พปชร.สั่งสอน‘เทพไท’ ปักธงเบอร์หนึ่งภาคใต้


เพิ่มเพื่อน    

      จบไปแล้วสำหรับศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นไปอย่างที่คาดว่าเป็นการขับเคี่ยวกันของสองพรรคใหญ่ฝั่งรัฐบาล ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์

            และไม่เหนือความคาดหมายหลัง นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นฝ่ายมีชัยเหนือ นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ น้องชาย นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากงานนี้ผู้ท้าชิงจากพรรคพลังประชารัฐทุ่มหมดหน้าตัก หวังโค่นแชมป์เก่าหลายสมัย

            สนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราชครั้งนี้ เป็นสนามหนึ่งที่พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 นายอาญาสิทธิ์ อดีตนายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ พ่ายแพ้ให้กับนายเทพไทเพียงไม่กี่พันคะแนนเท่านั้น

            ขณะเดียวกัน พื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ตลอดจนพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด เป็นพื้นที่ฐานเสียงสำคัญที่พรรคพลังประชารัฐต้องการดึงมาเป็นฐานเสียงหลักของตัวเอง 

            โดยเฉพาะพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ที่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 พรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส. 5 ที่นั่ง พรรคพลังประชารัฐได้ 5 ที่นั่ง การโค่นตระกูลเสนพงศ์ลงได้ ทำให้สองพรรคใหญ่มี ส.ส.พรรคละ 4 ที่นั่ง หรือ “คนละครึ่งจังหวัด”

            เหนือสิ่งอื่นใด สาเหตุที่พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญกับสนามเลือกตั้งแห่งนี้เป็นอย่างมาก นั่นเพราะพื้นที่นี้คือพื้นที่ของนายเทพไท ที่ก่อนหน้านี้ทำตัวเป็นหอกข้างแคร่ คอยตอดเล็กตอดน้อย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตลอดจนภาพรวมของรัฐบาลมาโดยตลอด

            กล่าวคือ เป็นข้อหาหมั่นไส้ส่วนตัว เพราะถ้าว่ากันตามความเป็นจริง ขณะนี้รัฐบาลมีเสียง ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าฝ่ายค้านหลายช่วงตัว ไม่จำเป็นต้องออกแรงเพื่อให้ได้ ส.ส.เพิ่มอีก 1 ที่นั่ง ซึ่งไม่ได้ส่งผลต่อสมการทางการเมืองแต่อย่างใด

            ที่สำคัญ ไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องสร้างบาดแผลระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ เพียงแค่ 1 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร แต่ครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐเลือกที่จะแลกทั้งหมด

            จะเห็นได้ว่า นี่เป็นสนามเลือกตั้งซ่อมที่ พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่หาเสียง และยอมขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อขอคะแนนให้กับนายอาญาสิทธิ์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมา 

            นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังยกทัพหลวงไปช่วยนายอาญาสิทธิ์ ชนิดว่าขนรัฐมนตรีและ ส.ส.ทั่วทุกภาคของพรรคลงภาคใต้ไปช่วย 

            ขณะที่ก่อนหน้านั้นมีกระแสข่าวออกมาว่า การที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกแรงเอง มันเป็นสัญลักษณ์ว่าพวกเขาพร้อมยิง “กระสุนดินดำ” แบบไม่อั้นเพื่อพาผู้สมัครของพรรคเข้าวิน เพื่อกำราบนายเทพไท 

            และอีกนัยคือ การป่าวประกาศให้รู้ว่า นาทีนี้พรรคเบอร์หนึ่งของภาคใต้ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์อีกต่อไป แต่เป็นพรรคพลังประชารัฐเรียบร้อยแล้ว

            แต่อย่างไรก็ดี ผลจากการแข่งขันในสนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราชครั้งนี้ ได้กลายเป็นลิ่มความขัดแย้งที่อยู่ในใจของทั้งสองพรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนกับที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุเอาไว้ว่า

                “ก่อนหน้านี้มีเลือกตั้งซ่อมที่ จ.กำแพงเพชร พื้นที่เดิมของพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์เรายอมกลืนเลือดไม่ส่งผู้สมัครลงแข่งเพื่อรักษามารยาททางการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ นพ.ปรีชา มุสิกุล อดีต ส.ส.กําแพงเพชร ลาออกจากพรรคไป กรณีที่ จ.นครศรีธรรมราช ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว พูดครั้งเดียวจบ จากนี้ไปจะพิจารณาเป็นกรณีไปว่าจะส่งหรือไม่ส่งอย่างไร”

            ซึ่งหากมองไปที่สนามเลือกตั้งในอนาคต สนามเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นอีกสนามที่ทั้งสองพรรคมีโอกาสจะลงมาแข่งขันกันอีกครั้ง แม้ก่อนหน้านี้จะมีความพยายามล็อบบี้ให้ทั้งสองพรรคเจรจาสนับสนุนผู้สมัครคนคนเดียวกันเพื่อไม่ให้ตัดคะแนนกันเอง แต่เมื่อมีกรณีของเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราช ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป

            แต่ก่อนถึงสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ เมืองกรุง ตัวแปรอีกจุดคือ ผลการวินิจฉัยสถานะ ส.ส.ของนายถาวร เสนเนียม ซึ่งเป็น ส.ส.สงขลา ที่หากต้องหลุดจากตำแหน่ง ส.ส. จะต้องมีการเลือกตั้งซ่อมเกิดขึ้น พรรคพลังประชารัฐจะยังยืนยันส่งผู้สมัครลงแข่งกับพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะแชมป์เก่าหรือไม่

            เพราะต้องไม่ลืมว่า พื้นที่ จ.สงขลา คล้ายๆ กับ จ.นครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดที่พรรคพลังประชารัฐกวาด ส.ส.ไปได้ถึง 4 ที่นั่ง จึงมีแนวความคิดจะขยายอาณาเขตอีกหรือไม่ 

            เพียงแต่ว่า มันมีปัจจัยอื่นๆ ที่พรรคพลังประชารัฐอาจจะไม่ทำเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน เพราะนายถาวรเองต่างจากนายเทพไท ไม่ได้ทำตัวมีปัญหา

            ดังนั้น อาจจะเหมือนกับที่นายจุรินทร์กล่าวไว้ว่า ดูเป็นกรณีๆ ไป.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"