โพลเผยคาตา! บ่อน-ซื้อเก้าอี้ จี้ปฏิรูปตำรวจ


เพิ่มเพื่อน    

 โพลจี้ปฏิรูปตำรวจ เผยปัญหาคาตา ประชาชนร้อยละ 99.4 ระบุยาเสพติดแพร่ระบาดหนักในชุมชน บ่อนพนัน ค้ามนุษย์ แรงงานต่างชาติ การซื้อขายตำแหน่ง จี้ ผบ.ตร.และผู้บริหารระดับสูงภายในองค์กรปฏิรูปตำรวจให้ชัดเจนด้วย อย่าปล่อยให้สังคมกดดันนายกฯ

    เมื่อวันที่้ 27 กุมภาพันธ์ 2564 ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ปัญหาคาตาประชาชน กับปฏิรูปตำรวจ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,782 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 23-26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา พบว่า จากการศึกษาปัญหาคาตาประชาชน พบว่า เกือบร้อยละร้อยคือร้อยละ 99.4 ระบุปัญหาคาตาประชาชนและรับรู้คือ ยาเสพติดแพร่ระบาดหนักในชุมชน บ่อนพนัน ค้ามนุษย์ แรงงานต่างชาติ การซื้อขายตำแหน่ง และอื่นๆ
    ที่น่าเป็นห่วงของข้อเท็จจริงที่ค้นพบคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.1 ระบุตำรวจ ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ ปล่อยปละละเลย ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เกิดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ, ร้อยละ 93.5 ระบุตำรวจระดับสูงพัวพัน เก็บเกี่ยวผลประโยชน์กับขบวนการค้ายาเสพติด บ่อนพนัน ขนแรงงานเถื่อน ค้ามนุษย์ และอื่นๆ และร้อยละ 92.7 ระบุในองค์กรตำรวจ มีปัญหาเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย
    ที่น่าพิจารณาคือ แนวทางการปฏิรูปตำรวจ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.1 ระบุว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บริหารระดับสูงภายในองค์กรตำรวจต้องออกมาปฏิรูปตำรวจให้ชัดเจนด้วยตนเอง อย่าปล่อยให้สังคมกดดันนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ นอกจากนี้ ร้อยละ 96.1 ระบุผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บริหารระดับสูงต้องยอมรับความจริงเรื่องการแทรกแซงการแต่งตั้ง โยกย้าย และร้อยละ 96.1 เช่นกันระบุ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บริหารระดับสูงขององค์กรตำรวจ ต้องมีกฎหมายและกลไกทำให้ปลอดจากการแทรกแซงทุกรูปแบบใช้ระบบคุณธรรม ไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ในขณะที่ร้อยละ 96.0 ระบุควรนำข้อมูลเสียงเรียกร้องของประชาชนมาปฏิรูปตำรวจให้สำเร็จในรัฐบาลนี้ และร้อยละ 95.0 ระบุควรนำข้อมูลจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ มาปฏิรูปตำรวจ
    ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.2 ต้องการเห็นตำรวจ เป็นตำรวจของประชาชน และร้อยละ 96.0 ต้องการเห็นตำรวจ เป็นตำรวจผู้รับใช้ชุมชน ปฏิรูปตำรวจกระจายไปให้ถึงประชาชนระดับชุมชน ในขณะที่ร้อยละ 92.0 ระบุพาม็อบคนลงถนนเพื่อปฏิรูปตำรวจ ไม่เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ทางออกที่ดี กลับซ้ำเติมวิกฤติโควิดและวิกฤติเศรษฐกิจ ความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนมากยิ่งขึ้น
    ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า จากการเกาะติดเรื่องปฏิรูปตำรวจมาร่วม 15 ปี พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นปัญหาเดิมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกยุคสมัยของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่วนเปลี่ยนกันขึ้นมา แต่องค์กรตำรวจหลังจากเปลี่ยนชื่อจากกรมตำรวจ มาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ยังไม่ทำให้ประชาชนทั้งประเทศเห็นได้ว่าปฏิรูปตำรวจได้สำเร็จ ผลที่ตามมาคือปัญหาและข้อเท็จจริงเรื่องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากขบวนการค้ายาเสพติด บ่อนพนัน การค้ามนุษย์ แรงงานต่างชาติ และอื่นๆ จึงอยู่ในการรับรู้ของประชาชนอย่างกว้างขวาง ทำลายความเชื่อมั่นศรัทธากระทบต่อเสาหลักของชาติ ทั้งๆ ที่ตำรวจและทุกหน่วยงานของรัฐมีภารกิจสำคัญที่ต้องทำให้เสาหลักของชาติเป็นที่รักของประชาชน
    "ดังนั้น วิกฤติคือโอกาส ที่ตำรวจต้องเร่งปฏิรูปให้ตำรวจเป็นตำรวจของ ประชาชนเป็นตำรวจผู้รับใช้ชุมชนเสริมสร้างความรักความศรัทธาต่อองค์กรตำรวจและสถาบันหลักของชาติ ไม่ใช่กลายเป็นต้นตอต้นเหตุของการทำลายความรักความศรัทธาของประชาชนต่อเสาหลักของชาติเสียเอง" ผศ.ดร.นพดลกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"