จี้คลังแก้ปัญหาภาษีบุหรี่ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2560 ชี้หลังปรับรัฐสูญรายได้อื้อ แถมนักสูบเปลี่ยนไปดูดบุหรี่ราคาถูก ส่งผลตลาดโตแบบก้าวกระโดด แล้วยังพบคนไทยหันมาซื้อบุหรี่นอกเพราะจ่ายได้ เสนอยกเลิกระบบแยกอัตราภาษีตามมูลค่าจาก 2 ระดับเป็นอัตราเดียวอย่างน้อยร้อยละ 40 ราคาขายปลีกให้ตั้งซองละ 75 บาทรวมต้นทุน สุขภาพป่นปี้จากภัยนิโคติน 23 เครือข่ายเตรียมร่อน จม.เปิดผนึกส่งถึงนายกฯ
วันที่ 2 มีนาคม ที่โรงแรมเดอะสุโกศล ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ และประธานเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ กล่าวในงานแถลงข่าวปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใครได้ ใครเสีย” ว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้คนไทยเจ็บป่วยและเสียชีวิตปีละกว่า 7 หมื่นคน การที่จะทำให้คนสูบบุหรี่ลดลงต้องใช้หลายมาตรการ ทั้งการจำกัดที่สูบ การห้ามโฆษณา การรักษาคนที่ติดบุหรี่ให้เลิก และมาตรการภาษีซึ่งเป็นมาตรการที่ดีที่สุด ทำให้รัฐบาลเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น และการสูบบุหรี่ลดลง ขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังอยู่ในระหว่างการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษียาสูบ พ.ศ.2560 ทางสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ เครือข่ายรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ และนักวิชาการด้านภาษียาสูบ ได้ติดตามและศึกษาแนวทางการแก้ปัญหา เพื่อเสนอต่อกระทรวงการคลังและรัฐบาลให้การกำหนดโครงสร้างและอัตราภาษีใหม่ที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ลดการบริโภคยาสูบได้จริง และทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น
ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า โครงสร้างภาษีบุหรี่ พ.ศ.2560 เป็นรูปแบบผสม โดยเก็บภาษีทั้งตามปริมาณและตามมูลค่า ภาษีตามปริมาณ มวนละ 1.20 บาท แต่ที่เป็นปัญหาคือ การเก็บภาษีตามมูลค่าที่แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ บุหรี่ขายปลีกซองละ 60 บาทขึ้นไป ต้องเสียภาษี 40% แต่ถ้าต่ำกว่า 60 บาท ให้เสีย 20% ทำให้บุหรี่หลายยี่ห้อลดราคาลงเพื่อเสียภาษีในอัตราที่ถูกกว่า
"โครงสร้างภาษีบุหรี่ พ.ศ.2560 ถือเป็นมาตรการที่ล้มเหลว เพราะไม่ตอบสนองวัตถุประสงค์หลักในการขึ้นภาษีบุหรี่ เป้าหมายแรกทำให้ราคาบุหรี่สูงขึ้นเพื่อลดคนสูบ เป้าหมายสอง รัฐบาลมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น เพราะหลังปรับภาษี ราคาบุหรี่ถูกลง รัฐบาลมีรายได้จากภาษีลดลง ก่อนปี 2560 กระทรวงการคลังเก็บภาษีได้ 6.8 หมื่นล้านบาท แต่ปี 2563 ลดลงเหลือ 6.2 หมื่นล้านบาท และข้อมูลจาก Euromonitor ชี้ว่าหลังปรับโครงสร้างภาษีใหม่ ส่วนแบ่งการตลาดของบุหรี่ราคาถูกเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แสดงให้เห็นว่าไม่ลดการสูบ แต่ผู้บริโภคเปลี่ยนไปสูบบุหรี่ราคาถูกกว่า โดยเฉพาะบุหรี่นอกราคาถูกที่มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเท่าตัว คนไทยหันมาสูบบุหรี่นอกเพราะราคาเอื้อมถึง" ดร.พญ.เริงฤดีกล่าว
ดร.พญ.เริงฤดีกล่าวต่อว่า การกำหนดอัตราภาษีครั้งใหม่ รัฐต้องมีมาตรการกำหนดราคาขั้นต่ำของบุหรี่ที่รวมต้นทุนทางสุขภาพ และความสูญเสียด้วยโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ เพราะมีการคำนวณค่าความสูญเสียจากโรคที่เกิดจากบุหรี่เฉลี่ยอยู่ที่ซองละ 50 บาท ทำให้ราคาขายขั้นต่ำสุดต้องไม่น้อยกว่า 75 บาทต่อซอง รวมถึงออกกฎหมายควบคุมไม่ให้บริษัทบุหรี่ลดราคาลง ทุกครั้งที่มีการขึ้นภาษี ธุรกิจยาสูบตอบโต้โดยการออกบุหรี่ยี่ห้อใหม่หรือผลิตบุหรี่มวนเล็กที่ราคาถูกลง และควรเก็บภาษีเพิ่มซองละ 1 บาท ตั้งเป็นกองทุนเพื่อส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนให้กับชาวไร่ยาสูบที่เดือดร้อน นอกจากนี้ การกำหนดโครงสร้างภาษีต้องไม่ให้อุตสาหกรรมยาสูบเข้าร่วมในทุกขั้นตอน เพราะขัดต่ออนุสัญญาควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลกที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตาม
นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส ผู้อำนวยการเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ และอดีตนายกแพทยสมาคมโลก กล่าวว่า คนสูบบุหรี่ทั่วโลก 1.3 พันล้านคน เสียชีวิตประมาณ 8 ล้านคนต่อปี ส่วนประเทศไทยมีคนสูบบุหรี่ 10.7 ล้านคน เสียชีวิตปีละ 7 หมื่นคน แต่จะมีผู้ป่วยด้วยโรคที่เป็นผลจากการสูบบุหรี่ เช่น โรคมะเร็ง โรคถุงลมโป่งพอง ประมาณ 10 เท่าของผู้เสียชีวิต หรือราว 700,000 คน ซึ่งรัฐบาลต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาผู้ป่วยเหล่านี้เฉลี่ยต่อคนถึงประมาณ 2.2 ล้านบาท คิดเป็นค่าใช้จ่ายในระดับประเทศรวมปีละกว่า 140,000 ล้านบาท ในขณะที่รายรับที่ได้จากการเก็บภาษีสรรพสามิตปีละประมาณ 60,000 ล้านบาท นับว่าไม่คุ้มค่าใช้จ่าย ถ้าบุหรี่ราคาถูก ทำให้คนเข้าถึงบุหรี่มากขึ้น ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยาสูบทุกชนิดที่มีนิโคตินเป็นส่วนประกอบ เป็นสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าปกติ แต่เป็นสินค้าที่ทำลายสุขภาพ ต้องควบคุมและจำกัดการขาย
รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว และเลขาธิการเครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ กล่าวว่า บุคลากรทางการแพทย์หนุนเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีครั้งใหม่ เพราะว่าแม้อัตราการสูบบุหรี่ในภาพรวมของคนไทยจะมีแนวโน้มลดลง แต่อัตรานี้กลับสูงขึ้นในกลุ่มวัยทำงานและกลุ่มที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง จากการสำรวจล่าสุดพบว่า มีคนไทยที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรังแล้วและยังคงสูบบุหรี่อยู่ต่อเนื่องมากถึง 2.48 ล้านคน และประเทศไทยมีผู้เสียชีวิต 14 ล้านคนจากกลุ่มโรคเรื้อรัง
"มีคนไทยจำนวนกว่า 5 ล้านคนที่กำลังเสพติดนิโคตินอย่างรุนแรง และหากปล่อยให้สูบต่อในอีก 10 ปีข้างหน้า คือคนป่วยเป็นโรคเรื้อรัง นี่คือภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลของภาครัฐ จำเป็นต้องให้การช่วยเหลือแก่บุคคลทั้งสองกลุ่มนี้โดยเร็ว ทั้งรักษาโรคเรื้อรังและการบำบัดการเสพติดนิโคติน เพียงแค่การรักษาโรคเรื้อรังจากการสูบบุหรี่ต้องใช้งบมากถึงปีละ 27,574 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายที่ภาครัฐต้องจ่ายทุกปี การออกแบบโครงสร้างภาษีครั้งใหม่นี้ควรสะท้อนให้เห็นว่าบุหรี่บั่นทอนสุขภาพคนไทย โดยเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจากธุรกิจยาสูบข้ามชาติ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายภาครัฐส่วนนี้ลงได้" รศ.นพ.สุทัศน์กล่าว
ศ.ดร.อิศรา ศานติศาสน์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ยาสูบและผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ เสนอในเวทีนี้ว่า ให้คงระบบภาษีบุหรี่ที่มีทั้งอัตราตามสภาพและอัตราตามมูลค่า โดยการปรับขึ้นอัตราภาษีตามสภาพ ตามอัตราเงินเฟ้อ ทุกปีหรือเป็นช่วง เช่น ร้อยละ 5 ทุก 2 ปี ให้ยกเลิกระบบที่แยกอัตราภาษีตามมูลค่าเป็น 2 ระดับ (2 tiers) โดยกำหนดเป็นอัตราเดียวอย่างน้อยร้อยละ 40 ของราคาขายปลีก หรือหากไม่ยกเลิก อัตราภาษีในระดับ (tier) ล่างจะต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของราคาขายปลีก เพื่อผลักดันให้บุหรี่ราคาสูงขึ้นและปกป้องสุขภาพของผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย ในการดำเนินการตามข้อ 1 และ 2 ต้องส่งผลให้กำหนดอัตราภาษีโดยรวมไม่ต่ำกว่าอัตราเดิมก่อนเปลี่ยนเป็นแบบ 2 ระดับ (2 tiers) อีกทั้งให้กำหนดราคาขายปลีกขั้นต่ำที่รวมต้นทุนทางสุขภาพ เช่น ซองละ 75 บาท เป็นอย่างน้อย ที่สำคัญให้มีตัวแทนคณะกรรมการควบคุมยาสูบแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข หรือเครือข่ายนักวิชาการด้านควบคุมยาสูบ ร่วมในการกำหนดนโยบายภาษีตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ 23 เครือข่าย ลงนามในหนังสือเปิดผนึกเรื่อง ข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาภาษีบุหรี่ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2560 เตรียมยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายกรัฐมนตรีต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |