"วราวุธ" นั่งหัวโต๊ะประธานคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ไฟเขียวขึ้นบัญชี "นกชนหิน" เป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 หลังพบความสามารถในการขยายพันธุ์ต่ำ มีแนวโน้มสูญพันธุ์สูง แถมถูกล่าเอาโหนกไปขายผ่านออนไลน์ "มูลนิธิสืบนาคะเสถียร" ห่วงหลังเป็นสัตว์คุ้มครองจะเป็นแรงจูงใจนักสะสมผิด กม.
ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) วันที่ 8 มี.ค. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ครั้งที่ 1/2564 โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการฯ เข้าร่วมประชุม เพื่อพิจารณาการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองกฎหมายลำดับรองประกอบพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562, การกำหนดให้นกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 เพื่อช่วยยกระดับความคุ้มครองนกชนหินและถิ่นอาศัยให้สอดคล้องกับมาตรการนานาชาติ ให้สังคมเพิ่มความตระหนักในการอนุรักษ์มากขึ้น
มีรายงานว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้นกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 เนื่องจากการที่ประชากรนกชนหินในประเทศไทยมีขนาดเล็ก ประมาณไม่เกิน 100 ตัว ความสามารถในการขยายพันธุ์ต่ำ มีแนวโน้มสูญพันธุ์สูง เนื่องจากพื้นที่อาศัยถูกคุกคาม ทำลายแยกเป็นหย่อมป่าขาดความต่อเนื่อง และถูกล่าเพื่อเอาโหนก มีการค้าผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงพิจารณาการประกาศพื้นที่เตรียมกำหนดเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และพื้นที่เตรียมการกำหนดเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า จำนวน 24 แห่ง เนื้อที่รวมกว่า 619,681 ไร่ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าอนุรักษ์ของประเทศ
เพจมูลนิธิสืบนาคะเสถียรระบุว่า กว่า 26,000 รายชื่อที่เรียกร้องให้นกชนหินได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายและขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 ของไทย วันนี้ไม่สูญเปล่า คณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานที่ประชุม มีมติเห็นชอบให้นกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 หลังจากนี้คณะกรรมการสงวนฯ เตรียมยื่นกฤษฎีกากำหนดให้นกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวน ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ซึ่งอาจใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 1 ปี
นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร หนึ่งในคณะกรรมการสงวนฯ ระบุว่า หลังเสร็จสิ้นกระบวนการทางกฎหมาย นกชนหินจะถูกประกาศเป็นสัตว์ป่าสงวนอย่างแน่นอน ซึ่งทางมูลนิธิสืบฯ ร่วมกับมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก จะยังคงติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพราะคาดว่าหลังการประกาศราคาของหัวนกชนหินอาจมีราคาแพงขึ้น และจูงใจให้นักสะสมของผิดกฎหมายอยากมีไว้ในครอบครอง
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 โทษสำหรับสัตว์ป่าคุ้มครอง ล่า ค้า สัตว์ป่า/ซากสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าคุ้มครอง จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นสัตว์ป่าสงวน ล่า ค้า หรือนำเข้า-ส่งออก สัตว์ป่า/ซากสัตว์ป่าสงวน หรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าสงวน จะมีโทษรุนแรงกว่าสัตว์ป่าคุ้มครอง จำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 3 แสนถึง 1.5 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อมูลจากเว็บไซต์กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมเคยระบุไว้ว่า ช่วงปลายปี 2562 ที่ผ่านมา เกิดความตื่นตัวของสังคมในการผลักดันสถานะการอนุรักษ์นกชนหิน นกเงือก 1 ใน 13 ชนิดของไทยจากสถานะสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ขึ้นเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 โดยกระแสดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังการเปิดเผยข้อมูลจากปรีดา เทียนส่งรัศมี เจ้าหน้าที่โครงการศึกษานิเวศวิทยาของนกเงือก คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ระบุว่าเริ่มมีกลุ่มพรานเข้าป่าล่านกชนหินในเขตอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส จากแรงดึงดูดการตั้งค่าหัวนกชนิดนี้สูงถึงหลักหมื่น ก่อนจะส่งขายให้กลับกลุ่มนักสะสมที่มีความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลังทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
ต่อมามูลนิธิสืบนาคะเสถียรจึงได้สร้างแคมเปญรณรงค์ “ขอให้นกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 ของไทย” ผ่านเว็บไซต์ www.change.org เพื่อขอชื่อสนับสนุนจากประชาชนก่อนส่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำเรื่องนี้ไปพิจารณาผลักดันตามขั้นตอน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |