รัฐบาล เดินหน้า 'เอสเอ็มอี คนละครึ่ง' คาดเริ่มดำเนินการได้กลางปีนี้


เพิ่มเพื่อน    

8 มี.ค.64 - ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (บอร์ด สสว.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยภายหลังการประชุม นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เปิดเผยว่า ขณะนี้ สสว. ได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยจะดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีผ่านระบบผู้ให้บริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจ (Business Development Service : BDS) หรือการจ่ายคนละครึ่งภาคเอสเอ็มอี เพื่อสร้างทางเลือกให้กับเอสเอ็มอีในการพัฒนาธุรกิจของตนเองให้ตรงตามความต้องการมากขึ้น โดยสสว. จะให้การเงินสนับสนุนแบบร่วมจ่าย (co-payment) มีสัดส่วนตั้งแต่ร้อยละ 50-80

นายวีระพงศ์ กล่าวว่า สำหรับค่าใช้จ่ายที่สามารถขอรับการสนับสนุน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการอบรมพัฒนาความรู้ด้านธุรกิจ ค่าใช้จ่ายในการทดสอบและรับรองมาตรฐาน ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การทดลองผลิตระดับอุตสาหกรรมและการออกแบบ ค่าใช้จ่ายในการขยายโอกาสทางการตลาด ค่าใช้จ่ายในการรับถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา รวมทั้งค่าตอบแทน เช่น ค่าที่ปรึกษา ค่าผู้เชี่ยวชาญ ค่าวินิจฉัย เป็นต้น โดยคุณสมบัติของเอสเอ็มอีต้องเป็นธุรกิจที่มีการยื่นชำระภาษีและขึ้นทะเบียนสมาชิกกับ สสว.

“โครงการดังกล่าวเป็นการลดรายจ่ายให้กับเอสเอ็มอี ซึ่ง สสว. จะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งให้กับเอสเอ็มอี ซึ่งล่าสุดมีหน่วยงาน BDS เข้าร่วมกับ สสว. แล้วกว่า 100 หน่วยงาน และคาดว่าจะมีหน่วยงานต่างๆเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเพิ่มขึ้น ซึ่งหน่วยงานเหล่านั้น ต้องมีมาตรฐานและมีระดับราคาตามที่กำหนด เพื่อให้เอสเอ็มอีที่เข้ามาใช้บริการได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่และมีทางเลือกที่หลากหลาย ตรงกับความต้องการเบื้องต้นของผู้ประกอบการ และคาดว่าจะเปิดโครงการได้ประมาณกลางปีนี้” ผอ.สสว. ระบุ

นายวีระพงศ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ สสว. ยังดำเนินการเรื่องเชิญชวนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีลงทะเบียนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อเอื้อให้เอสเอ็มอีสามารถเข้าถึงตลาดการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปีได้ ซึ่งเป็นตลาดที่เปิดกว้างสำหรับเอสเอ็มอีทุกรายตั้งแต่บุคคลธรรมดา นิติบุคคลและวิสาหกิจชุมชน ตามที่กำหนด

"จากการที่รัฐบาลออกกฎกระทรวงที่กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างสินค้าหรือบริการของเอสเอ็มอีที่ขึ้นบัญชีไว้กับ สสว. ในวงเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่อยู่ในบัญชีรายชื่อดังกล่าว นับเป็นการเปิดโอกาสสำคัญให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ จึงอยากให้เชิญชวนผู้ประกอบการให้ขึ้นทะเบียนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งสามารถขึ้นทะเบียนได้ที่ www.thaisme.gp.com”

ผอ.สสว. กล่าวอีกว่า นโยบายของ สสว. ในปี 2564 คือ 1. เพิ่มผลิตภาพ และลดต้นทุน 2. เพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ในรูปแบบ Online และ Offline 3. เชื่อมโยงแหล่งเงินทุน ทั้งผ่านกองทุน สสว. และเครือข่ายหน่วยร่วมดำเนินการ โดยการส่งเสริมเอสเอ็มอีตามแผนการดำเนินงานของ สสว. ในปีงบประมาณ 2564 มีจุดประสงค์ได้แก่ 1.ส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ (Early Stage) เตรียมความพร้อมให้เยาวชน สร้างและพัฒนาวิสาหกิจ รวมถึงการพัฒนาสภาพแวดล้อมในการเริ่มต้นธุรกิจ 2.พัฒนาวิสาหกิจรายย่อยให้ประกอบธุรกิจอย่างมืออาชีพ พัฒนาวิสาหกิจสู่ความเป็นมืออาชีพ พัฒนาคุณภาพมาตรฐานสินค้าและบริการ พัฒนาเครือข่ายผู้ประกอบการ และขยายโอกาสทางการตลาด

3.พัฒนาวิสาหกิจขนาดย่อมให้ก้าวสู่ธุรกิจสมัยใหม่ พัฒนาวิสาหกิจสู่ความเป็นธุรกิจสมัยใหม่ ยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าและบริการ พัฒนาประสิทธิภาพ/ผลิตภาพ และเพิ่มขีดความสามารถทางการตลาด 4.พัฒนาปัจจัยแวดล้อมในการส่งเสริมเอสเอ็มอีให้เพียงพอและมีประสิทธิภาพมากขึ้น พัฒนาระบบการให้ข้อมูลและบริการความช่วยเหลือแก่เอสเอ็มอีพัฒนากลไกการส่งเสริม SME ปรับปรุงกฎหมายและการให้บริการของภาครัฐ และบริหารจัดการงานส่งเสริมเอสเอ็มอี

นายวีระพงศ์ กล่าวด้วยว่า การดำเนินงานในปี 2564 ของ สสว. คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 3,700 ล้านบาท โดยผ่านความร่วมมือของหน่วยร่วมดำเนินงานของ สสว. ซึ่งจะสามารถพัฒนา และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการได้ครบในทุกมิติ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"