เลือก"ปรับ 3 อ."..เพื่อหยุดอ้วน


เพิ่มเพื่อน    

            ปัญหาเรื่องความอ้วนยังคงเป็นปัญหาสุขภาพของคนไทยเป็นอันดับต้นๆ หลายคนพยายามหาวิธีลดน้ำหนัก ก็ยังไม่ลดหรือลงช้า แต่หากเรามี Passion มากพอ และ “ปรับ 3 อ. เพื่อหยุด อ.อ้วน” รวมถึงปรึกษาแพทย์ร่วมด้วย ก็อาจเป็นตัวช่วยที่ดีให้น้ำหนักลดได้อย่างที่หวัง ทั้งนี้จากการเปิดเผยของ นพ.ปราโมทย์ พัชรมณีปกรณ์ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวานไทรอยด์และต่อมไร้ท่อ ศูนย์เบาหวานไทรอยด์และต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลกรุงเทพ

            คุณหมอกล่าวว่า 5 อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ลดน้ำหนักไม่สำเร็จคือ 1.ขาดแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก หมอได้ยินบ่อยว่า “ไม่รู้ว่าจะลดน้ำหนักไปทำไม” เคยเป็นไหมเวลาเราทำอะไรยากๆ แล้วสำเร็จ เป็นเพราะเรามี Passion ยากแค่ไหนก็ทำได้ การลดน้ำหนักก็เช่นกัน ถ้าคุณมี Passion มากพอ รับรองว่าทำได้ ลองหาเหตุผลที่โดนใจสักข้อ เช่น ไม่อยากป่วยเป็นโรคจากความอ้วน อยากมีสุขภาพที่ดีขึ้น ต้อง #(ไม่) หมด Passion 2.เข้าใจผิดคิดว่ากินสิ่งนี้แล้วไม่อ้วน ผลไม้ที่คนส่วนใหญ่คิดว่ากินเยอะแล้วไม่อ้วน ความจริงคือผลไม้มีน้ำตาลซึ่งให้พลังงานสูง แต่ขึ้นอยู่กับว่ากินมากแค่ไหน

            3.ขี้เกียจออกกำลังกาย แม้จะคุมอาหารหรือกินน้อยแค่ไหน แต่ไม่ออกกำลังกายก็ทำให้การเผาผลาญไขมันได้น้อย การออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การคุมอาหาร ลองเริ่มต้นครั้งละสั้นๆ 10-15 นาที แล้วค่อยเพิ่มเวลาขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเป้าหมายที่วางไว้ หรือเลือกกิจกรรมที่เราชอบหรือเคยทำ เช่น ปั่นจักรยานอยู่กับที่แล้วเปิดดูซีรีส์ไปด้วยไม่นานก็ครบเวลาที่เราตั้งไว้แล้ว #แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย 4.เครียดมาก หาทางออกด้วยการกิน เพราะอารมณ์มีอิทธิพลต่อการกิน เช่น ทำงานใช้สมองเหนื่อยเครียดมาก ต้องการผ่อนคลายด้วยการกินบิงซู เค้กชิ้นโต หรือไอติมสัก 3-4 ลูก ซึ่งถ้าใช้การกินเป็นวิธีคลายเครียด แน่นอนเราจะกินมากกว่าปกติ

            5.ลดน้ำหนักแบบตึงเกินไปจนเครียด ท้อ เลิกทำ หลายคนลดน้ำหนักได้แล้วก็จริง แต่ทำได้ไม่นานก็เลิกทำ เพราะอะไร ก็เพราะทำแล้วไม่มีความสุข เครียดกว่าเดิม ทำงานหรือเรียนก็เครียดอยู่แล้ว ยังจะต้องมาเครียดกับการคุมอาหารอีก การลดน้ำหนักให้สำเร็จอย่างยั่งยืนไม่ใช่การลดอย่างรวดเร็ว 10 กิโลในเวลาเดือน 2 เดือน พอลดได้แล้วก็เลิกทำไป แต่สิ่งสำคัญคือความสุขในระหว่างที่ลดน้ำหนัก ถ้าบาลานซ์ได้ดีระหว่างความสุขจากกิน ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอกับน้ำหนักตัว เราจะประสบความสำเร็จในระยะยาว

            นพ.ปราโมทย์แนะนำว่า “ปรับ 3 อ.เพื่อหยุด อ.อ้วน” อ. อาหาร ปรับลดพลังงานในอาหารลงเพียง 500 กิโลแคลอรีต่อวัน ทำได้ครบ 7 วัน น้ำหนักลดลงครึ่งกิโลกรัม อ. ออกกำลังกาย ปรับการเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น ออกกำลังกายให้ได้ 150-300 นาทีต่อสัปดาห์ ถ้าจะให้ดีควรออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน (Resistance exercise) 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ อ. อารมณ์ ปรับอารมณ์ให้ไม่เครียด มีสติเวลากิน หลายครั้งการลดน้ำหนักเพียงลำพังไม่สำเร็จเพราะขาดตัวช่วย อาจเข้ารับคำปรึกษาจาก

            1) คุณหมอ (Endocrinologist) เพื่อหาสาเหตุของภาวะอ้วนที่อาจแฝงอยู่ เช่น โรคไทรอยด์ต่ำ โรคฮอร์โมนคอร์ติซอลสูง ฯลฯ ประเมินและรักษาภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคอ้วน หรืออาจพิจารณายาช่วยลดน้ำหนักที่รับรองโดย อย.อย่างถูกต้องถ้ามีข้อบ่งชี้ และใช้ยาอย่างปลอดภัย 2) นักกำหนดอาหาร (Dietitian) จะช่วยประเมินอาหารที่เรากินว่ามากเกินไปหรือไม่ และกำหนดชนิด ปริมาณอาหารอย่างเหมาะสม 3) นักวิทยาศาสตร์การกีฬา (Sport scientist) จะช่วยแนะนำการออกกำลังกายที่ถูกต้อง ทั้งชนิดการออกกำลังกาย ความหนักเบาที่เหมาะกับบุคคล 4) พยาบาลผู้ให้ความรู้ (Obesity Co-ordinator) เพื่อช่วยประเมินพฤติกรรมการกินอุปสรรคของการลดน้ำหนัก ร่วมกันตั้งเป้าหมายและให้กำลังใจในการลดน้ำหนักของเรา.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"