2 มี.ค.64 - นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการกปปส. กล่าวเปิดใจถึงเส้นทางการสู้คดีกปปส. ต่อจากนี้กับ"ไทยโพสต์" หลังจากศาลอาญาตัดสินลงโทษจำคุกห้าปี และได้รับการประกันตัวเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยบอกว่าสิ่งที่ตกใจและเสียใจก็คือ อนาคตของพี่ๆน้องๆ แนวร่วมแกนนำกปปส. ที่ออกมาร่วมต่อสู้ด้วยกันในช่วงปี 2556-2557 ที่บางคนโดนศาลตัดสินว่ามีความผิดต้องโทษจำคุก ถูกตัดสิทธิ์การเลือกตั้ง จนบางคนต้องเสียอนาคตทางการเมืองแต่ยืนยันได้ว่า หากย้อนเวลากลับไปได้ แล้วสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างช่วงเวลาที่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงปี 2556-2557 โดยเฉพาะที่มีความพยายามจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิด ก็จะออกมาเคลื่อนไหวแบบเดิมแน่นอน โดยผลคำตัดสินของศาลที่ออกมา ไม่ได้เสียใจในเรื่องที่ทำและสิ่งที่ต่อสู้ รวมถึงย้ำว่าผลคำตัดสินที่ออกมาไม่ใช่เรื่องเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล อย่างที่บางฝ่ายวิเคราะห์วิจารณ์
"สุเทพ-อดีตเลขาธิการกปปส." กล่าวว่า หลังจากการเดินขบวนของกปปส.ยุติลงเมื่อปี 2557 พวกผมที่เป็นอดีตแกนนำกปปส.ก็ถูกตั้งข้อหาว่าเป็นกบฏ เป็นอั้งยี่ ซ่องโจร ถูกตั้งข้อหาว่า ทำผิดกฎหมายการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน -บุกรุกสถานที่ราชการ ขัดขวางการเลือกตั้งและข้อหาอื่นๆ พวกผมก็ก้มหน้าก้มตารวบรวมพยานหลักฐานเตรียมตัวสู้คดี โดยคิดว่าเราก็มีพยานหลักฐานที่จะนำไปสู้คดีได้มาก ตอนแรกผมก็มีผู้ใหญ่ที่อาสามาเป็นทนายความว่าความให้ แต่ต่อมาเมื่อไปสู้คดีจริงๆ ผู้ใหญ่ท่านนั้นก็เกิดเป็นมะเร็งต้องให้คีโม ผู้ใหญ่ท่านนั้นก็ว่าความให้ไม่ได้ ผมก็เลยต้องว่าความเอง โดยที่ก่อนหน้านั้นผู้ใหญ่ท่านดังกล่าว ก็มีการเตรียมซักซ้อมการสู้คดีไว้อย่างดีมีการเตรียมการไว้เป็นปีๆ เมื่อท่านว่าความให้ไม่ได้ ก็ไม่มีใครจำเหตุการณ์ได้หมด ผมก็เลยว่าความเองเพราะผมจำเรื่องทั้งหมดได้
นายสุเทพกล่าวต่อว่า ทางจำเลยในคดีดังกล่าว สู้คดีกปปส.มาร่วมหนึ่งปีครึ่ง ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเราคงสู้ได้ แต่เมื่อมีคำพิพากษาของศาลอาญาออกมาแบบนี้ เราก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน แปลกใจแต่ก็เคารพในกระบวนการยุติธรรม เราไม่ได้โวยวายอะไร ก้มหน้าก้มตารับคำพิพากษาและคิดว่าเราควรจะได้รับการประกันตัวมาสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป แต่พอไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวตอนแรก ตกใจเหมือนกัน เพราะว่าคดีอื่นๆ เช่นคดีของนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พัฒนาสังคมฯ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถูกศาลตัดสินจำคุก 50 ปี ยังได้รับอนุญาตให้ประกันตัว เราถูกพิพากษาคดีต่างๆ รวมกระทงกันแล้ว ก็ถูกตัดสินจำคุกกันเช่น ห้าปี เจ็ดปี นายชุมพล จุลใส หนักหน่อย 9 ปี 24 เดือน เราก็ตกใจ แต่ยังไงก็ตาม คิดว่า จะแก้คดีในชั้นอุทธรณ์
“สุเทพ-อดีตเลขาธิการกปปส.” กล่าวต่อว่า ตอนแรกที่ไม่ได้รับการประกันตัว ก็กังวลใจเหมือนกันว่าใครจะมาเป็นตัวหลักที่จะทำเรื่องสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ได้ แต่เมื่อได้รับการประกันตัวตอนนี้แล้วก็ต้องก้มหน้าก้มตาแก้ประเด็นสู้คดีต่อไป ก็คงใช้เวลาหลายเดือนเพราะจำเลยมี 38 คน มีข้อเท็จจริงมากต้องใช้เวลามาก แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ต้องช่วยน้องๆ
“ตอนที่ศาลมีคำตัดสินเมื่อ 24 ก.พ. ผมก็สงสารน้องๆ ผมนำเขาออกมาต่อสู้เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน พอผลออกมาต้องถูกจำคุกกันตั้ง 27 คน แม้บางคนศาลจะให้รอลงอาญาแต่ส่วนใหญ่ก็ลงโทษโดยไม่รอลงอาญา ก็ตกใจและเสียใจกับน้องๆ เพราะเขาก็เสียอนาคตทางการเมืองไปเลย”
เพราะอดีตแกนนำสามคนก็ต้องหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรี และมีอีก 2-3 คน ก็หลุดจากการเป็นส.ส.เช่น นายชุมพล จุลใส อดีตส.ส.ชุมพร นาย อิสระ สมชัย อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ผมในฐานะเป็นผู้นำพาพี่ๆน้องๆ มาต่อสู้ ก็เสียใจเป็นธรรมดา แต่ก็เจียมเนื้อเจียมตัว เราก็สงบเสงี่ยมมาตลอด จะเห็นได้หลังจากเลิกชุมนุม ผมก็เก็บตัวเงียบ เตรียมตัวสู้คดีไม่ได้ไปวุ่นวายอะไร หลังจากนี้ก็ต้องทำงานต่อไปเพื่อแก้คดี ตอนนี้ก็ยังไม่รู้อนาคตต่อไปจะเป็นอย่างไร
"ต้องยอมรับจริงๆ ว่า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ไม่สามารถคาดเดาอนาคตตัวเองได้ ซึ่งตัวผมเอง ก็ไม่ค่อยกังวลเท่าไหรเพราะตอนนี้ก็อายุ 72 ปีแล้ว และไม่คิดทำงานการเมืองต่อ แต่เสียดายน้องๆ หลายคนที่ยังมีพลัง มีความรู้ความสามารถที่จะทำงานการเมืองต่อไปได้ ก็ทำไม่ได้แล้วเพราะหลายคนโดนตัดสิทธิ์การเมืองไปด้วย
ส่วนผมเอง ยังหลับตานึกไม่ออกเลยว่าผมโดนอย่างนี้แล้ว ไปสู้ในขั้นอุทธรณ์ -ฎีกา คดีผมจะไปจบปีไหน อย่างไร ซึ่งหากใครโดนคดีเองจะรู้สึกว่ามันมีความทุกข์ทุกวัน เพราะแทบไม่ต้องทำอะไร ต้องมาเตรียมการสู้คดี อย่างตอนนี้ก็ต้องมานั่งอ่านคำให้การพยานทั้งหลายเพื่อมาช่วยกันร่างเอกสารต่างๆ ก็เสียเวลามาก ทุกข์ยากมาก ไม่มีใครช่วยต้องช่วยกันเอง "
"ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ยังไงก็ต้องทำแบบตอนนั้น เพราะตอนนั้นประเทศมันมืดมนเหลือเกิน มองไม่เห็นลู่ทางที่จะดีสำหรับประเทศเลย เพราะหากระบอบทักษิณ ยังมีอิทธิพลเหนือประเทศไทยอยู่ ยังมีคนอย่างยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ บ้านเมืองก็คงแย่กว่านั้น เราไม่อยากเห็น หากย้อนเวลากลับไปได้แม้จะรู้ว่าถึงจะต้องมีผลถึงกับต้องติดคุกติดตะราง เราก็ต้องทำอยู่ดี ไม่มีอย่างอื่น ตอนนั้นไม่มีทางเลือกจริงๆ "
เมื่อถามถึงความมั่นใจในการสู้คดีในชั้นอุทธรณ์และฎีกา “อดีตเลขาธิการกปปส.”กล่าวตอบว่า พวกผมเคารพในกระบวนการยุติธรรม ไม่เคยตีโพยตีพาย ไม่เคยตำหนิกระบวนการยุติธรรมแม้จะเห็นว่าคำพิพากษาจะค่อนข้างรุนแรงสำหรับเรา อย่างคดีของอดีตแกนนำนปช.ตอนก่อเหตุช่วงปี 2552-2553 ก็ถูกดำเนินคดีแต่ว่าศาลก็พิพากษายกฟ้องนปช.ไปหมด
...เราไม่ได้ฆ่าคนตาย เราไม่ได้เผาบ้านเผาเมือง เราไม่ได้ไปทำลายทรัพย์สินของเอกชน -ราชการ ก็ไม่คิดว่าเราจะต้องโดนโทษหนักขนาดนี้แต่ว่า ก็ไม่เป็นไร เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เรามีหน้าที่ในการหาหลักฐานมาพิสูจน์ตัวเอง เราไม่ได้เสียใจในเรื่องที่เราทำ เรื่องที่เราต่อสู้เพราะว่า เพราะเราทำด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้วก็ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองหรือพรรคการเมือง
-ได้ฟังสิ่งที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ออกมาพูดถึงผลคำตัดสินในคดีกปปส.เมื่อไม่กี่วันมานี้หรือไม่?
ผมก็ไม่ค่อยได้ดู แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็มีคนมาเล่าให้ฟังว่า คุณสนธิ พูดยังไง แต่ผมไม่ได้ฟังเอง
-มีการพูดเรื่องนี้เป็นลักษณะเหมือนเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล?
ผมคิดว่ามันคนละส่วนกัน พวกผมอดีตกปปส.ไม่ได้รับใช้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เราทำเพื่อประเทศชาติ เราทำเพื่อส่วนรวม ไม่ได้ทำเพื่อพลเอกประยุทธ์ แล้วผมก็ไม่คิดว่าพลเอกประยุทธ์จะสามารถไปก้าวล่วงถึงกระบวนการยุติธรรมได้
ผมคิดว่า ที่มีคำพิพากษาของศาล ไม่ใช่ว่าพลเอกประยุทธ์ สั่งให้ฆ่าเรา เอาเราเข้าคุกเสีย ผมไม่เชื่อจะเป็นแบบนั้น และศาลท่านก็มีความเป็นอิสระ เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เอาไปรวมกันไม่ได้ และว่ากันไปตามจริง พลเอกประยุทธ์ ก็ไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่จะมาฆ่าพวกผม หรือจับพวกผมไปขังคุกเสีย เพราะก็ไม่ได้โกรธแค้นอะไรกัน ผมไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้น
-แต่ดูเหมือนว่าพอ 3 ป.เข้ามาเล่นการเมือง ก็ถูกมองว่า เลยผลักแกนนำกลุ่มต่างๆ ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง กปปส. ให้ไปติดคุกให้หมด ?
มันไม่ใช่อย่างนั้น คนที่ไปชุมนุมไปเดินขบวน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเหลือง เสื้อแดงหรือนกหวีดอย่างพวกผม เขาก็รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ทำไป ยังไง ก็ต้องถูกดำเนินคดี แล้วก็ไปสู้คดีกันในชั้นศาล พวกเสื้อแดงว่าไปแล้ว ติดคุกกันไม่กี่คน ถ้าเทียบกับพวกผม พวกผมติดมากกว่า คดีใหญ่ๆของพวกเขา ศาลก็พิพากษายกฟ้องหมด
-แต่พอผลคำตัดสินออกมา คนก็ยังรู้สึกไปว่า ม็อบกปปส.มีเส้น พอแกนนำกปปส. แปดคนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว คนก็ไปวิจารณ์ว่าเห็นไหมได้ประกันตัว?
ถ้ามีเส้น แล้วผมจะไปติดคุกได้ยังไง ไม่สนุกนะ ไปนอนในเรือนจำ มันไม่ใช่อย่างนั้น ผมก็คิดว่าศาลก็มีดุลยพินิจของศาล คือพูดจริงๆ อันนี้ไม่ได้แก้ตัว แต่ว่าพวกผมก่อนศาลจะอ่านคำตัดสินคดี พวกกปปส. ก็สงบเสงี่ยม ตั้งแต่เลิกชุมนุมปี 2557 ก็ไม่เคยไปแสดงพลังหรือไปกดดันอะไร ก็ก้มหน้าก้มตาสู้คดี พอศาลตัดสินออกมาแล้วก็ไม่ออกมาโวยวาย ทำนองว่าศาลสองมาตรฐานพวกผมไม่เคยไปพูดอะไร
ติดตามอ่านบทสัมภาษณ์พิเศษในหนังสือพิมพ์ แทบลอยด์ ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 7 มี.ค.2564
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |