมีกระสุนยิงใส่รถเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะเดินทางกลับจากการปฏิบัติหน้าที่ที่ศาลอาญา ว่าเป็นรถที่ใช้ขนกำลังพลจำนวน 3 คัน ระหว่างเดินทางกลับจากศาลอาญาเวลาประมาณ 23 นาฬิกาเศษ มีบุคคลไม่ทราบจำนวนยิงมาใส่รถ 3 คัน กระสุนปืนทะลุรถ ซึ่งผลจากการตรวจพบเป็นกระสุนปืน และอยู่ระหว่างขยายผลหาตัวผู้กระทำความผิด ส่วนมีกลุ่มคนที่เข้าชิงตัวกลุ่มการ์ดวีโว่และทำลายทรัพย์สินราชการได้รับความเสียหายนั้น พบว่ามีความผิดเพิ่มเติม มีทั้งการทำร้ายร่างกายและชิงเงินสดของกลางที่ทำการตรวจยึดได้จากผู้ต้องหา และชิงทรัพย์พระเครื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอีกหลายรายการ อยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียด แต่เข้าข่ายกระทำความผิดปล้นทรัพย์เพิ่มเติมไป
“ที่วิพากษ์วิจารณ์เข้าจับกุมหลักฐานเพียงพอหรือไม่ เรารอบคอบ ขอรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนว่าจะดำเนินคดีกับใครบ้าง ข้อหาอะไร แต่ยืนยันดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ถ้าตรวจพบการกระทำความผิดดำเนินคดีหมด การหาตัวผู้กระทำความผิดมีความคืบหน้า แต่ต้องรอนิดหนึ่ง” พล.ต.ท.ภัคพงศ์ระบุ
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. กล่าวเพิ่มเติมว่า การชิงตัวผู้ต้องหาเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 191 ข้อหาการช่วยเหลือนำพาผู้ต้องหาให้หนีไปจากการควบคุมของพนักงานสอบสวนหรือพนักงานสืบสวนคดีอาญา และถ้าพยานหลักฐานไปถึงผู้ใดนำของกลางหรือชิงปล้นของกลางเงินสดที่หายไป รวมทั้งทรัพย์สินของข้าราชการตำรวจ จะมีความผิดฐานปล้นทรัพย์อีกส่วนหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ที่ศาลอาญา พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ยื่นคำร้องฝากขังผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กรณีนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ อายุ 31 ปี กับพวกรวม 15 คน แกนนำและสมาชิกกลุ่ม Wevo ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 6 มี.ค. โดยฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 8-19 มี.ค.นี้ เนื่องจากต้องสอบพยานอีก 30 ปาก รอผลตรวจลายนิ้วมือประวัติต้องโทษและอื่นๆ
ทั้งนี้ ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน, ร่วมกันกระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายแพร่ระบาดฯ ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ, อั้งยี่, สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อจะกระทำความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมใช้กำลังประทุษร้ายฯ หรือจะต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีหรือใช้อาวุธ หรือโดยร่วมการกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป และทำให้เสียทรัพย์ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ไม่ให้ประกัน'โตโต้'
ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากหากปล่อยตัวไปแล้วเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี อีกทั้งกลุ่มผู้ต้องหานี้ยังมีพฤติการณ์กระทำความผิดก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนายปิยรัฐ ผู้ต้องหาที่ 1 ซึ่งมีพฤติการณ์เป็นผู้นำกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น อยู่ในระหว่างการถูกดำเนินคดีในความผิดในลักษณะเดียวกันนี้ในท้องที่อื่นๆ อีกหลายคดี ศาลสอบถามผู้ต้องหาและไต่สวนพยานหลักฐานผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แล้วไม่คัดค้าน อนุญาตฝากขัง
หลังฝากขังนายปิยรัฐและผู้ต้องหาอื่นรวม 15 คน ญาติได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดรวม 6.3 แสนบาท และตำแหน่งอาจารย์มหาวิทยาลัย 1 คน ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิเคราะห์แล้ว ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายปิยรัฐ โดยเห็นว่ามีพฤติการณ์คุกคาม ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ประกอบกับถูกดำเนินคดีในคดีอื่นลักษณะเดียวกันอีกหลายคดี หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้ต้องหาที่ 1 จะไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก จึงไม่สมควรปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง ส่วนผู้ต้องหาอื่นอีก 14 คน ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยตีราคาประกันคนละ 4.5 หมื่นบาท
วันเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงคำสั่งฟ้องคดีชุมนุม 19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎรกับ 18 ผู้ต้องหา แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร ว่าสำนักงานอัยการคดีอาญา 7 ได้นัดผู้ต้องหาที่เหลือทั้ง 18 คน ซึ่งก่อนหน้านี้มีฟ้องไปแล้วบางส่วน เช่น นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน โดยผู้ต้องหาทั้ง 18 คนจะถูกฟ้องข้อหาร่วมกันกระทำผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ป.อาญา มาตรา 215, ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะฯ, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, กีดขวางทางสาธารณะฯ, ร่วมกันกีดขวางการจราจรฯ, ตั้งวางวัตถุบนถนนอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายฯ, ทำลายโบราณสถานฯ, ทำให้เสียทรัพย์ฯ และร่วมกันโฆษณาเครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ รวม 11 ข้อหา แต่ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน เฉพาะ 3 คนนี้จะมีข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ มาตรา 112 เพิ่มเติม
เมื่อถามว่า มวลชนมองว่ากระบวนการยุติธรรมมีการฟ้องเกินกว่าเหตุหรือไม่ นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ใช้มาตรฐานเดียวกันกับคดีอาญาอื่นๆ โดยพิจารณาไปตามพยานหลักฐานจากข้อเท็จจริง จากการสอบสวน ความจริงจะเป็นเช่นไร ก็ขึ้นกับการซักค้านในชั้นศาล ส่วนเรื่องการประกันตัว พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการปล่อยชั่วคราว และให้เหตุผลว่ามีอัตราโทษสูง ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล ผู้ต้องหาบางคนอาจได้ประกันตัวก็เป็นไปได้
ต่อมาแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรเดินทางมาตามนัดอัยการฟังคำสั่งคดีชุมนุม 19 กันยาฯ โดยเดินขบวนนำผู้ชุมนุมตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้า MRT ลาดพร้าว จนมาถึงบริเวณหน้าสำนักงานอัยการสูงสุด ในเวลาประมาณ 09.40 น. เพื่อเข้ารายงานตัวฟังคำสั่งคดี ขณะที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจวางกำลังรักษาความปลอดภัย ให้มีการเดินทางเข้าเพียงประตูเดียว พร้อมตั้งจุดคัดกรองให้ผู้ที่เดินทางเข้าสำนักงานยื่นบัตรประชาชนลงทะเบียน ส่วนผู้ชุมนุมที่ไม่ต้องการเข้ามาได้รวมตัวกันอยู่ที่หน้าประตูรั้วสำนักงานอัยการสูงสุด และฟังปราศรัยจากเครื่องขยายเสียง
3 แกนนำเริ่มทำใจ
ต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น. นายภาณุพงศ์กล่าวสั้นๆ กับผู้ชุมนุมว่า เป็นเพียงคนที่เพาะต้นกล้าประชาธิปไตย จากนี้ไปเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ร่วมรดน้ำ ให้ต้นกล้าแข็งแรง มั่นคง
ด้านนายจตุภัทร์ ชวนผู้ชุมนุมที่เดินทางมาให้กำลังใจนั่งสงบนิ่งกลางแดด 15 นาที พร้อมกล่าวว่า ขอให้ทุกคนลองหลับตานึกถึงวันแรกที่เราตัดสินใจก้าวเดินทำสิ่งที่มันเหนื่อย เดินจากโคราช 247.5 กม. ระหว่างทางเดิน พวกเราเหนื่อย บ้างท้อแท้ มีคนมาร่วมเดินกับเรา แต่ก็มีคนที่ต้องอยู่ในเรือนจำ ทำให้พวกเราต้องออกมา
“จากนี้ไม่ว่าพวกเราจะอยู่ข้างในหรือข้างนอก กระบวนการต่อสู้ได้เกิดขึ้นแล้ว ขอให้พวกเราสงบนิ่ง การต่อสู้ครั้งนี้เป็นของพวกเราทุกคนที่เป็นมนุษย์ มีหลายคนที่ต้องถูกโดดเดี่ยว เรามองดูผู้คนต่างๆ ไม่ใช่แค่ไผ่หรือไมค์ มีอีกหลายคนที่ต้องเดือดร้อน อยากให้ทุกคนสู้ต่อ ไม่ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะสู้กันต่อไป” นายจตุภัทร
จากนั้นในเวลาใกล้เคียงกัน น.ส.ปนัสยาเดินทางมาถึง ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้หวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าศาลจะให้ความยุติธรรม แม้วันนี้จะส่งฟ้อง สุดท้ายก็จะอยู่ระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งระหว่างพิจารณาคดีหมายความว่าเรายังเป็นผู้บริสุทธิ์ จะทำเหมือนเราเป็นผู้มีความผิดไม่ได้ แต่ว่าศาลจะให้ความยุติธรรมกับเราได้ หรือให้สิทธิในการประกันตัว ซึ่งเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ และเราคาดหวังว่าผู้ที่เข้าไปก่อนหน้านี้จะได้รับการประกันตัวเช่นกัน ทั้งนี้ก็เตรียมใจมาอย่างถึงที่สุดเรื่องผลประกัน เราพูดมาตลอดว่าการมาลงสนามนี้ สุดท้ายถึงเราจะต้องเข้าคุกไป หรือว่ากี่คน สุดท้ายแล้วคนที่อยู่ข้างนอกเขาก็ยังต่อสู้กันอยู่ ไม่จำเป็นว่าต้องมีเราเขาถึงจะสู้กันได้ เพราะฉะนั้นเราไม่ห่วงเลย ได้มีการพูดคุยกับแกนนำรุ่นใหม่ต่อจากนี้ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาในการดูแลและร่วมต่อสู้ไปกับทุกคน
“พ่อแม่เราค่อนข้างเข้มแข็งและเตรียมใจมาพอสมควร ตั้งแต่เข้าคุกไปครั้งแรก สำหรับคนใกล้ตัว หากต้องเข้าคุกก็ฝากฝังทุกอย่างไว้หมดแล้ว” น.ส.ปนัสยากล่าว
สำหรับการยื่นฟ้องคดีชุมนุม 19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร สำนวนที่สอง กรณี 18 แกนนำ อัยการได้ยื่นฟ้อง 11 ข้อหา โดยศาลพิจารณาแล้วรับคำฟ้องไว้ในสารบบเป็นคดีหมายเลขดำ อ 539/2564 จากนั้นศาลสอบคำให้การพวกจำเลยทั้งหมด รวมทั้งนายไชยอมร หรือแอมมี่ จำเลยที่ 13 ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ได้สอบคำให้การผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยจำเลยทั้งหมดแถลงให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี ศาลจึงนัดพร้อมเพื่อตรวจหลักฐานทั้งสองฝ่ายต่อไปในวันที่ 15 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
'รุ้ง-ไมค์-ไผ่'นอนคุก
ต่อมาทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งหมด ศาลพิจารณาแล้วไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว น.ส.ปนัสยา, นายภาณุพงศ์ และนายจตุภัทร์ จำเลยที่ 1-3 โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง ทั้งมีเหตุอันควรให้เชื่อได้ว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 1-3 จะไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันกับที่ถูกฟ้อง หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก จึงไม่สมควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง ส่วนจำเลยที่ 4-18 ศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยตีราคาประกันคนละ 35,000 บาท ทั้งนี้ ในเวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวนายภาณุพงศ์และนายจตุภัทร์ จำเลยที่ 2-3 ขึ้นรถตู้ไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วน น.