เหยื่อแชร์รวมตัวแจ้งจับเท้าแชร์ “บ้านออมเงิน Milk Milk” หลอกลงทุนผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก สูญเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท พบเจ้าของบ้านเป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยดังใน จ.พิษณุโลก ขณะที่เหยื่อหลายรายสูญเงินเกือบล้านบาท ตร.รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียกเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

    เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 มีนาคม ที่ตำรวจภูธรภาค 6 อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก มีผู้เสียหายหลายรายประมาณ 30 คน ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ ผบก.สส.ภ.6 เพื่อแจ้งความและเร่งรัดคดีกรณีถูกหลอกลวงชักชวนร่วมลงทุนออมเงินผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก โดยมีผู้เสียหายจากทั่ว จ.พิษณุโลก ไม่ต่ำกว่า 300 ราย และผู้เสียหายจากภูมิภาคอื่นๆ อีกจำนวนมาก สูญเงินรวมกันมูลค่าไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท โดยมีเท้าแชร์เป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยชื่อดังของ จ.พิษณุโลก กำลังศึกษาอยู่คณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 เปิดเฟซบุ๊กบ้านออมเงินบ้านแชร์ “Milk Milk” หลังผู้เสียหายร่วมลงทุนกลับไม่สามารถคืนผลกำไรให้ได้ และแจ้งว่าบ้านออมเงินบ้านแชร์ล่มในที่สุด
    ด้านนายฤทธิพร ก้อนคำ อายุ 33 ปี ชาว จ.พิษณุโลก ผู้เสียหายรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ตนเองได้รู้จักบ้านออมเงินบ้านแชร์ “Milk Milk” ผ่านทางกลุ่มเพื่อนๆ และช่องทางเฟซบุ๊ก ซึ่งเปิดมาแล้วประมาณ 2 ปี มีความน่าเชื่อถือ เชิญชวนให้มีการลงทุนออมเงินแล้วจะได้ผลตอบแทนดี ตนเองจึงนำเงินร่วมลงทุนไปด้วยจำนวน 50,000 บาท โดยในเวลา 15 วัน จะได้ผลกำไรกลับคืนมาประมาณ 60,000 บาท ผู้เสียหายบางรายเป็นเพียงนักศึกษา แต่ลงทุนไปมากถึง 1 ล้านบาท เรตลงทุนมีหลายแบบ อาทิ ราย 10 วัน ราย 20 วัน ราย 30 วัน ออม 1,000 รับ 1,150 ออม 10,000 รับ 13,000 ออม 70,000 รับ 91,000 เป็นต้น แต่ไม่ได้ผลกำไรตามข้อตกลงกลับคืนมา
    "และสุดท้ายเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา บ้านออมเงินบ้านแชร์ล่มและมียอดเงินที่ต้องคืนให้กับสมาชิกเป็นเงินจำนวน 7 ล้านบาท เท้าแชร์ได้แจ้งสมาชิกว่าบ้านออมเงินบ้านแชร์ล่มไม่สามารถคืนเงินให้กับสมาชิกได้ สมาชิกทั้งหมดจึงพากันรวมตัวไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามตัวและดำเนินคดีกับเท้าแชร์รายนี้ นอกจากนี้ทราบอีกว่ายังมีผู้เสียหายจากภูมิภาคอื่นๆ ก็โดนเท้าแชร์รายเดียวกันก่อเหตุในลักษณะนี้ กำลังรวมตัวทยอยเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่ โดยมีมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท โดยผู้เสียหายทั้งหมดต้องการที่จะให้ดำเนินคดีกับเจ้าของบ้านออมเงิน "Milk Milk" ในข้อหาร่วมระดมทุนอันเป็นการฉ้อโกง" นายฤทธิพรกล่าว
    ด้านหญิงสาวผู้เสียหายอีกรายหนึ่งกล่าวว่า รู้จักวงแชร์นี้จากสื่อโซเชียล ตอนแรกก็สองจิตสองใจจะลงทุนดีไหม โดยเริ่มต้นลงทุนที่ 10,000 บาท ก็ได้กำไรมา 3,000 บาท จากนั้นก็ลงทุนเรื่อยมา เป็นเวลา 2 เดือน ทั้งแบบ 7 วัน 15 วัน 1 เดือน ซึ่งได้กำไรมาโดยตลอด ก็ตัดสินใจเพิ่มยอดเงิน จนเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ประกาศปิดบ้านแล้วก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก ซึ่งยอดที่เสียไปประมาณ 200,000 บาท
    ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างออกหมายเรียกและสอบปากคำผู้เสียหาย รวมถึงรวบรวมเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เส้นทางการเงินธนาคาร ผู้เกี่ยวข้องที่รับโอนเงินทั้งหมด ขณะนี้มีจำนวนผู้เสียหายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งจะรวบรวมยอดมูลค่าความเสียหายทั้งหมด เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.