ในวันอังคารที่ 2มี.ค.นี้ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะนั่งหัวโต๊ะประชุม ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคเพื่อพิจารณารายชื่อบุคคลที่เหมาะสมจะนั่งเป็นรัฐมนตรีของพรรค ก่อนเสนอไปให้ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม
ประเด็นที่น่าสนใจคือ เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ส.ส.พรรคพลังประชารัฐมีการล่ารายชื่อกันที่รัฐสภา เพื่อทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ผ่าน พล.อ.ประวิตรในประเด็นดังกล่าว
ขณะที่เนื้อหาในหนังสือยังระบุว่า มอบอำนาจให้ พล.อ.ประวิตรเป็นผู้พิจารณาตัวบุคคลของพรรคที่จะไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเด็ดขาด
มี ส.ส.กว่า 90คนร่วมลงชื่อ ยกเว้นรัฐมนตรีกับ ส.ส.บางส่วนในกลุ่มสามมิตร ที่ไม่ได้ลงชื่อในครั้งนี้ โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตร ที่พยายามปรับยุทธศาสตร์การเดินใหม่ ไม่เรียกร้อง ออกตัวแรง แต่ทำตัวเป็นเด็กดีของนายกฯ
หากแต่การกระทำของ ส.ส.ที่ล่ารายชื่อกัน ไม่ได้ถูกตำหนิจาก พล.อ.ประวิตรแต่อย่างใด ส.ส.บางคนที่ร่วมลงชื่อกลับบอกด้วยซ้ำว่า พล.อ.ประวิตรแฮปปี้ จนถูกตั้งข้อสังเกตว่า การล่ารายชื่อครั้งนี้ได้รับไฟเขียวให้ทำ
โดยเฉพาะการมีรายชื่อของนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานวิปรัฐบาล กับนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคฝ่ายกฎหมาย เซ็นนำร่อง ย่อมบ่งบอกอะไรได้บางอย่างว่า ไม่ได้เป็นการกระทำที่พลการ
ขณะเดียวกัน การลงชื่อไป ไม่ต่างอะไรกับหนังสือยินยอมว่า ไม่ว่าสุดท้าย พล.อ.ประวิตรจะเสนอชื่อใครในพรรคให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ทุกคนต้องยอมรับ ไม่มีสิทธิ์ฟาดงวงฟาดงา เพราะถือว่าได้ให้อำนาจเด็ดขาดไปแล้ว
สำหรับการเคลื่อนไหวปรับ ครม.ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ กลุ่มใหญ่หลักๆ ตอนนี้เหลือเพียง 2กลุ่มคือ กลุ่ม 3ช. ภายใต้การนำของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ที่ผนึกกำลังกับนายวิรัช
อีกกลุ่มคือ กลุ่มสามมิตร ภายใต้การนำของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
สำหรับ 2 กลุ่มนี้ ดูเหมือนกลุ่ม 3ช.จะได้เปรียบกว่านิดๆ เพราะใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตรมากกว่า อีกทั้ง พล.อ.ประวิตรยังไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัสให้ทำงานสำคัญๆ แทนตัวเองในระยะหลัง
การที่กลุ่ม 3ช.ถูกสปอตไลต์ส่องมากในการปรับ ครม.ครั้งนี้ว่า จะได้เก้าอี้สำคัญๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ไม่ได้รับการจัดสรรตำแหน่ง รมว.เหมือนกับกลุ่มอื่นๆ ที่บางกลุ่มได้ รมว.ถึง 2คน จึงน่าจะได้รับการจัดสรรใหม่ให้เท่าเทียมกับบทบาทและหน้าตักในมือ
หากแต่ พล.อ.ประวิตรก็ต้องบาลานซ์ขุมกำลังภายในพรรคให้สมดุล เพราะต้องยอมรับว่า กลุ่มสามมิตรเองก็มี ส.ส.ที่เป็นเลือดแท้ในมือไม่น้อย ที่สำคัญทั้งนายสุริยะและนายสมศักดิ์ต่างมีทรัพยากรและคอนเน็กชั่นกับพรรคเพื่อไทยไม่น้อยไปกว่า ร.อ.ธรรมนัสเช่นกัน
จะเห็นว่า 2 กลุ่มนี้ มีการเคลื่อนไหวที่ช่วงชิงจังหวะกันแบบแยบยล อย่างล่าสุดเสนอรายชื่อบุคคลในกลุ่มที่ยังไม่เคยเป็นรัฐมนตรีให้กับ พล.อ.ประวิตร โดย ร.อ.ธรรมนัสสนับสนุน นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร นายวิรัชสนับสนุน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขณะที่กลุ่มสามมิตรไม่หยุดนิ่ง เสนอนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี กับ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี เช่นกัน
แน่นอนว่า 4คนไม่อาจสมหวังได้หมด หากแต่แต่ละกลุ่มจำเป็นต้องใช้สิทธิ์ของตัวเองไว้ก่อน ส่วนคนตัดสินใจว่าจะให้ใครคือ พล.อ.ประวิตร ที่จะเป็นผู้จัดสมดุลภายในพรรค
กลุ่มสามมิตรเองแม้ครั้งนี้จะไม่ได้หวังมาก เพราะ 3 เก้าอี้ที่นั่งอยู่ ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ ทว่าจำเป็นต้องขยับ และเสนอขึ้นไป ไม่ให้อีกฝ่ายเดินง่ายจนมากระทบสัดส่วนของตัวเอง
ขณะที่ 13ส.ส.ภาคใต้ แม้ในทางสมการการเมืองพวกเขาควรได้ 1ที่นั่ง เพราะพรรคพลังประชารัฐยังไม่มีรัฐมนตรีจากภาคใต้ แต่ปัญหาของกลุ่มนี้คือ ไม่มีหัวที่ชัดเจน ที่ผ่านมา ส.ส.แต่ละคนกระจัดกระจายไปทำกิจกรรมกับมุ้งอื่นๆ ภายในพรรค และครั้งนี้แต่ละคนต่างก็เสนอตัวเอง
นอกจากไม่มีเอกภาพ ส.ส.ภาคใต้ยังไม่ค่อยมีอำนาจต่อรองภายในพรรค เนื่องจากถูกมองว่า ส.ส.เหล่านี้เข้ามาได้เพราะกระแส พล.อ.ประยุทธ์ และที่ผ่านมาพรรคได้ให้การดูแล ส.ส.เหล่านี้มาตลอด ทำให้โอกาสจะสมหวังมีน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ
แต่อย่างไรก็ดี ไม่ว่าฝุ่นจะตลบอบอวลแค่ไหนในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าใครจะต่อรองกดดันหนักขนาดไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ตอกย้ำให้เห็นทุกครั้งคือ คนกำหนดเกมไม่ได้เป็น ส.ส. หากแต่เป็นพี่น้อง 3ป. พล.อ.ประวิตร พล.อ.ประยุทธ์ หรือแม้แต่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
แม้บ่อยครั้งที่รู้สึกว่านักการเมืองจะเป็นผู้ได้เปรียบในเกม และบ่อยครั้งที่เหมือนมีความเสี้ยมเพื่อให้ 3ป.แตกคอกัน หรือดูเหมือนมีความขัดแย้งกัน หากแต่กลุ่ม 3 ป.ก็ไม่เคยเลือกใครก่อนพี่น้องตัวเอง
มันเป็นหลักการแบ่งแยกแล้วปกครอง จนหลายครั้งๆ ก็กลายเป็นนักการเมืองที่ถูกทหารสับขาหลอก แม้แต่การล่ารายชื่อหนนี้ ที่เผลอๆ พี่น้องอาจคุยกันก่อนแล้ว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |