กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

            เนื่องจาก "เจตนา" เป็นเรื่องที่อยู่ภายในจิตใจของผู้กระทำ

            ไม่มีใครหยั่งรู้ได้

            การวินิจฉัยหรือพิสูจน์ จึงต้องใช้ "กรรม" หรือการกระทำเป็นตัวกำหนดฐานความผิด

            เช่นคดีฆ่าคน การกระทำที่แสดงออกมาภายนอก เป็นเครื่องชี้ถึงสภาพจิตใจของผู้กระทำ นำไปสู่การวินิจฉัย หรือ พิสูจน์ ว่าผู้กระทำมีเจตนาฆ่า หรือเพียงเจตนาทำร้ายเท่านั้น

            กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ใช้ได้กับกรณี

            การเผาพระบรมฉายาลักษณ์ หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม การกระทำเช่นนี้ ส่อให้เห็นเจตนาชัดเจนว่าประสงค์สิ่งใด

            "กรรม" ในคดีวางเพลิงจะพิเศษกว่าคดีอื่นๆ

            คดีวางเพลิงแค่คิดตระเตรียมการก็มีความผิดแล้ว

            ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๙ บัญญัติว่า ผู้ใดตระเตรียมเพื่อกระทำความผิดดังกล่าวในมาตรา ๒๑๗ หรือมาตรา ๒๑๘ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับพยายามกระทำความผิดนั้นๆ

            ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๑๗ บัญญัติว่า ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

            มาตรา ๒๑๘ ผู้ใดวางเพลิงเผาทรัพย์ดังต่อไปนี้

            (๑) โรงเรือน เรือ หรือแพที่คนอยู่อาศัย

            (๒) โรงเรือน เรือ หรือแพอันเป็นที่เก็บหรือที่ทำสินค้า

            (๓) โรงมหรสพหรือสถานที่ประชุม

            (๔) โรงเรือนอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็นสาธารณสถาน หรือเป็นที่สำหรับประกอบพิธีกรรมตามศาสนา

            (๕) สถานีรถไฟ ท่าอากาศยาน หรือที่จอดรถหรือเรือสาธารณะ

            (๖) เรือกลไฟ หรือเรือยนต์ อันมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป อากาศยาน หรือรถไฟที่ใช้ในการขนส่งสาธารณะ

            ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี

            ครับ...เกิดเหตุวางเพลิงเผาทรัพย์ หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ก่อนรุ่งวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์

            สิ่งที่ถูกเผาคือพระบรมฉายาลักษณ์พระเจ้าอยู่หัว

            สร้างความสะเทือนใจต่อประชาชนผู้จงรักภักดีทั้งประเทศ

            ข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรม พบพฤติการณ์ดังนี้ครับ 

                 เวลา ๐๒.๔๖ น. พบรถคนร้ายวิ่งผ่านร้านแกรนด์โฮม  ใต้สะพานข้ามแยกพงษ์เพชร งามวงศ์วาน ๓๕

            เวลา ๐๒.๔๙ น. จากกล้องของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่ พบรถคนร้ายวิ่งผ่านหน้าสำนักงาน ฝั่งถนนงามวงศ์วานขาออก วิ่งผ่านประตูเรือนจำกลางคลองเปรม

            เวลา ๐๒.๕๐ น. จากกล้องมุมสูงของการไฟฟ้าฯ พบรถคนร้ายจอดริมถนนเลยจุดเกิดเหตุประมาณ ๕๐ เมตร

            เวลา ๐๒.๕๕ น. พบรถคนร้ายถอยกลับมาห่างจากจุดเกิดเหตุ ๒๐ เมตร

            เวลา ๐๓.๐๘ น. พบว่าไฟเริ่มติดตรงจุดเกิดเหตุ

            และอีก ๑ นาทีต่อมา คนร้ายได้ขับออกไปเพื่อหลบหนี

            ในที่เกิดเหตุพบไฟแช็ก น้ำมัน

            "สมศักดิ์ เทพสุทิน" ให้ข่าวว่า

                ...สามารถจับภาพคนร้ายได้ มีผู้ต้องสงสัย ๓ คน เป็นชาย ๒ หญิง ๑ มีการตามภาพจากกล้องวงจรปิดไปจนถึงที่พัก และพบว่ามีความเชื่อมโยงทางการเมือง...

            เป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาทันที

            แรกเริ่มคาดกันว่าอาจเป็นไปได้ทั้งไฟฟ้าลัดวงจรและเจตนาวางเพลิง 

            เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่าเชื่อมโยงการเมือง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังกลุ่มล้มล้างสถาบัน

            ผลงานของม็อบ ๓ นิ้วใช่หรือไม่?

            ข่าวรายงานว่าเจ้าของรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุนั้น เป็นแม่ของนักร้องชื่อดัง ที่ร่วมชุมนุมกับคณะราษฎร ๖๓           

            มีบทบาทโดดเด่น ในแง่การแสดงออกอย่างหยาบคาย และส่อหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาอย่างต่อเนื่อง

            และหลายครั้งอยู่ในอาการมึนเมา!

            สุดท้ายเฉลยโดย พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น นำพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับกลุ่มคนที่ร่วมกันก่อเหตุเผาพระบรมฉายาลักษณ์หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม

            ศาลได้อนุมัติหมายจับ ไชยอมร หรือแอมมี่ แก้ววิบูลย์พันธุ์ ที่ ๔๒๙/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๔ พร้อมพวก  ๒ คน

            ในข้อหา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒, วางเพลิงเผาทรัพย์ผู้อื่น และ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

            ก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะนายคนนี้มีพฤติกรรมลบหลู่สถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด

            โดยเฉพาะการล้อเลียนในหลวงรัชกาลที่ ๙

            หลังเผาพระบรมฉายาลักษณ์ "แอมมี่" โพสต์เฟซบุ๊ก  The Bottom Blues ว่า

                ...สื่อคงไม่กล้าออก

                มิตรสหายท่านหนึ่งแจ้งว่า

                เมื่อคืนเกิดเหตุไฟไหม้พระบรม

                ที่หน้าเรือนจำคลองเปรม

                คนละ 1 แชร์แด่อิสรภาพ

                #ปล่อยเพื่อนเรา |||

            หลังตกเป็นข่าว "แอมมี่" หลบไปโรงพยาบาลพระรามเก้า 

            อ้างว่ารักษาโรคกระจกตาโป่ง

            ก็แปลกดี ผู้ต้องหาคดี ม.๑๑๒ มักใช้พื้นที่โรงพยาบาลพระรามเก้า เป็นที่ซื้อเวลาเสมอ

            ไม่ต้องบอกนะครับว่าโรงพยาบาลนี้ใครเป็นเจ้าของ

            โรคกระจกตาโป่ง ไม่ใช่โรคเฉียบพลัน

            โรคนี้ใส่แว่นช่วยให้มองเห็นดีขึ้นได้

            แต่หากจะรักษาจริงจังต้องผ่าตัด 

            ไม่ใช่ถึงมือหมอแล้วผ่าเลยมันต้องเตรียมการก่อน

            ครับ...นั่นคือเส้นทางของขบวนการล้มเจ้า

            งานนี้ไม่มีใครแกล้ง

            ไม่เกี่ยวกับเผด็จการ

            หรืออะไรทั้งนั้น

            วางเพลิงธรรมดา ก็ติดคุก ๒๐ ปีได้ครับ

            เผาแล้วป่วย ไม่ธรรมดาจริงๆ.