1 มี.ค. 2564 นางศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวถึง แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนในช่วงนี้ ว่า เศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณว่าสามารถรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีขึ้น เห็นได้ชัดจากดัชนีภาคเศรษฐกิจในหลายตัวชี้วัดเริ่มฟื้นตัวและปรับตัวได้ดีขึ้น หลังจากที่มีการเร่งฉีดวัคซีนในหลายประเทศทั่วโลก โดยมีอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มสูงขึ้นแซงหน้าการแพร่เชื้ออย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในสหรัฐฯ จีน สหราชอาณาจักร และในอีกหลายภูมิภาค
สำหรับเศรษฐกิจของไทย ยังคงมีแนวโน้มการฟื้นตัวช้า ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากระบบเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกและภาคบริการอย่างการท่องเที่ยว จึงยังคงต้องการมาตรการเยียวยาทั้งด้านการคลัง และการเงินที่ตรงจุดเพิ่มเติมต่อไป
ขณะเดียวกัน ผลพวงจากเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่รัฐบาลกลางทั่วโลกอัดฉีดเพื่อช่วยเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสหรัฐฯ มีแนวโน้มว่าจะได้รับอนุมัติงบประมาณสูงถึง 1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เร็วกว่ากำหนด ทำให้เม็ดเงินจำนวนมากไหลไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง กบข. จึงมองว่าตลาดตราสารทุนโดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Market) และกลุ่มประเทศเอเชีย รวมถึงกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ได้แก่ ทองแดง น้ำมัน และสินค้าเกษตรกรรม ยังคงมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง
“กบข. มองว่า ยังคงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน จากการที่ราคาของสินทรัพย์เสี่ยงมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมานั้น เริ่มส่งผลไปถึงอัตราเงินเฟ้อที่ขยับตัวขึ้น และทำให้อัตราผลตอบแทนจากดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวสูงขึ้น โดย กบข. คาดว่าอาจจะปรับตัวสูงขึ้นไปถึงระดับ 1.5-1.6% ภายในปี 2564 รวมถึงค่าเงินบาทน่าจะแข็งค่าอยู่ในระดับ 29.50 - 30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ยังคงยืนยันในการคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป ซึ่งปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ยังคงต้องจับตามองกันต่อไป” นางศรีกัญญา กล่าว
ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้สรุปผลสำรวจเรื่องผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจไทยในเดือนก.พ. 2564 โดยพบว่า ระดับการฟื้นตัวของธุรกิจในภาพรวมปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน หลังมีการผ่อนคลายมาตรการ และปรับโซนพื้นที่ควบคุมใหม่ โดยภาคการค้าได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากมาตรการของรัฐ และภาคท่องเที่ยวเริ่มเห็นสัญญาณปรับดีขึ้นจากผลของวันหยุดยาว
ขณะที่ธุรกิจส่วนใหญ่คาดว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในไทยจะใกล้เคียงหรือน้อยกว่าระลอกก่อนเล็กน้อย อีกทั้งยังปรับตัวได้ค่อนข้างมากและดีขึ้นจากเดือนก่อน ยกเว้นภาคท่องเที่ยวและภาคการค้า ส่วนระดับกิจกรรมทางธุรกิจที่ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน ส่งผลให้ระดับการจ้างงานและรายได้ของแรงงานในธุรกิจส่วนใหญ่ทยอยปรับดีขึ้น และใช้นโยบายปรับเปลี่ยนการจ้างงานลดลงจากเดือนก่อน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนอกภาคการผลิตมีแนวโน้มใช้นโยบายปลดคนงานเพิ่มขึ้นเพื่อประคับประคองธุรกิจ
“ถึงแม้วัคซีนโควิด-19 จะช่วยจุดประกายสร้างความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ถูกผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดหนักที่ผ่านมา ประกอบกับการที่รัฐบาลกลางแต่ละประเทศใส่เม็ดเงินเข้ามาในระบบเพื่อฟื้นฟูเยียวยาเศรษฐกิจจำนวนมหาศาลอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ภาคเศรษฐกิจแท้จริงยังคงฟื้นตัวอย่างช้า ๆ เช่นเดียวกับในประเทศไทย ทำให้เม็ดเงินส่วนใหญ่ยังคงไหลไปลงทุนในทรัพย์สินเสี่ยงมากขึ้น เพื่อหาผลตอบแทนทางการเงินที่สูงกว่า” ธปท. ระบุ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |