โรงพยาบาลธนบุรีทุ่มงบ 800 ล้านสร้างตึกใหม่รองรับผู้ป่วยเพิ่ม


เพิ่มเพื่อน    

โรงพยาบาลธนบุรี ทุ่มงบขยายอาคารใหม่ รองรับผู้ป่วยขยายตัวเพิ่ม เล็งใช้เทคโนโลยีเข้ามายกระดับบริการ ชี้ภาพรวมตลาดยังเติบโตต่อเนื่อง หลังพบปัจจัยหนุนเพียบ

นพ.สุทธิชัย โชคกิจชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธนบุรี เปิดเผยกับ “ไทยโพสต์” ว่า ยังคงลงทุนเพื่อยกระดับการรักษาคนไข้อย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นเตรียมงบประมาณไว้กว่า 800 ล้านบาท ในการก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ เพื่อรองรับผู้ป่วยนอกให้มากขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,600 คนต่อวัน นับว่าสูงมาก จึงต้องขยายพื้นที่ใหม่เพิ่ม คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงปลายปี 2563 ส่งผลให้รองรับเพิ่มเป็น 2,000 คนต่อวัน  หลังจากนั้นจะลงทุนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ  สำหรับผู้ป่วยในช่วงปี 2564

ขณะเดียวกันยังมองเห็นแนวโน้มของการใช้เทคโนโลยีทางด้านเทเลเมดิซีน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริการผู้ป่วย โดยจะมีแพทย์เป็นที่ปรึกษากับผู้ป่วย ซึ่งไม่ต้องเดินทางมายังโรงพยาบาล หรือหลังจากได้รับการเข้าตรวจและรักษาเพื่อติดตามผล ก็สามาถใช้เทเลเมดิซีนเข้ามาช่วยได้ ในส่วนนี้น่าจะใช้เงินลงทุนหลัก 100 ล้านบาท

นพ.สุทธิชัย กล่าวว่า นอกเหนือจากกลุ่มตลาดคนไทยแล้ว ในช่วงที่ผ่านมายังขยายไปยังกลุ่มต่างประเทศด้วย ขณะนี้คิดเป็นสัดส่วน 2% แม้ยังไม่สูงมาก แต่ยังมีโอกาสอยู่ โดยเฉพาะทางแถบเพื่อนบ้านที่โรงพยาบาลธนบุรีค่อนข้างมีผลตอบรับดี ผ่านกลยุทธ์ปากต่อปาก หลังจากผู้ป่วยจากประเทศกัมพูชาเข้ามาใช้บริการแล้วเกิดการบอกต่อ กลุ่มผู้ป่วยต่างต่างชาติน่าจะมีโอกาสเติบโตได้ดีกว่า หรือปี 2561 คาดว่าจะโตขึ้น 10-20%

สำหรับการเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของกลุ่มชนชั้นกลางที่มีอำนาจซื้อสูง การเติบโตทางเศรษฐกิจ และรายได้ของประชากรโดยเฉพาะในกลุ่มชนชั้นกลาง ที่จะหนุนความต้องการใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาอัตราการใช้จ่าย ด้านการรักษาพยาบาลต่อจีดีพีของคนไทยยังอยู่ในระดับไม่สูงมากนัก เมื่อผนวกกับชนชั้นกลางในกลุ่มอาเซียน สะท้อนโอกาสในการเติบโตของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนของไทยยังมีอยู่อีกมาก โดยการขยายตัวของชุมชนเมือง องค์กรสหประชาชาติ คาดว่าระดับความเป็นเมืองของไทยจะเพิ่มขึ้นจาก 50.4% ปี 2558 เป็น 60.4% ในปี 2568 เพิ่มโอกาสในการขยายการให้บริการทางการแพทย์ไปสู่พื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้นในอนาคตเมื่อเทียบกับความต้องการใช้บริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ค่อนข้างอิ่มตัว

อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จะหนุนความต้องการใช้บริการทางการแพทย์ที่ทันสมัยและเทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดย สศช.คาดว่า จำนวนผู้สูงอายุหรือผู้มีอายนุมากกว่า 60 ปี จะเพิ่มขึ้นจาก 9.1 ล้านคนในปัจจุบันเป็น 10.3 ล้านคนในปี 2562 ขณะที่ทางการประเมินว่าค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นจาก 6.3 หมื่นล้านบาทในปี 2553(2.1% ของ GDP) เป็น 22.8 หมื่นล้านบาท(2.8% ของ GDP) ในปี 2565(จากแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560-2564)


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"