แพทย์ตำรวจยัน "แอมมี่" อาการดีขึ้น ขอส่งตัวกลับไปเรือนจำ "แม่" ยื่น 5 แสนประกันรอบสอง "ศาล" ยกคำร้องปล่อยตัว จนท.ราชทัณฑ์คุมตัวเข้าเรือนจำพิเศษธนบุรี "แฟนสาว" ไหวตัวหนี ตร.จากสนามบินหลังซื้อตั๋วจะไปญี่ปุ่น "แม่เพนกวิน” หอบเงินล้านประกันลูก ศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นยกคำร้อง แก๊ง 3 นิ้วนอนซังเตต่อ "ม็อบ 6 มี.ค." วุ่น! "แดงก้าวหน้า-กลุ่มการ์ด" แยกชุมนุมหลายจุด
ที่โรงพยาบาลตำรวจ วันที่ 4 มี.ค. พ.ต.ต.หัสนัย เฟื่องสังข์ สว.สอบสวน สน.ประชาชื่น พร้อมทีมพนักงานสอบสวน เดินทางมาสอบสวนและตรวจสอบอาการป่วยของนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ นักร้องและแกนนำกลุ่มราษฎร ผู้ต้องหาคดีวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังเจ้าหน้าที่คุมตัวไว้ที่โรงพยาบาลตำรวจระหว่างการรักษาอาการบาดเจ็บ
พ.ต.ต.หัสนัยกล่าวหลังสอบปากคำว่า ตำรวจยังมีประเด็นอื่นๆที่ต้องสอบสวนนายไชยอมรเพิ่มเติม หลังจากเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ได้สอบสวนไปหลายประเด็นแล้ว เบื้องต้นผู้ต้องหาให้ความร่วมมือดี แต่ยังมีอาการวิตกกังวลอยู่บ้าง ส่วนการเคลื่อนไหวสามารถขยับตัวได้แล้ว เพราะอาการบาดเจ็บไม่สาหัส ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการสอบถามความเห็นของแพทย์ว่าสามารถนำตัวออกจากโรงพยาบาลได้หรือไม่ ถ้าแพทย์ระบุสามารถเคลื่อนออกจากโรงพยาบาลได้ ก็จะควบคุมตัวออกไป ส่วนจะไปคุมตัวต่อสถานที่ไหนต้องรอการพิจารณาของศาลว่าจะมีการควบคุมตัวต่อในที่ใด
"ขั้นตอนการขอประกันตัว คงต้องขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล แต่ในชั้นพนักงานสอบสวนจะมีการคัดค้านการประกันตัวเช่นเดิม" สว.สอบสวน สน.ประชาชื่นกล่าว
จากนั้น นางอรวรรณ แก้ววิบูลย์พันธุ์ แม่ของแอมมี่ ได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้แอมมี่เกิดอาการบาดเจ็บจากแผลผ่าตัดช่องท้องครั้งก่อน จึงต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ ในส่วนขั้นตอนของการขอยื่นประกันตัว อยู่ระหว่างปรึกษากับทางทนายความที่กำลังดำเนินการอยู่
ถามถึงข่าวตำรวจควบคุมตัวหญิงสาวรายหนึ่งที่ถูกระบุเป็นแฟนของแอมมี่ นางอรวรรณปฏิเสธที่จะให้ความเห็น บอกเพียงว่า ลูกชายยังไม่ได้มีแฟนใหม่หลังจากที่มีการเลิกรากับภรรยาเก่าไป ส่วนตัวอยากให้ลูกพักรักษาตัวภายใต้การดูแลของโรงพยาบาลตำรวจในช่วงการฝากขังของพนักงานสอบสวน
มีรายงานข่าวว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำแอมมี่เพิ่มเติมในประเด็นที่แอมมี่ได้โพสต์ข้อความลงบนโซเชียลมีเดียส่วนตัวในทำนองให้การรับสารภาพว่าเหตุการณ์วางเพลิงเผาทรัพย์ ตนเองเป็นผู้ลงมือแต่เพียงผู้เดียว แต่ไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีรถควบคุมผู้ต้องขังจากเรือนจำพิเศษธนบุรีมาจอดเทียบทางขึ้นโรงพยาบาลตำรวจ และมีเจ้าหน้าที่จากเรือนจำจำนวน 4 นาย เดินขึ้นไปยังอาคารโรงพยาบาลด้วย
น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงการยื่นประกันตัวนายไชยอมรอีกครั้ง ว่าต้องรอการสอบสวนของแอมมี่เสร็จ เพราะตำรวจจะมีการคอนเฟอเรนซ์กับศาลเพื่อขอส่งตัวแอมมี่ไปเรือนจำ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้เป็นขั้นตอนการฝากขัง ตามปกติถ้าฝากขังโดยศาลจะเป็นอำนาจของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่จะดูแลต่อ แต่เมื่อวานแอมมี่อยู่ในความควบคุมของโรงพยาบาลตำรวจ จึงมีปัญหาเรื่องเอกสาร ประกอบกับแอมมี่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ จึงยังไม่ส่งตัว
"อาการแอมมี่ตอนนี้ดีขึ้นเล็กน้อย ยังมีอาการปวดท้อง ส่วนสภาพจิตใจยังเข้มแข็งอยู่ ซึ่งครอบครัวยังอยากให้แอมมี่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เพราะยังมีอาการบาดเจ็บทั้งที่ตาและที่ช่องท้อง" ทนายความระบุ
ไม่ได้ประกัน'แอมมี่'นอนคุก
จากนั้นมีรายงานว่า ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอส่งตัวผู้ต้องหาคืนผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยเสนอความเห็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลตำรวจ ผู้ทำการตรวจรักษาผู้ต้องหาได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนไปรับตัวผู้ต้องหาออกจากโรงพยาบาลตำรวจ ระบุผู้ต้องหามีอาการดีขึ้น จึงไม่ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีกต่อไป
โดยศาลได้พิจารณายกคำร้องปล่อยตัวชั่วคราวนายไชยอมร หลังจากมารดาได้ยื่นประกันตัวครั้งที่ 2 ด้วยหลักทรัพย์ 500,000 บาท โดยศาลระบุว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหา 11 วัน และให้ส่งตัวไปยังเรือนจำพิเศษธนบุรี หลังจากนั้นให้ประสานแพทย์เฉพาะทางด้านสายตา เพื่อนำตัวผู้ต้องหาไปรักษาต่อไปตามขอ และกำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดการสอบสวนให้เสร็จโดยเร็ว
กระทั่งเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายไชยอมรนั่งรถเข็นออกด้านหลังอาคารเฉลิมพระเกียรติที่เชื่อมต่อกับอาคารกาญจนาภิเษก โรงพยาบาลตำรวจ หลบผู้สื่อข่าวขึ้นรถตู้ไปทันที เพื่อนำตัวเดินทางไปที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ซึ่งก่อนขึ้นรถแอมมี่ได้ชู 3 นิ้วด้วย
ในส่วนกรณีมีข่าวระบุเมื่อเวลา 23.10 น. วันที่ 3 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวหญิงสาวรายหนึ่งภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ระหว่างรอขึ้นเครื่องเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น โดยคาดว่าเป็น น.ส.ญาณิศา หรือลูกไม้ เพื่อนสาวคนสนิทของแอมมี่ เพื่อเชิญไปสอบถามเรื่องคดีวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์นั้น
พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ออกหมายจับผู้ใดเพิ่มเติม ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนของพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และระบุถึงตัวบุคคลที่ร่วมก่อเหตุทั้งหมดให้ชัดเจน ซึ่งต้องตรวจสอบร่วมกับพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุอีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าจะใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง
มีรายงานข่าวจาก สตม.ระบุว่า เมื่อช่วงดึกของวันที่ 3 มี.ค. หญิงสาวคนดังกล่าวเดินทางไปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ติดต่อที่เคาน์เตอร์สายการบินหนึ่งเพื่อจะซื้อตั๋วเข้าเช็กอินเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ก่อนจะเดินทางไปประเทศที่ 3 ระหว่างนั้นเองระบบ APPS ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่เชื่อมต่อกับสายการบิน แจ้งเตือนว่าเป็นบุคคลเฝ้าระวัง ทำให้การซื้อตั๋วมีปัญหา สายการบินจึงขอให้หญิงรายนี้รอก่อนเพื่อตรวจสอบข้อมูล และแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระหว่างนั้นเองหญิงคนดังกล่าวเอะใจ รีบหนีไปทันที โดยทิ้งสัมภาระและเอกสารไว้ส่วนหนึ่ง เมื่อตำรวจ ตม.ไปถึงหญิงคนดังกล่าวหายไปแล้ว ซึ่งทางการท่าอากาศยานและตำรวจนครบาลตรวจสอบต่อไป ทั้งนี้เบื้องต้นยังไม่มีหมายจับ เพียงแต่อยู่ในกลุ่มเฝ้าระวังเท่านั้น
ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม กล่าวภายหลังเดินทางพร้อมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ตรวจตราการรักษาความปลอดภัยบริเวณรอบเรือนจำกลางคลองเปรม หลังเกิดเหตุวางเพลิงหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่านอกจากลงตรวจสอบที่เรือนจำกลางคลองปรมแล้ว วันนี้ยังได้ไปตรวจตราเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อดูความเรียบร้อยและความเป็นอยู่ของผู้ต้องขังทางการเมือง
"ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่าความเป็นอยู่ของผู้ต้องขังแต่ละคนปกติ สุขภาพและความเป็นอยู่ดี ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด" เลขาฯ รมว.ยุติธรรมกล่าว
ด้านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย(พท.) ระบุถึงการพิจารณาให้ความช่วยเหลือนายไชยอมรว่า อยากเตือนด้วยความหวังดีกับพรรค พท. ไม่ควรที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือยื่นมือเข้าไปให้ความช่วยเหลือ เพราะแม้จะเป็นนักเคลื่อนไหว แต่ก็ถือว่าเป็นผู้ที่ได้กระทำผิดกฎหมาย นอกจากนี้ นายไชยอมรก็ได้ออกมายอมรับเองแล้วว่าเป็นผู้กระทำความผิดจริง ดังนั้นก่อนที่พรรค พท.จะเข้าไปช่วยเหลือใคร ก็ขอให้พิจารณาไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน
ปิ๋วอีกรอบ'เพนกวิน'นอนซังเต
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา นางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน เดินทางมายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายพริษฐ์ ที่ไม่ได้รับการประกันตัวคดีชุมนุม 19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร และคดีชุมนุมม็อบเฟสต์
นางสุรีรัตน์กล่าวว่า เตรียมหลักทรัพย์จำนวน 1 ล้านบาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ ที่ก่อตั้งโดยนายอานนท์ นำภา มาขอยื่นคำร้องต่อศาลในการขอประกันตัว ซึ่งแบ่งเป็น 2 คดี คดีละ 500,000 บาท การใช้ตนเองเป็นนายประกัน เชื่อว่าแม่จะเป็นหลักทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของเพนกวิน และเชื่อว่าศาลจะเมตตา เพราะช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบของเพนกวิน ซึ่งได้เตรียมเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน เป็นเสื้อที่เพื่อนๆ ทำให้ ที่ผ่านมาได้เจอเพนกวินเพียงแค่มองผ่านห้องกระจกเท่านั้น ไม่ได้พูดคุย แต่ก็เชื่อว่ายังมีกำลังใจที่ดี ส่วนแกนนำคนอื่นที่อยู่ในเรือนจำ ทางทนายก็มาขอยื่นประกันตัวเช่นกัน
ต่อมา ศาลมีคำสั่งว่า คดีนี้ผู้ร้องเคยยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวและศาลนี้ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ร้องอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าเกรงว่าจำเลยจะไปก่อเหตุร้ายอีก หลังจากนั้นผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว และอุทธรณ์คำสั่งขอปล่อยชั่วคราวอีกหลายครั้ง ศาลนี้เห็นว่าการที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวและได้ให้เหตุผลไว้แล้ว ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ย่อมเป็นการยุติว่าคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวของศาลชั้นต้นนั้นถูกต้องแล้ว แม้กฎหมายจะอนุญาตให้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ได้ แต่การยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวใหม่ ซึ่งจะมีผลให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งได้นั้น ต้องปรากฏว่าเป็นกรณีที่มีพฤติการณ์แห่งคดีได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าในเหตุลักษณะคดี เช่น มีการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วปรากฏพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108 อนุสอง หรือมีพฤติการณ์เกี่ยวกับจำเลยอันแสดงว่าจำเลยนั้นจะไม่หลบหนี หรือไม่สามารถไปก่อเหตุร้ายอื่นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น หากไม่มีข้อเท็จจริงในทางคดีที่เปลี่ยนแปลงไป ย่อมไม่มีเหตุที่ศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นอย่างอื่น ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมที่ศาลสั่งไว้โดยชอบแล้ว ยกคำร้อง
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า วันนี้นอกจากมารดาของนายพริษฐ์ที่ยื่นประกันตัวแล้ว ทีมทนายยังได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์ขอปล่อยชั่วคราวแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรคนอื่นที่ยังอยู่ในเรือนจำ ซึ่งต่อมาศาลก็มีคำสั่งในทำนองเดียวกันกับของนายพริษฐ์ ให้ยกคำร้องเช่นกัน
ด้านเพจเฟซบุ๊ก "ทีมการ์ดราษฎร" โพสต์ข้อความนัดหมายการชุมนุมในวันเสาร์ที่ 6 มี.ค.2564 ระบุว่า เพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน 6 มี.ค.2564 ออกมาสู้พร้อมกัน ปลุกไฟในตัวคุณแล้วลุกขึ้นสู้ไปด้วยกัน อย่าเพิกเฉยต่อการกระทำของรัฐบาล อย่ามองว่าความรุนแรงในม็อบเป็นเรื่องปกติ แล้วกลับมาสู้ด้วยกันอีกครั้ง โดยนัดเจอกันที่ 5 แยกลาดพร้าว ไปศาลอาญา ประเทศไทยต้องการอนาคต และอนาคตของประเทศนี้คือพวกคุณ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบไปยังเฟซบุ๊กการ์ดกลุ่มต่างๆ ที่เป็นแนวร่วมม็อบราษฎร อย่างเช่น การ์ดวีโว่, การ์ดปลดแอก และการ์ดกลุ่มฟันเฟืองประชาธิปไตย ไม่มีความเคลื่อนไหวในการนัดหมายชุมนุมในวันดังกล่าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เพจเฟซบุ๊ก "อาชีวะไม่เอาเผด็จการ" โพสต์ข้อความประกาศนัดชุมนุมในวันเสาร์ที่ 6 มี.ค.นี้ เวลา 17.00 น. ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีข้อเรียกร้องเพียง 2 ข้อคือ 1.รัฐบาลและองคาพยพต้องลาออก และ 2.แก้รัฐธรรมนูญคืนอำนาจให้ประชาชน โดยไม่มีข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันเหมือนม็อบราษฎร
เพจเฟซบุ๊ก "ปล่อยเพื่อนเรา" โพสต์ข้อความว่า เรามาอย่างสันติ แต่เราจะสู้อย่างหมาจนตรอกเมื่อเกิดภัยคุกคาม วันที่ 6 มี.ค.ขอเชิญพี่น้องคนเสื้อแดงหรือคณะราษฎรทุกหมู่เหล่า ร่วมเดินขบวนแรลลี่ขับไล่เผด็จการ จุดรวมพลโลตัสรังสิต ไปกรมทหารราบ 11 เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. กล่าวถึงการจัดชุมนุมวันที่ 6 มี.ค.ว่า ขอแจ้งให้ประชาชนที่จะมาเข้าร่วมการชุมนุมในวันและเวลาดังกล่าวทราบว่า ท่านอาจมีความผิด และได้รับโทษตามกฎหมายหลายข้อกล่าวหา.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |