วิพากษ์ความฝันของจีน (Chinese Dream)


เพิ่มเพื่อน    

ภาพ : พื้นที่แห่งหนึ่งใจกลางมณฑลหูเป่ย์

เครดิตภาพ : http://www.xinhuanet.com/english/2021-03/05/139784493_16149007197501n.jpg

 

          ปี 2014 รัฐบาลจีนประกาศ “ความฝันของจีน” (Chinese Dream) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping)  กล่าวว่า คือการฟื้นฟูชาติจีน ประเทศที่ชาวจีนอยู่ดีกินดีมีความสุข

                ความฝันของคนจีนคือความฝันของชาย-หญิงคนธรรมดาที่ต้องการความสุข อยู่ดีกินดี ปลอดภัย ได้รับความยุติธรรม รัฐบาลจีนสนับสนุนให้แต่ละคนมีความใฝ่ฝันของตัวเอง และรวมความฝันของทุกคนเข้าไว้ หวังสร้างโลกที่ทุกคนอยู่ร่วมกัน ไม่คิดเป็นเจ้าผู้ครองโลก (hegemony)

                บทความนี้วิพากษ์ 8 ปีหลังประกาศความฝันของจีนในหลายแง่มุม ดังนี้

ในมุมมองการพัฒนานานาชาติ :

            ความฝันของจีนคือความฝันของจีนสมัยใหม่ในยุคสี จิ้นผิง จีนที่กำลังก้าวขึ้นมาพร้อมกับความต้องการของประชากร 1,400 ล้าน ในยุคที่ไม่ใช้แนวสังคมนิยมดั้งเดิม แต่เปิดเสรีมากขึ้น ติดต่อค้าขายกับทั่วโลก หนุ่มสาวจีนไปศึกษาต่อต่างแดนหลายล้านคน รัฐบาลอธิบายว่าคือสังคมนิยมตามคุณลักษณะของจีน หรือสังคมนิยมจีนปัจจุบัน (แบบที่ต่างจากยุคเหมา เจ๋อตง)

                ในขณะเดียวกันแม้จะมุ่งสู่ความทันสมัย ค่อยๆ เปิดระบบเศรษฐกิจออก ประชาชนมุ่งแสวงหาความสุขสบายทางวัตถุ (ข้อนี้ไม่ต่างจากพวกตะวันตก) แต่ยังคงรักษาความเป็นจีนซึ่งตีความว่าคณะผู้ปกครองจะทำในสิ่งที่คิดว่าดีไม่อยู่ใต้อิทธิพลชาติใด ไม่ลอกเลียนลัทธิโดยไม่ลืมหูลืมตาแม้กระทั่งสังคมนิยม

                ความต้องการพัฒนาของจีนส่งผลทั่วโลก สํานักงานสถิติยุโรป (Eurostat) รายงานจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของอียู รอบ 10 เดือนของปี 2020 มูลค่าขายค้ารวม 582,800 ล้านดอลลาร์ อันที่จริงสหรัฐ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อาเซียนต่างมีจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่เหมือนกัน จีนมีความร่วมมือทางการค้ากับนานาชาติ BRI ที่เชื่อมต่อเอเชียกับยุโรปแอฟริกา

                ปฏิเสธไม่ได้ว่าจีนที่เติบใหญ่ส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าโลก ลองตรวจสอบว่าสินค้าบริการที่ตนใช้เป็นของจีนมากน้อยเพียงไร

พวกที่มองความฝันจีนเป็นมหันตภัย :

            การก้าวขึ้นมาของจีนสะเทือนความเป็นอภิมหาอำนาจของสหรัฐ ระบบโลกเป็นพหุภาคีมากขึ้น พร้อมกับที่รัฐบาลสหรัฐกับจีนเป็นคู่ขัดแย้ง สหรัฐไม่อาจปล่อยให้จีนก้าวขึ้นมาเพราะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาลที่สหรัฐเก็บเกี่ยวได้จากระบบโลกที่ตนมีอำนาจอิทธิพลสูงสุด

                แม้จีนประกาศว่าใช้หลักต่างได้ประโยชน์ (win-win) แต่ในโลกแห่งความจริงหลายอย่างไม่สามารถเป็นเช่นนั้น เช่น ถ้าโครงการเลือกลงทุนกับจีน นักลงทุนสหรัฐย่อมเสียลูกค้ารายนี้ไป

                แม้ความฝันของจีน ของอเมริกา ยุโรปต่างมุ่งเป้าเพื่อความผาสุกของประชาชน ความฝันของประเทศเหล่านี้มีจุดกันขัดแย้งกัน ราวกับคำว่า “เพื่อความผาสุกของประชาชน”  เป็นรากฐานความขัดแย้ง ไม่ว่าจีนตั้งใจจะก้าวขึ้นมาอย่างสันติหรือไม่ เกิดคำถามว่าความฝันของจีนที่จะก้าวขึ้นมาอย่างสันติเป็นไปได้แค่ไหน สามารถคาดการณ์สถานการณ์โลกในอนาคต

                แม้จีนยืนกรานเรื่อยมาว่าเป็นชาติรักสันติ ขอก้าวขึ้นมาอย่างสันติ แต่นักทฤษฎีสัจนิยมตะวันตกจะมองว่าจีนคือมหันตภัยที่กำลังครอบงำโลก หวนสู่จีนที่เคยเป็นเจ้าเป็นมหาอาณาจักรดังเช่นอดีต ตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา รัฐบาลสหรัฐดำเนินยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีน (แม้หลายครั้งจะไม่ยอมรับ) แต่นับจากวันนั้นจนวันนี้ (3 ทศวรรษ)  เห็นได้ชัดว่าการปิดล้อมไม่ได้ผล จีนเติบใหญ่ อิทธิพลการทูตจีนแผ่กว้าง กองทัพสำแดงแสนยานุภาพไม่ใช่กองทัพที่เน้นจำนวนทหารอีกต่อไป เป็นอีกภาพของความฝันจีนที่สำแดงเป็นรูปธรรม

                ประธานาธิบดีทรัมป์ (ในขณะดำรงตำแหน่ง) และไมค์ ปอมเปโอ (Mike Pompeo) รมต.ต่างประเทศมักเอ่ยรัฐบาลจีนด้วยคำว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จีน” (Chinese Communist Party) เพื่อโจมตีชนชั้นปกครองจีน ปอมเปโอกล่าวว่า ตั้งแต่ปี 1949 จีนถูกปกครองโดย “ระบอบอำนาจนิยมที่โหดร้าย” อุดมการณ์ทางการเมืองของจีนเป็นปรปักษ์ต่อประเทศเสรี จีนกำลังเปลี่ยนแปลงระบบโลกทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรมการเมือง “ถ้าโลกเสรีไม่เปลี่ยนคอมมิวนิสต์จีน คอมมิวนิสต์จีนจะเปลี่ยนเรา”

                ตีความได้ว่าสุดท้ายจะเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น ถ้าไม่ใช่โลกเสรีก็คือคอมมิวนิสต์จีน 2 มหาอำนาจจะอยู่ด้วยกันอย่างสันติตามความฝันของจีนไม่ได้

                การจงเกลียดจงชังลงสู่ระดับประชาชน

                ไม่เฉพาะรัฐบาลที่มองจีนเป็นปรปักษ์เท่านั้น ทัศนคติมองจีนแง่ลบไหลสู่คนอเมริกันอย่างรวดเร็วในสมัยทรัมป์ ผลโพล Pew Research Center รายงานต้นเดือนมีนาคม (2021) พบว่าคนอเมริกัน 89% มองจีนเป็นคู่แข่งขันหรือเป็นศัตรู (competitor or enemy) 48% เห็นว่าการจำกัดอำนาจอิทธิพลจีนเป็นวาระสำคัญที่สุด (ผลสำรวจปี 2018 ตัวเลขนี้อยู่ที่ 32%)

            มองจีนแง่ลบตั้งแต่เรื่องสิทธิมนุษยชน ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจ ผู้ปกครองจีน พรรคคอมมิวนิสต์ จีนที่กำลังบดบังรัศมีสหรัฐ ฯลฯ เฉพาะเรื่องเศรษฐกิจคนอเมริกัน 64% บอกว่าความสัมพันธ์ทวิภาคีเรื่องเศรษฐกิจเลวร้ายมาก  (“somewhat or very bad”)

                การที่ชนชาติหนึ่งถืออีกชนชาติเป็นศัตรูไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่หากเรียกตัวเองเป็นชาติประชาธิปไตยแล้วพลเมืองตนเองไปกลั่นแกล้งรังแก (bully) คนชนชาติศัตรูที่อยู่ในประเทศตัวเอง เช่นนี้จะไปชี้จีนละเมิดสิทธิมนุษยชนจะฟังดูแปลก เพราะคนอเมริกันละเมิดสิทธิมนุษยชนคนเชื้อสายจีนที่อยู่ในประเทศตน ซ้ำร้ายรวมคนชาติเอเชียอื่นๆ อาจเพราะแยกไม่ออกว่าเป็นจีนหรือไม่ จนทางการฟิลิปปินส์ร้องเรียนกระทรวงต่างประเทศสหรัฐหลังยอดคนเอเชียถูกคนอเมริกันทำร้ายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

                อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลสหรัฐจะพยายามสกัดกั้นจีน แต่ไม่ได้หมายความว่าจำต้องเกิดเหตุรุนแรงชนิดสงครามล้างโลก เพราะต้องระวังไม่ให้กระทบผลประโยชน์ของตน ไม่มีเหตุผลที่ต้องพินาศด้วยกัน

                นี่คือการวิเคราะห์โลกตามข้อเท็จจริงเป็นเหตุเป็นผล

                ณ วันนี้หรืออีกไม่กี่ปีข้างหน้าประชาชนส่วนใหญ่ทั้งจีน อเมริกัน ยุโรป จะมีลักษณะหนึ่งตรงกันคือเป็นคนที่ใกล้ชิดกับโลกดิจิทัล ล้วนอยู่ในสังคมดิจิทัล ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเศรษฐกิจหรืออื่นใด พวกเขาที่เชื้อชาติต่างกันจะใกล้ชิดกันในโลกออนไลน์ยิ่งกว่าเดิม รู้จักกัน เรียนรู้จากกันและเปรียบเทียบ

วิพากษ์ในกรอบกว้าง :

            ความฝันของจีนคือส่วนหนึ่งของโลก บริบทแวดล้อมมีผลต่อจีนแน่นอน

                การเอ่ยเรื่องความฝันเหมือนกับการมองโลกสวยงามซึ่งเป็นเรื่องดี แต่ควรพิจารณาโลกตามที่เป็นจริงด้วย เฉพาะยุคโควิด-19 ในขณะนี้ชี้ให้เห็นอีกภาพ ข้อมูลล่าสุดจาก Feeding America ชี้ว่าคนอเมริกัน 46.5 ล้านคนต้องขอรับส่วนแบ่งอาหารฟรี (จากประชากร 331 ล้านคน) หนี้สาธารณะที่พุ่งทะยานสูงสุดในประวัติศาสตร์และยังจะสูงกว่านี้อีก รายงานหลายชิ้นระบุว่าธนาคารพาณิชย์ บริษัทองค์กรหลายแห่งของจีนซ่อนหนี้เสียไว้มากมาย ปีที่แล้วกับปีนี้รัฐบาลจีนใช้งบประมาณขาดดุล เศรษฐกิจที่โตปีที่แล้วกับปีนี้ส่วนหนึ่งมาจากการอัดฉีด ทุ่มงบประมาณพัฒนาประเทศ

                ประเด็นที่ต้องติดตามคือคนที่ตกงานจากพิษโควิด-19 สามารถกลับไปทำงานตามปกติเต็มจำนวนหรือไม่ หรือจะกลายเป็นปัญหาคนว่างงานเรื้อรัง หนี้สาธารณะหนี้ครัวเรือนจะเป็นอีกปัญหาที่รอวันปะทุหรือต้องเยียวยาอีกนานเพียงไร  กำลังซื้อของประชาชนจะสูงหรือต่ำ ตัวเลขเหล่านี้จะบ่งบอกสภาพความเป็นไปของอนาคต เป็น “ของจริง” ที่ไม่ใช่ความฝัน

                แม้ข้อมูลจาก Oxfam ชี้ว่ายุคโควิด-19 จะกระทบหลายสิบล้านคนถึง 10 ปี องค์การสหประชาชาติเผยยังมีปัญหาที่ใหญ่กว่าคือการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศโลก (พูดให้ชัดๆ ถ้าคิดว่าโรคระบาดโควิด-19 เป็นปัญหาใหญ่ ภาวะโลกร้อนจะเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า รุนแรงกว่า ยืดเยื้อกว่า แก้ยากกว่า)

                การนำเสนอเช่นนี้ไม่ต้องให้ตระหนกแต่ให้ตระหนัก ใช้ชีวิตด้วยมีความฝันกับความจริงไปพร้อมกัน

                ดังนั้น เมื่อพิจารณาความจริงดูเหมือนว่าความฝันมีอุปสรรคไม่น้อย ความจริงไม่ได้สวยงามอย่างความฝัน แต่หากนานาชาติปรับมุมมองเห็นว่าโควิด-19 ภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาร่วมกัน เช่นนี้โอกาสที่จะสร้างโลกที่น่าอยู่ร่วมกันย่อมสูงกว่า ความฝันของจีนจะงดงามขึ้นแน่นอน เพราะความฝันของจีนคือส่วนหนึ่งของความจริงบนโลกใบนี้ และในทางกลับกันความจริงบนโลกใบนี้สัมพันธ์กับความฝันของจีน.

 

---------------------------

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"