ส.ปนัสยา จำเลยที่ 1 ถูกนำไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นประกันตัวแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร 18 คน ว่าเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ศาลออกนั่งบัลลังก์แจ้งให้ผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ว่าถูกฟ้องและนัดพร้อมในวันที่ 15 มี.ค.นี้ ซึ่งกำลังยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวให้กับทั้ง 18 คน ปรากฏว่าเอกสารของจำเลยที่ 1-3 รุ้ง, ไมค์ และไผ่ ยังไม่เรียบร้อย แต่ทราบจากเจ้าหน้าที่ศาลว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวทั้งสามไปเรือนจำแล้ว จึงเกิดคำถามว่าทำไมไม่รอให้ยื่นปล่อยชั่วคราวก่อน ทั้งๆ ที่ยังไม่หมดเวลาทำการศาล การนำตัวไปเรือนจำทั้งๆ ที่ยังไม่ยื่นประกัน ปกติเขาไม่ทำกัน
ด้าน น.ส.พรพรหม บุญภัทรรักษา น้องสาวของนายจตุภัทร์กล่าวเรื่องนี้ว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่มาแจ้งเลยว่าไม่ได้ประกัน ทำให้ตอนนี้แกนนำเราหมดอิสรภาพไปทีละคน แต่เชื่อว่าจะไม่มีวันหมดแน่นอน ทุกคนจะต้องออกมาเยอะขึ้น ส่วนสภาพจิตใจของแม่ค่อนข้างเข้มแข็ง แต่ยังสะเทือนใจอยู่ดี และก่อนจะถูกพาตัวไปเรือนจำ พี่ไผ่โทร.เข้ามาพอดี แต่หนูไม่ได้รับสาย จึงรู้สึกเสียใจมาก ตอนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ข้างในเรือนจำสภาพจะเป็นอย่างไร จะให้เข้าเยี่ยมได้เมื่อไหร่ หลังจากนี้จะให้สิทธิทนายความดำเนินการยื่นประกันตัวต่อไป
ขณะเดียวกัน พบว่ามีกลุ่ม ส.ส.พรรคก้าวไกลเดินทางมายื่นประกันตัวแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร 18 คน โดยจะใช้ตำแหน่งประกันตัว รวมทั้งได้มีคณาจารย์-นักวิชาการจากหลากหลายมหาวิทยาลัยได้เตรียมใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัวด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ก็ได้เดินทางมาให้กำลังใจ 18 ผู้ต้องหา แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรด้วย โดยกล่าวว่า อยากฝากถึงบุคคลผู้มีอำนาจกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด หลักใหญ่ใจความที่ควรคำนึงถึงคือกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช่อาชญากร เป็นคนหวังดีต่อชาติบ้านเมือง อยากให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ใช้เสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ การใช้ ป.อาญา ม.112 ห้ำหั่นกันแบบนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อใครเลย หากคิดว่าจะต้องจัดการเอากฎหมายปิดปาก การเอาไปขังคุกไม่ช่วยอะไร ไม่มีทางเปลี่ยนวิธีคิดแน่นอน ยิ่งจับยิ่งบานปลาย ยิ่งยัดข้อหายิ่งบานปลาย อยากฝากผู้มีอำนาจทั้งหลายคิดทบทวนให้ดี ไม่ได้ประโยชน์ต่อใคร การชุมนุมก็เดินหน้าต่อ
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก People GO network เครือข่ายภาคประชาชน นำโดยนายนิมิตร์ เทียนอุดม ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำจัดกิจกรรมเดินทะลุฟ้าจากโคราชถึงกรุงเทพฯ โพสต์ข้อความว่า ศาลไม่ให้ประกันตัว ไผ่ ไมค์ รุ้ง...ขบวนเดินทะลุฟ้า ประกาศยุติการชุมนุมวันนี้ เตรียมเปิดปฏิบัติการเดินทะลุฟ้า V.2 ถนนทุกสายมุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล พอกันทีประยุทธ์และพวก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |