บล็อก 50 เบอร์โทรศัพท์สกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ล่าเหยื่อ


เพิ่มเพื่อน    

ตำรวจ-ปปง.-กสทช.ประสานมือสกัดแก๊งโจรคอลเซ็นเตอร์ เผยบล็อกแล้ว 50 หมายเลขอันตราย-คืนเงินเหยื่อ 11 ราย 1.6 ล้าน 

12 ม.ค.61 -  ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผบช.ทท. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักภาล รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผอ.กองคดี1 ปปง.   นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. และ นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการโทรคมนาคม  ร่วมกันแถลงข่าวการช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน  และมาตรการสกัดกั้นเบอร์โทรศัพท์ที่คนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงผู้เสียหาย

พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ เปิดเผยว่า จากการดำเนินการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.จากการปฏิบัติงานของสายด่วน 1710  ของ ปปง.และสายด่วน 1155 ของตร.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 167 ราย เจ้าหน้าที่สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 275 ราย จับกุมผู้ต้องหาได้ 162 ราย อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมอีก 113ราย  นอกจากได้ร่วมมือกับ ปปง.แล้วยังได้ร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงและโอนไปยังบัญชีของกลุ่มคนร้ายและระงับไม่สามารถให้ถอนเงินออกไปได้ นำคืนผู้เสียหายได้ จำนวน 11 ราย รวมเป็นเงินจำนวน 1,641,265.47 บาท

ผู้เสียหายรายที่ 1.พื้นที่ สน.บางเขน ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินไปยังบัญชีคนร้าย 1,500,000 บาท เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายและยึดเงินของกลางคืนผู้เสียหายได้ 154,000 บาท รายที่ 2.พื้นที่ สน.ประเวศ ถูกหลอกโอนเงินจำนวน 50,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่สามารถอายัดเงินไว้ได้ทั้งหมด รายที่ 3.พื้นที่ สภ.เมืองลพบุรี ถูกหลอกโอนเงิน จำนวน 270,000 บาท อายัดได้คืน 149,965 บาท รายที่ 4.พื้นที่ สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ ถูกหลอกโอนเงิง 5,000,000 บาท เจ้าหน้าที่สามารถอายัดได้คืน 393,171.70 บาท รายที่ 5.สภ.เสม็ด จ.ชลบุรี ถูกหลอกโอนเงิน 491,000 บาท อายัดเงินคืนได้ 340,950   บาท รายที่ 6.พื้นที่ สภ.เมืองตราด ถูกหลอกดอนเงิน จำนวน 1,038,000 บาท เจ้าหน้าที่สามารถช่วยอายัดได้ทัน 237,528.77 บาท รายที่7.สน.หนองแขม ถูกหลอกโอนเงินจำนวน 20,500 บาท เจ้าหน้าที่อายัดได้ทั้งหมด รายที่ 8.พื้นที่ สน.วังทองหลาง ถูกหลอกโอนเงิน 59,100บาท อายัดได้ทั้งหมด รายที่ 9.พื้นที่ สน.โชคชัย ถูกหลอกโอนเงิน 80,300 บาท เจ้าหน้าที่อายัดคืนได้ทั้งหมด รายที่ 10. พื้นที่ สน.ลาดพร้าว ถูกหลอกโอนเงิน 26,750บาท สามารถอายัดได้คืนทั้งหมด รายที่ 11. พื้นที่ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี ถูกหลอกโอนเงิน จำนวน 198,240 บาท อายัดเงินคืนได้ 129,360 บาท  รวมเงินเสียหาย  8,733,890 บาท ติดตามคืนได้ 1,641,267.45บาท นอกจากเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่กล่าวมาวันนี้ กสทช.เป็นอีกหน่วยงานที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาแก๊งคอเซ็นเตอร์ด้วย

ขณะที่  นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยมาตรการสกัดกั้นเบอร์โทรศัพท์ที่ขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้หลอกลวงประชาชนว่าคนร้ายโทรศัพท์ผ่านระบบการสื่อสาร VOIP จากต่างประเทศ โดยจะแปลงเบอร์ให้ตรงกับปลายทางตั้งแต่ออกนอกประเทศมาโดยใช้ซอฟแวร์ในการแปลง เมื่อโทรเข้ามาในประเทศจะวิ่งผ่านอินเตอร์เน็ตในประเทศ เมื่อเข้ามาในประเทศผ่านผู้ให้บริการ 5 ราย คือ ดีแทค เอไอเอส ทรู แคท และทีโอที กระทั่งมาถึงปลายทางผู้รับสายประชาชนที่ถูกหลอกก็จะหลงเชื่อเพราะเบอร์ที่โชว์จะเป็นเบอร์ของหน่วยงานต่างๆ ทั้ง ปปง. กสทช.ดีเอสไอ ศาล แต่ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการแจ้งบัญชีหมายเลขโทรศัพท์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ทาง กสทช.แล้ว 50 หมายเลข               

นายเพื่อป้องกันประชาชนถูกหลอก มาตรการป้องกันคือ 1 ระยะสั้นคือ เมื่อเบอร์ VOIP 50 เบอร์ที่ได้รับแจ้งมาจะมีการบล็อกเกตเวย์ตั้งแต่แรก จะไม่สามารถผ่านอินเตอร์เน็ตเข้ามาได้ ซึ่งทาง กสทช.ได้ประชุมร่วมกับผู้ประกอบการทั้ง 5 รายแล้วในการบล็อกเบอร์ดังกล่าว   2.ระยะกลาง ทำฐานข้อมูลถึงแม้กลุ่มคนร้ายจะมีการแปลงเบอร์แล้วให้ตรงกับเบอร์หน่วยงานต่างๆแล้ว เมื่อเข้ามาถึงระบบของผู้ให้บริการ 5 ราย จะเป็นเบอร์ของผู้ประกอบการเท่านั้นไม่ใช่เบอร์ที่คนร้ายแปลงมา เพื่อที่จะทราบว่าต้นทางโทรมาจากประเทศไหน เพื่อดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดี 3.มาตรการระยะยาว กสทช.จะได้ดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ส่วนต่างๆในการหาทางป้องกันต่อไป

 ขณะที่นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการโทรคมนาคม กล่าวถึงมาตรการป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่ออีกว่า ทางกสทช.จะร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 ราย ใช้กราฟฟิกเตือนประชาชนผ่านไลน์ออฟฟิเชี่ยลที่มีผู้ใช้บริการมากกว่า 30 ล้านคน เตือนประชาชน 1.ตั้งสติอย่าหลงเชื่อ 2.อย่าให้ข้อมูลส่วนตัว 3.ไม่โอนเงินทันที 4.ตัดสายทิ้ง 5.โทรแจ้งตำรวจ ดดยจะมีสายด่วนทั้งของตำรวจและ ปปง.

ด้าน นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ กล่าวว่าสำหรับประชาชนท่านใดที่ถูกแก๊งคอลเซ็ลเตอร์โทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงขอให้รีบแจ้งศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานป้องกัน และปราบปราม ได้ทันทีผ่านหมายเลขสายด่วน 1710 และ ขอแจ้งเตือนการหลอกลวงรูปแบบใหม่ โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะทำการปลอมแปลงหมายศาลส่งไปถึงประชาชน ก่อนจะอ้างว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือการฟอกเงิน หลังจากนั้นจะหลอกถามข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เสียหาย โดยอ้างว่าหากผู้เสียหายต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์จะต้องทำโฉนดที่ดิน บ้าน รถ สมุดเงินฝากให้มาตรวจสอบ ทำให้ผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัวจนหลงเชื่อ ก่อนจะถูกหลอกจนสูญเสียเงินจำนวนมากในที่สุด

"ปัจจุบันแก๊งคอลเซ็ลเตอร์ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงให้แนบเนียนมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เสียหายเกิดความหวาดกลัวจนหลงเชื่อในที่สุด แต่จะมีวัตถุประสงค์เหมือนกันทุกวิธี คือจะทำทุกอย่างให้ผู้เสียหายโอนเงินมาให้ได้ ซึ่งทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ขอเตือนว่า เจ้าหน้าที่ของหน่วยงายภาครัฐ ไม่มีนโยบายเรียกเงินรับจากประชาชน เพื่อช่วยเหลือด้านคดีความอย่างแน่นอน และ หากประชาชนท่านใดรู้ตัวว่า ตกเป็นผู้เสียหายควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เพื่อที่จะสามารถติดตามเงินคืนให้ได้โดยเร็ว"นายพีระพัฒน์ ระบุ

พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.   กล่าวถึงกรณี น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ขโมยบัตรเปิดบัญชีธนาคารว่า กรณีของน.ส.ณิชา รู้สึกเห็นใจแต่กระบวนการของตำรวจได้ทำตามขั้นตอนออกหมายเรียกแล้ว 2 ครั้งไม่มารายงานตัวจึงออกหมายจับ เพราะที่ผ่านมาช่วงก่อนปีใหม่ได้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรมและหมายจับค้างเก่า เมื่อจับมาแล้วก็ส่งให้พนักงานสอบสวนเป็นไปตามกระบวนการ แต่เมื่อทราบว่า น.ส.ณิชา ถูกสวมบัตรเปิดบัญชี เป็นเรื่องที่ต้องมาให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวนในเรื่องที่เกิดขึ้น.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"