@ ภูมิแผ่นดินถิ่นฐานสุวรรณภูมิ จำหลักปูมประวัติศาสตร์ทั้งศาสตร์ศิลป์
ภูมิปัญญาภูมิแดนภูมิแผ่นดิน ไม่สุดสิ้นสมเจตนารมณ์
เพื่อศึกษาสืบสานและสร้างสรรค์ สมภูมิอันอนันต์อเนกภิเศกสม
ปณิธานสรรค์สร้างภูมิสังคม เอกอุดมภูมิธรรมความเป็นมนุษย์ ฯ...
ข้างบนคือบทกวีสองบทที่ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีซีไรต์ 2523 และสมาชิกวุฒิสภาซึ่งแว่บจากรัฐสภาเพื่อไปจดจารบทกวีสองบทสำคัญและมอบให้เป็นกรณีพิเศษเนื่องในงานเปิดป้ายหน่วยงานใหม่ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)ที่ชื่อ “ธัชชา” เมื่อบ่ายแก่ๆ วันที่ 25 ก.พ.2564 เป็นการใช้ปลายปากกาจดจารบทกวีสดๆ ท่ามกลางเสียงขลุ่ยระดับเทพจากศิลปินแห่งชาติ..ธนิศร์ ศรีกลิ่นดี..คอยครวญคลอ โดยมีรมว.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) –ศ.(พิเศษ)ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์และผู้บริหารกระทรวง-แขกรับเชิญคอยจ้องมองจ้องฟังด้วยความสุขใจอย่างเห็นได้ชัด
ติดๆกัน อ.ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ ทำการวาดรูปประตูแห่งปัญญาเป็นสัญลักษณ์ให้กับหน่วยงานใหม่ของอว.ที่ชื่อว่า “ธัชชา” จากนั้นพิธีเปิดป้ายหน่วยงานใหม่แห่งนี้ก็เริ่มขึ้น ซึ่งสำนักงานตั้งอยู่ที่ชั้น 20 อาคารอุดมศึกษา 2 ถนนศรีอยุธยา หรือถอยหลังไปเมื่อหลายปีก่อนโน้นก็คือตึกทบวงมหาวิทยาลัยเดิมนั่นเอง...
ธัชชาคืออะไร ทำไมต้องธัชชา
คนในแวดวงทั่วไปอาจจะยังไม่รู้จัก ”ธัชชา” แต่ในแวดวงการศึกษา-มหาวิทยาลัยคงจะพอได้ข่าวอยู่บ้างว่าตั้งแต่เดือนพ.ย.2563 รมว.อว.ที่ชื่อ ”ดร.เอนก” ได้ประชุมหารือผู้บริหารกระทรวงและทีมงาน จนเกิดเป็นข้อสั่งการให้จัดตั้งหน่วยงานหนึ่งที่เรียกว่า “วิทยสถานสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์" หรือ “ธัชชา” (Thailand Acardemi of Social Sciences,Humanities and Arts –TASSHA)” นัยว่าเพื่อเป็นการสร้างสมดุลการพัฒนาระหว่างวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมกับด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ ซึ่งดร.เอนกมองว่าจะต้องพัฒนาควบคู่กันไป หนุนเอื้อและผสมกลมกลืนไปด้วยกันทั้งด้านงานวิจัยและการพัฒนาที่เป็นรูปธรรม..
“เป้าหมายการตั้งวิทยสถานฯก็เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศทางด้านสังคมศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ที่ทำหน้าที่ในการยกระดับการพัฒนาไปสู่อนาคตด้วยการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมวิชาการด้านนี้ให้มีทิศทางการพัฒนาสอดคล้องกับแนวโน้มของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปแทบทุกสรรพศาสตร์ รวมทั้งการปรับเปลี่ยนของขั้วการเมืองโลก ธัชชาจะเป็นหน่วยงานวิจัยหลักที่มีบทบาทในการพัฒนาความรู้ ขับเคลื่อนงานวิจัยและพัฒนาบุคคลากรเพื่อรองรับการพัฒนาที่ยังยืนผ่านการเชื่อมโยงประเทศไทยเข้ากับภูมิภาคและโลกต่อไป”
นั่น เป็นคำประกาศของรมว.อว.ชื่อดร.เอนกเมื่อ 14 พ.ย.2563 วันที่เชิญกูรู-ผู้สันทัดกรณีในแนวรบด้านสังคม-วัฒนธรรมมาร่วมประกาศเจตนารมณ์ ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งต้องยอมรับว่าคำประกาศวันนั้นได้สร้างแรงกระเพื่อมในเชิงบวกต่อนักวิชาการ คณะวิชาด้านสังคมศาสตร์ฯ มากทีเดียว เหตุเพราะก่อนหน้านั้นนับแต่กระทรวงอว.ที่ถือกำเนิดเกิดขึ้นเมื่อ 2 พ.ค.2562 โดยรวมเอาการอุดมศึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการมารวมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์เดิม แล้วดึงงานด้านวิจัยเข้ามาผนวกรวมด้วยนั้น กิจกรรมความสำคัญของกระทรวงดูเหมือนจะโน้มเอียงไปทางวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมมากกว่าจนกล่าวกันเล่นๆว่าแนวรบด้านสังคมศาสตร์ฯ แทบหลับสนิท..นั่นเอง..
หลังการมอบนโยบาย-สั่งการแล้ว ปลัดกระทรวงอว.คือ ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล และ รศ.พาสิทธิ์ หล่อธีรพงษ์ ที่ปรึกษากระทรวงก็ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนขึ้นมา โดยเชิญบุคคลภายนอกบิ๊กเนมอย่าง ศ.ศรศักดิ์ วัลลิโภดม,ศ.กิตติคุณสุรพล วิรุฬห์รักษ์,ศ.คลินิกเกียรติคุณอุดม คชินทร,ศ.สมบูรณ์ สุขสำราญ,ธนพล วัฒนกุล,รศ.สมเจตน์ ทินพงษ์ ฯลฯรวมทั้งทีมการเมืองของดร.เอนกทั้ง 3คน ดร.จักษ์ พันธ์ชูเพชร,สำราญ รอดเพชรและดร.ดวงฤทธิ์ เบญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เข้าร่วมเป็นกรรมการ..และภายใน3เดือนทุกอย่างก็ได้ก่อเกิด กระทั่งได้ทำพิธีเปิดป้ายสำนักงานธัชชาเมื่อเย็นวันที่ 25 ก.พ.2564 ดังกล่าวแล้ว
ส่องกล้องมองโครงสร้าง “ธัชชา” มี 5 สถาบัน
จริงๆแล้วก่อนพิธีเปิดป้ายเมื่อ 25 ก.พ.นั้นดร.เอนกได้นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรรมการขับเคลื่อนจัดตั้งคณะกรรมการธัชชาซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย ก่อนที่คาดว่ากรรมการชุดนี้จะแปลงร่างไปเป็นกรรมการกำกับทิศทางของธัชชาในอนาคตต่อไป โดยดร.เอนกได้ย้ำซ้ำถึงภารกิจของธัชชาที่จะต้องทำให้สำเร็จทั้งระยะยาว ระยะสั้น ทุกองคาพยพในกระทรวงต้องหลอมรวมและมาช่วยกันทำให้องค์ความรู้ด้านนี้มีทั้งมูลค่าและคุณค่า เป็นงานด้านวัฒนธรรมที่มีความหมายมากกว่างานศิลปะแต่เป็นทุนชาติ เป็นส่วนหนึ่งของอารยะธรรม ดังนั้นต้องไม่เป็นเพียงการศึกษาและวิจัยแบบเดิมๆ
สำหรับโครงสร้างของธัชชาจะแบ่งงานเป็น 5 ด้านหรือ 5 สถาบัน มีการแต่งตั้งประธานครบทั้ง 5 ด้านดังนี้
1)สถาบันสุวรรณภูมิศึกษา – น.พ.บัญชา พงษ์พานิช กรรมการและเลขานุการมูลนิธิหอจดหมายเหตุพุทธทาส นักค้นคว้าประวัติศาสตร์
2)สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง – ศ.ดร.กำพล ปัญญาโกเมศ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)
3)สถาบันโลกคดีศึกษา - นายสมปอง สงวนบรรพ์ อดีตเอกอัครราชฑูตหลายประเทศ
4)สถาบันพิพิธภัณฑ์และศิลปกรรมแห่งชาติ –ผศ.ชัยชาญ ถาวรเวช อธิการบดีม.ศิลปากร
5)สถาบันช่างศิลป์พื้นถิ่น – ดร.สิริกรณ์ มณีรินทร์ นายกสภาสถาบันวิทยาลัยชุมชน
ทั้ง 5 สถาบันถูกดร.เอนกขีดเส้นว่าภายใน 3 -5 เดือนต้องมีผลงานระยะสั้นออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมนำร่อง เป็นแนวทางที่บอกอนาคตได้
ฝันไกล..ไปได้..ไม่เพ้อฝัน!!??
มองผิวเผินการเกิดขึ้นของธัชชาอาจจะเหมือนสำนักคิดสำนักศึกษาธรรมดาๆ ที่แต่ละมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานบางหน่วยก็ทำมาแล้วมากบ้างน้อยบ้าง แต่ความพยายามของกระทรวงอว.หนนี้ก็คือการกระชับพื้นที่องค์ความรู้ด้านต่างๆ ให้เป็นระบบหรือจัดระเบียบระบบ ชำระสะสะสางข้อมูลให้ลุ่มลึกลงไปและใช้งานวิจัยพัฒนาต่อยอดด้วยนวัตกรรม...ดังนั้นไม่แปลกที่เอกสารว่าด้วยเป้าหมายของธัชชา ส่วนที่เป็นoutcomeวางไว้หลายประการ ขอกล่าวเพียง3ประการคือ
หากย้อนความเป็น “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” แม้หลายคนจะมีภาพจำฝังแน่นอยู่ที่งานเขียนด้านรัฐศาสตร์การเมือง “สองนคราประชาธิปไตย” เมื่อกว่า30ปีก่อน แต่หากใครได้ติดตามการเดินทางความคิดของเขาในยุคต่อๆผ่านงานเขียนกว่า 40 เล่มซึ่งรวมทั้ง 3 เล่มดัง “ตะวันออก-ตะวันตก ใครสร้างโลก”, บูรพาภิวัฒน์ และ “ราชาธิปไตย” จะพบว่านักวิชาการ นักการเมืองคนนี้ทันโลกทันกาล และประการสำคัญเท่าที่ผู้เขียนได้สัมภาษณ์พูดคุยด้วยหลายครั้ง ได้ข้อสรุปสำคัญว่าดร.เอนกเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์โลกประวัติศาสตร์ไทยสูงมากคนหนึ่งของเมืองไทย..และนี่กลายเป็นจุดแข็งในการโน้มน้าวให้ใครต่อใครโค้งคารวะร่วมสถาปนาธัชชากันโดยดุษฎี..
6 เดือนบนตำแหน่งรมว.อว.นั้นดร.เอนกปลดล็อคปัญหาต่างๆ ในกระทรวงมาแล้วหลายเรื่อง รวมทั้งการเคลื่อนงานใหญ่อย่างโครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล,การพัฒนาเศรษฐกิจภายใต้โมเดลBCGดังนั้นกรณีธัชชาก็ไม่น่าจะเกินกำลัง...สำคัญแต่ว่าดอกผลหน้าตาที่ออกมามันจะเป็นอย่างไร..ซึ่งคงไม่ใช่แค่หนังสือ5เล่มจากภารกิจ5ด้าน..มันต้องมากกว่านั้นแน่นอน..
น่าสนใจและติดเป็นยิ่งนัก..!!
ยุทธนา นครธรรม
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |