1 มี.ค. 64 - นางสาวเบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากการเข้าร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ขอยืนยันว่า การชุมนุมเมื่อวานนี้ (28 ก.พ. 2564) เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพปกติตามระบอบประชาธิปไตยที่สามารถทำได้ เพราะเป็นเพียงการแสดงออกเพื่อตั้งคำถามถึงกรณีบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในค่ายทหารซึ่งเป็นการรับประโยชน์อื่นใดที่ผิดกฎหมาย ป.ป.ช. และบังคับใช้กับนักการเมืองทุกคน แต่ทำไมจึงยกเว้นสำหรับนายกรัฐมนตรีคนนี้
นอกจากนี้ พวกเขายังมีคำถามถึงค่าน้ำค่าไฟที่มาจากภาษีประชาชน และยังมีคำถามว่าเหตุใดบ้านของนายกรัฐมนตรีจึงสามารถไปตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานได้ สมควรย้ายออกมาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะมีคำถามใด สิ่งที่คนเป็นนายกรัฐมนตรีควรทำคือการให้คำตอบด้วยเหตุผล ไม่ใช้การล้อมรั้วลวดหนามและส่งกองกำลังมาสลาย ซึ่งในเรื่องนี้ ตั้งแต่มีการเปิดประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พวกเขาก็ยังไม่เคยได้รับคำชี้แจงที่ครบถ้วนจากนายกรัฐมนตรีเลย
นางสาวเบญจา กล่าวอีกว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่การชุมนุมของประชาชนซึ่งเป็นการแสดงออกตามปกติกลับจบลงด้วยการใช้กำลังสลายการชุมนุม ซึ่งตนและพรรคก้าวไกลยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงไม่ว่ามาจากฝ่ายใด และเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยจะต้องยินยอมเปิดพื้นที่ให้ทุกคนทุกฝ่ายสามารถแสดงออก และสามารถพูดคุยในประเด็นต่างๆ รวมถึงประเด็นที่อ่อนไหวได้อย่างสันติ
อย่างไรก็ตาม ต่อกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ขอเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมดูแลสถานการณ์ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยสติและมีเหตุผล ปฏิบัติโดยยึดหลักการควบคุมการชุมนุมสากลอย่างเคร่งครัด โดยเริ่มจากมาตรการเบาไปหาหนัก ไม่ใช่การกระทำแบบเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ซึ่งปรากฏชัดว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยใช้ความรุนแรงเกินสัดส่วนการควบคุมสถานการณ์ ไม่ว่าการเข้าไปลากคนเจ็บมาจากหน่วยพยาบาล ซึ่งไม่มีใครทำกันแม้กระทั่งในยามสงคราม การใช้แก๊สน้ำตาและยิงกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมโดยตรง ซึ่งอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ รวมถึงการเข้าไปทำร้ายไล่ล่าผู้ชุมนุมอย่างป่าเถื่อนเสมือนเป็นอริราชศัตรู ปฏิบัติการหลายอย่างยังดำเนินไปอย่างไร้มนุษยธรรม
"ในส่วนตัวจึงขอประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ และเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีให้ตระหนักถึงต้นเหตุของปัญหา ซึ่งก็คือตัวท่านเองให้รับผิดชอบต่อทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนสถานการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ ทั้งนี้ ตนและพรรคก้าวไกลจะมีการติดตามตรวจสอบการละเมิดสิทธิต่างๆ เพื่อดำเนินการไปตามช่องทางต่างๆ ต่อไป"
ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่าขอยืนยันอีกครั้งว่า ทุกตารางนิ้วของกองทัพมาจากภาษีของประชาชน ประชาชนจึงควรจะมีสิทธิโดยชอบในการตรวจสอบได้ แต่ที่ผ่านมาอย่าว่าแต่ผู้ชุมนุม แม้กระทั่ง ส.ส.เองก็ยังทำหน้าที่นี้ได้ด้วยความลำบาก หรือแทบไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบกองทัพได้เลย จึงถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยจะต้องตอบตัวเองให้ชัดว่าจะปล่อยให้กองทัพกลายเป็นแดนสนธยาแบบนี้ต่อไปหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนพื้นที่กองทัพให้กลายเป็นเขตพระราชฐาน จะยิ่งทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกยกเป็นเกราะกำบังให้แก่เรื่องที่ลี้ลับดำมืด จนยากจะตรวจสอบมากขึ้นไปอีก การกระทำเช่นนี้มีแต่จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกษัตริย์กับประชาชนแย่ลง ทั้งนี้ การรักษาไว้ซึ่งพระเกียรติเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะเมื่อควบตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมด้วยแล้ว จึงยิ่งไม่บังควรอย่างยิ่งที่จะทำให้เกิดภาพแบบนี้ต่อสถาบันฯ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |