ฉากสถานการณ์ที่แท้จริงของการเมืองไทย


เพิ่มเพื่อน    

        ขึ้นชื่อว่า ประชาธิปไตย...ก็คง ประมาณนี้ นั่นแหละทั่น!!! คือระหว่างที่ นั่งร้าน อย่างพลพรรค กปปส. ต้องติดคุก ติดตะราง ประกันตัวไม่ทัน เล่นเอาแห้งเหี่ยวกันไปมิใช่น้อย แต่ในพรรคแกนนำรัฐบาลอย่าง พปชร. หรือ พลังประชารัฐ กลับเป็นอะไรที่ ลั้ลลา ที่ คึกคัก และ โครมคราม กันไปเป็นแถบๆ อันเนื่องมาจากส้ม หรือมะพร้าว หรือทุเรียนก็แล้วแต่ดันเกิดอาการ บุญหล่นใส่เท้า ชนิดชักหัวแม่ตีนข้างซ้าย ข้างขวา หลบยังไงก็หลบไม่ทัน...

                                      -----------------------------------------------

        การ ปรับ ครม. อันเนื่องมาจากรัฐมนตรีสื่อสารเทคโนโลยีฯ ศึกษาธิการ หรือช่วยคมนาคม ต้องมีอันพ้นไปจากตำแหน่งตามตัวบทกฎหมาย โดยจะรวมไปถึง ผู้ช่วยรัฐมนตรี อย่างคุณพี่ สำราญ รอดเพชร ของ ท่านขุนน้อย ที่เพิ่งได้กรี๊ดๆ กร๊าดๆ ซู้ดๆ ซ้าดๆ แค่ไม่กี่เดือน ไม่กี่สัปดาห์ อีกด้วยหรือไม่ และอย่างไร อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ฝุ่นคลุ้ง ไปทั่วทั้งพรรคแกนนำรัฐบาล ไปจนถึงพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าพรรคใหญ่ พรรคน้อย อย่างมิอาจปฏิเสธได้ เสียงเคาะกะละมัง เคาะชามข้าวหมา ที่ย่อมเป็นคนละเรื่อง คนละเสียง กับเสียงเคาะหม้อ เคาะกระทะ ของบ้านใกล้-เรือนเคียง หรือของบรรดาพวกนักประชาธิปไตยในพม่า รวมทั้ง นักตีหม้อ ในบ้านเราอีกด้วยเช่นกัน จึงเริ่มดังออกมาอย่างชนิดสนั่นหวั่นไหว...

                         ----------------------------------------------------

        โดยไม่ว่าจะจัดสรร จัดแบ่ง จะบุฟเฟต์ ดินเนอร์ กันไปในแบบไหน ในลักษณะไหน มันคงไม่ได้ช่วยให้เกิดการเพิ่มความแข็งแกร่ง เพิ่มความมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ให้กับ รัฐบาลขาลง อย่างที่บรรดาพวก โลกสวย พยายามฝัน พยายามจินตนาการ ว่าอาจเกิดช่อง เกิดโอกาส ในการที่จะดึงเอาคนนอก หรือคนที่ดี-เด่น-ดัง จากแวดวงต่างๆ มาเสียบแทน เพื่อให้ บิ๊กตู่ ยังพอไวอะกรา หรือพอ บิ๊กตู่มิรู้ล้ม ได้ตามชื่อ ฉายา ได้มั่ง แต่อย่างใด โดยลักษณะอาการของรัฐบาลนับจากนี้ต่อไป จึงน่าจะออกไปทางพะเยิบพะยาบ สั่นไหว แอ่นระแน้ หรือเผลอๆ...อาจถึงขั้น จำปีระเบิด เอาเลยก็ไม่แน่!!! ไม่ได้สดใส ซาบซ่า เหมือนช่วงที่เพิ่งเริ่ม ปีนนั่งร้าน หรือช่วงที่...เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน ฮึ้มฮึม ฮึ้มหึ่ม อย่างเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว อีกต่อไป...

                                      -------------------------------------------------

        แต่ก็นั่นแหละ...ขณะที่รัฐบาลสั่นไหว แอ่นระแน้ พะเยิบพะยาบ ไปตามความเป็นประชาธิปไตยที่มีลักษณะเฉพาะ-ไม่เฉพาะก็แล้วแต่ อย่างมิอาจปฏิเสธ การคิดจะไปหักโค่น ทำลายล้าง เล่นงานรัฐบาลที่กำลังตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แบบปอกกล้วยเข้าปากแต่อย่างใด โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายที่คิดหักโค่น ทำลายล้าง ไม่ว่าจะในสภาฯ หรือนอกสภาฯ ก็ตามที ก็ดันเละตุ้มเป๊ะ เละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก ไม่ต่างไปจากรัฐบาลมากมายซักเท่าไหร่ ในสภาฯ นั้น...ถึงจะงัดเอามาตรการสูงสุด อภิปรายไม่ไว้วางใจมาแล้ว 2 ครั้ง 2 ครา แต่ก็ออกไปทาง...งั้นๆ!!! ซะเป็นหลักใหญ่ ส่วนนอกสภาฯ...ไม่เพียงแต่หันมากัดกันเอง ฟัดกันเอง ชนิดแทบไม่รู้ไผเป็นไผไปแล้วในช่วงนี้ ความหมกมุ่นอยู่กับการ ตีหม้อ ไม่ใช่ เคาะหม้อ เหมือนนักประชาธิปไตยในประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่าเขา ก็เลยส่งผลให้ทุกสิ่งทุกอย่างออกจะ เหี่ยวปลาย ลงไปตามลำดับ...

                                   --------------------------------------------------

        อันนี้นี่แหละ...ที่อาจถือเป็นแก่นแท้ แก่นสาระ ของฉากสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงระหว่างนี้ คือขณะที่รัฐบาลชักจะแย่กับแย่ หาทางออก ทางไปแทบไม่เจอ บรรดาฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล ก็ดันไม่ไหวจะฮา ไม่ไหวจะแห้งเหี่ยว หัวโต จนไม่ว่าจะเหลียวหน้า เหลียวหลัง เหลียวไปมองรอบๆ ต่างแทบไม่เห็นเดือน ไม่เห็นตะวัน ไปด้วยกันทั้งสิ้น คือเป็นฉากสถานการณ์ที่ดูจะไม่ค่อยตอบสนองต่อความหวัง ความปรารถนาและต้องการ โดยเฉพาะของบรรดาผู้ที่ชอบ ตั้งความหวัง เอาไว้สูงๆ ประเภทอยากที่จะเห็นการปฏิร่ง ปฏิรูป การปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ไปในทางที่ดีขึ้นๆ ตามลำดับ และแบบชนิดรวดเร็วทันตาเห็น อันเป็นอารมณ์-ความรู้สึกที่คงไม่ต่างอะไรไปจากพวกอดีต กปปส. ทั้งหลาย ที่เคยสร้าง นั่งร้าน เอาไว้รองรับความคิด ความรู้สึก ทำนองนี้ ชนิดเหนื่อยยาก แสนเข็ญ เหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด...

                                   ----------------------------------------------------

        แต่ภายใต้ ความเป็นไทยๆ หรือความเป็นอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่...สุดท้าย ทุกสิ่งทุกอย่างคงเป็นไปได้เท่านี้ ประมาณนี้ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ หรือคงต้อง อยู่ๆ กันไป จะไปออกัสซั่มกันแบบพลั่กๆๆ แบบความหวังและปณิธานที่เคยตั้ง เคยวาดหวัง เอาไว้ก่อนหน้านี้ มันออกจะไม่สอดคล้องกับ สภาพความเป็นจริง มากมายซักเท่าไหร่ หรือสุดท้ายคงต้องหันมาอาศัย ขันติธรรม ความอดทน อดกลั้น ไปด้วยกันทุกๆ ฝ่ายนั่นแหละ มันถึงอาจพอช่วยให้เกิด สามัคคีธรรม อันจะเป็นพลังที่สามารถนำไปสู่ความหวัง ความปรารถนาและต้องการของทุกๆ ฝ่าย ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...

                                  ----------------------------------------------------

        ด้วยเหตุเพราะการ อยู่ๆ กันไป นั้น...แม้จะเป็นอะไรที่พออยู่ๆ กันไปได้ ไม่ถึงกับต้องหักโค่น พังทลาย ไปก่อนกำหนดการ แต่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ว่ามันคงไม่ต่างไปจาก สันติภาพชั่วคราว หรือสันติภาพที่จะนำไปสู่ การรบใหญ่ ไม่วันหนึ่ง วันใด กันจนได้นั่นแล อันเนื่องมาจาก เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย ต่างๆ มันยังไม่ได้ถูกแก้ ถูกสะสาง ให้หมดสิ้นลงไป จนไม่หลงเหลือ เชื้อไฟ หรือ กองฟืน ที่จะให้ใครต่อใครมาจุดติดได้อีกแล้ว ดังนั้น...ภายใต้การบริหาร จัดการ การเมือง-การปกครองของบ้านเรา ไม่ว่าจะเรียกว่าประชาธิปไตย-ไม่ประชาธิปไตย หรือไม่ เพียงใด ก็แล้วแต่ บรรดา นั่งร้าน ทั้งหลาย พึงต้องเพียรพยายาม เข้าถึง และ เข้าใจ ซึ่งกันและกันให้มากๆ เข้าไว้ ก่อนที่ การพักรบชั่วคราว จะจบสิ้นลงไป ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า นับจากนี้...

                               -----------------------------------------------------------

        ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Archbishop Robert Alexander Kennedy (อีกครั้ง)... “Oh Lord, change the world. Begin, I pray thee, with me. – โอ...ข้าฯ แต่พระผู้เป็นเจ้า ขอได้โปรดเปลี่ยนแปลงแก้ไขโลกนี้ให้ดีขึ้น โดยเริ่มจากตัวข้าพเจ้าเองก่อน...”

                                -------------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"