วันนี้...คงหนีไม่พ้นต้องตามไปอ่าน ตามไปฟัง คุณน้าอาเฮีย สุทธิชัย หยุ่น ที่นั่งซด กาแฟดำ ทุกๆ หัวเช้า แม้อายุ-อานามจะอยู่ในวัย ช่วยหามลุง...ไปตีกะมันที มานานแล้วพอสมควร แต่ก็ยังคงอุตส่าห์ออกเรี่ยว ออกแรง เจาะ-เกาะ-ติด ฉากสถานการณ์ในประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียง อย่างพม่า ให้บรรดาเราๆ-ทั่นๆ พอได้รับรู้-รับทราบ ตื้น-ลึก-หนา-บาง อย่างน่าตื่นตา ตื่นใจ มิใช่น้อย โดยเฉพาะกับคำถามที่ว่า ทำไม...การทูตลับที่ดอนเมืองจึงไม่ลับ ...
------------------------------------------------
คือโดย เงื่อนไข-เหตุปัจจัย ของสถานการณ์การเมืองในประเทศพม่า หรือเมียนมา นั้น...คงต้องยอมรับว่า ออกจะผิดแผก แตกต่าง ไปจากบ้านเราแบบคนละเรื่อง คนละม้วน หรือออกไปทาง เผด็จการของแท้แต่ดั้งเดิม แถมหนักไปทาง กระด้างภัณฑ์ อีกด้วยต่างหาก ต่างไปจากประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่สามารถผ่านพ้นความเป็นเผด็จการแบบ ละมุนภัณฑ์ แล้วหวนกลับมาเลือกตั้งกันใหม่ จนได้โอกาสด่าว่า ด่าทอ ได้ อภิปรายไม่ไว้วางใจ อดีตผู้นำทางทหาร มาแล้วถึง 2 รอบซ้อนๆ การลุกฮือ ลงถนน ของ ม็อบเคาะหม้อ แห่งพม่า กับ ม็อบตีหม้อ ของบ้านเรา มันจึงย่อมผิดแผก แตกต่างไปจากกันและกัน แบบชนิดนำมาลอกแบบ เลียนแบบ ไม่ได้เลย...
-----------------------------------------------
เพราะสำหรับบ้านเรานั้น...ถึงแม้จะไล่ทุบ ไล่ถีบ ไล่กระทืบ กับเจ้าหน้าที่ผู้รักษาความสงบเรียบร้อย จนตำรวจตายไป 1 บาดเจ็บอีกกว่า 20 นาย แต่แนวโน้มที่ทุกสิ่งทุกอย่างหนีไม่พ้นต้อง เหี่ยวปลาย ลงไปตามลำดับ ต้องเสวยคุก เสวยตะราง ชนิดปลุกยังไงก็ปลุกไม่ขึ้นกันไปตามสภาพ ต่างไปจากพม่าที่ไม่ว่าตายไปแล้ว บาดเจ็บไปแล้ว โดยเฉพาะในหมู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ไม่รู้กี่สิบต่อกี่สิบราย รวมทั้งที่ถูกรวบ ถูกกัก ถูกขัง อีกเป็นร้อยๆ และนั่นเองกลับส่งผลให้ทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งเด้งดึ๋ง เด้งหน้า เด้งหลัง หรือยิ่งมาแรง แซงโค้ง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าในประเทศ หรือนอกประเทศก็แล้วแต่...
-----------------------------------------------
หรือส่งผลทำให้ผู้นำทหาร ผู้ก่อการรัฐประหาร อย่างนายพล มิน อ่อง หล่าย น่าจะอยู่ไม่สุขยิ่งเข้าไปทุกที เพราะนอกจากสถานการณ์การเมืองภายในจะเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก เป็นเต้าหู้ตกโต๊ะ โอกาสที่จะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างให้อยู่ภายใต้ความสงบเรียบนิ่งและเรียบร้อย ยิ่งแทบ เป็ง-ปาย-ม่าย-ล่าย ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดแทบไม่รู้ว่าการ จ่ายเงินเดือน ข้าราชการงวดที่เพิ่งผ่านมา จะจ่ายครบ จะได้หมดถ้าสดชื่น กันโดยถ้วนหน้าหรือไม่และอย่างไร เพราะไม่เพียงแต่พนักงานธนาคารจำนวนไม่น้อย ต่างแห่ออกไปร่วมเคาะหม้อ เคาะกระทะ ไม่คิดจะทำงง ทำงาน ต่อไปอีกแล้ว จนทำให้ธนาคารอันดับ 6 อย่างธนาคารเมียวดี ถึงต้องออกประกาศห้ามถอนเงินเกินกว่า 500,000 จัต อันก่อให้เกิดความสับสน ระส่ำระสายแผ่ซ่านไปทั่วทั้งประเทศเอาเลยก็ว่าได้...
------------------------------------------------
และนั่นเองที่ทำให้ แรงกดดันจากภายนอก ยิ่งมีฤทธิ์ มีเดช ซะยิ่งกว่าเมื่อครั้ง 30 กว่าปีที่แล้ว หรือเมื่อครั้งการรัฐประหาร 8-8-88 ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า คือครั้งนั้น...แม้ว่าพวกเผด็จการจะเหลือ กระสุน เอาไว้ยิงใครต่อใครอีกแค่ไม่กี่ล็อต เหลือเงินทุนสำรองพอใช้ได้อีกแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง แต่ด้วยเหตุที่มหาอำนาจภายในภูมิภาคอย่างคุณพี่จีน ท่านโดดมาประคองหน้า ประคองหลังกันถึงที่ ตามด้วยบรรดาประเทศบ้านใกล้-เรือนเคียง อย่าง อาเซียน ของหมู่เฮาทั้งหลาย ที่ต่างอยากจะ แปรสนามรบให้เป็นสนามการค้า ซะเหลือเกิน การตามแห่ ตามขบวน อันนำไปสู่ คอนสตรักทีฟ เอนเกจเมนต์ กับเผด็จการพม่า จึงช่วยให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ค่อยๆ ผ่อนคลาย ผ่อนหนักเป็นเบา ลงไปตามลำดับ...
----------------------------------------------------
แต่สำหรับคราวนี้นั้น...ดูเหมือนคุณพี่จีนท่านจะออกไปทาง เฉยๆ หรือปล่อยให้เป็นเรื่องของชาวพม่า เมียนมา ต้องไปว่ากันเอาเอง เนื่องจากเท่าที่ผ่านมา ภายใต้การคบหา สมาคม กับรัฐบาลพลเรือนของนาง อองซาน ซูจี ก็ดูจะแทบไม่ได้ทำให้รัฐบาลจีนเกิดความอึดอัด ขัดข้อง แต่อย่างใด การเดินหน้าโครงการ Belt and Road หรือ หนึ่งแถบ-หนึ่งเส้นทาง ในพม่า ก็เป็นไปได้ด้วยดี จนแทบไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องไป เลือกเผด็จการ หรือ เลือกประชาธิปไตย ให้ต้องยุ่งยาก มากความ ยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้น...การอยู่เฉยๆ ของจีน จึงแทบไม่ต่างไปจากการเปิดช่อง เปิดโอกาส ให้ใครที่อยากจะกด อยากจะดันเผด็จการพม่า ไม่ว่าภายนอก หรือภายในก็แล้วแต่ สามารถ รำรี มามะ (บีบไข่) กันได้ตามสบาย...
-----------------------------------------------------
อีกทั้งบรรดาประเทศอาเซียนในช่วงนี้...ก็คงไม่ถึงกับกระหาย กระเหี้ยนกระหือรือ ในการขุดเงิน ขุดทอง เอาจากเผด็จการพม่า เพราะการทำมาหารับประทานแบบโปร่งใส ตรงไป-ตรงมากับรัฐบาลพลเรือน ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ความเคลื่อนไหวของบรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ไม่ว่าอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ฯลฯ ก็แล้วแต่ จึงดูจะไม่ได้หนักไปทาง คอนสตรักทีฟ เอนเกจเมนต์ แบบเก่าๆ เดิมๆ แต่อย่างใด แถมบางรายทำท่าว่าอยากจะหันมา ถีบเผด็จการ เอาเลยก็ไม่แน่ มันเลยถึงได้เกิด การทูตลับ เกิดความเคลื่อนไหว อย่างไม่เป็นทางการ ในหมู่ประเทศอาเซียน อย่างคึกคัก โครมคราม พอสมควร...
-------------------------------------------------------
จนแม้แต่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาก็เถอะ ถึงท่านรองนายกฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศ ดอน ท่านจะไม่ได้จัดอยู่ในประเภท ดอน คาร์เลโอเน หรือ ดอนมาเฟีย อยู่แล้วแน่ๆ แต่ออกจะหนักไปทาง ดอนเบบี้ แบบเนินเตี้ยๆ ตื้นๆ หรือแบบประเภทบ้านดอน ดอนเมือง อะไรประมาณนั้น การอาศัยพื้นที่สนามบินดอนเมืองเป็นที่พบปะระหว่าง ตัวแทนเผด็จการพม่า กับ รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย จึงต้องถือเป็น ความพยายาม ชนิดหนึ่ง ที่อย่างน้อย...ก็น่าจะดีกว่าการ อมเชาวริน (สากกะเบือ) เอาไว้เฉยๆ ส่วนจะส่งผลให้สถานการณ์การเมืองภายในพม่าดีขึ้น หรือเลวลง หรือไม่ ประการใด อันนั้น...คงต้องคอยติดตามการ เจาะ-เกาะ-ติด ของคุณน้าอาเฮีย สุทธิชัย หยุ่น กันไปตามสภาพ...
------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก “Thomas L. Friedman” (อีกครั้ง)... “Sometimes the news is in the noise, and sometimes the news is in the silence. – บางครั้ง...ข่าว...ก็อยู่ในเสียงอึกทึก แต่บางครั้ง...ข่าว...ก็อยู่ในความเงียบสงัด...”.
-------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |