เจ้าหน้าที่อินเดียและสื่อเปิดเผยว่า ชาวเมียนมากำลังหลบหนีความไม่สงบในประเทศข้ามชายแดนเข้าอินเดียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงตำรวจหลายนายที่ปฏิเสธปฏิบัติตามคำสั่งใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วง

ผู้ประท้วงชุมนุมในกรุงนิวเดลีเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2564 ชูป้ายเรียกร้องนายกฯ นเรนทรา โมดี ของอินเดีย ช่วยเหลือชาวเมียนมาที่ต่อต้านรัฐประหาร (Photo by Sonu Mehta/Hindustan Times via Getty Images)

    รายงานข่าวจากทางฝั่งอินเดียมีออกมาในช่วงยามที่กองกำลังฝ่ายความมั่นคงเมียนมาใช้กำลังร้ายแรงในการปราบปรามและสลายการชุมนุมประท้วงมากขึ้นในหลายเมือง โดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติระบุเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มีผู้ประท้วงเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 55 คน นับแต่ทหารก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
    
    เฉพาะวันพุธวันเดียว ยูเอ็นกล่าวว่ามีผู้ประท้วงโดนยิงด้วยกระสุนจริงเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 38 คน ซึ่งนับเป็นวันอันนองเลือดที่สุดในการประท้วงต่อต้านรัฐประหารเมียนมา

    เอเอฟพีอ้างคำกล่าวของตำรวจอินเดียเมื่อวันศุกร์ว่า ในวันเดียวกันนั้นเอง มีชาวเมียนมา 9 คนหนีข้ามชายแดนที่มีพรมแดนติดกันเป็นระยะทาง 1,600 กิโลเมตร เข้ามายังรัฐมิโซรัมของอินเดีย ในจำนวนนี้ 3 คนเป็นตำรวจที่ปฏิเสธเข้าร่วมปฏิบัติการปราบปรามผู้ประท้วง

    ด้านกระทรวงการต่างประเทศของอินเดียบอกกับนักข่าวในวันศุกร์ว่าพวกเขากำลังสอบสวนข้อเท็จจริง

    หนังสือพิมพ์ฮินดูเดลีกล่าวว่า นับแต่วันพุธมีชาวเมียนมาข้ามแดนเข้าอินเดียแล้วอย่างน้อย 20 คน แต่ชาวบ้านกล่าวกันว่ามีคนข้ามชายแดนมาอย่างน้อย 50 คนแล้วในเขตจัมไผและเสรชหิป ขณะเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าได้ส่งข้อมูลเอกลักษณ์บุคคลและเหตุผลที่คนเหล่านั้นหนีออกจากเมียนมาต่อไปยังกระทรวงมหาดไทยของรัฐมิโซรัมแล้ว

    ฮินดูสถานไทมส์อ้างคำกล่าวเจ้าหน้าที่ในรัฐนี้ว่า ทางการแจ้งชาวให้รีบรายงานเจ้าหน้าที่ทันทีหากพบชาวเมียนมาข้ามชายแดนเพิ่มอีก

    โซรัมธังงะ มุขมนตรีรัฐมิโซรัมกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า รัฐนี้ยินดีอ้าแขนต้อนรับผู้ที่หลบหนีทหารเมียนมาพร้อมกับให้อาหารและที่พักพิง อีกทั้งยังได้ติดต่อไปยังรัฐบาลกลางเพื่อขออนุญาตในกรณีที่มีผู้ลี้ภัยหลั่งไหลเข้ามา.