‘บิ๊กป้อม’เรียกเคลียร์ใจ ปรับครม.พปชร.รุมทึ้ง


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กป้อม" เรียกประชุมบิ๊ก พปชร.ถกปรับ ครม. พร้อมเคลียร์ใจปัญหาในพรรค ส่วนประชาธิปัตย์ยังไม่ขยับ "จุรินทร์" รอเวลาที่เหมาะสม ด้าน "สุทิน" ยุส่งหาก "บิ๊กตู่" อยากปลดล็อกให้ประเทศ มี 2 ทางเลือกคือยุบสภา-ลาออก แนะลาออกเลือกนายกฯ ใหม่ประเทศบอบช้ำน้อยที่สุด

    มีรายงานข่าวจากแกนนำพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยว่า วันอังคารที่ 2 มีนาคม 2563 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคในเวลา 16.30 น. เพื่อหารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งสัญญาณให้ พรรคพลังประชารัฐคุยกับแกนนำพรรคร่วมในเรื่องดังกล่าว เพื่อส่งชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับนายกรัฐมนตรีหากจะมีการปรับเปลี่ยน นอกเหนือจาก 3 ตำแหน่งที่ว่างลงในตอนนี้
    ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ จะมีการแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้  เพื่อต้องการให้พรรคมีความเป็นเอกภาพ ซึ่งหัวหน้าพรรคไม่ต้องการให้มีการแบ่งกลุ่มก๊วน หรือมีการต่อรองในเรื่องของการปรับคณะรัฐมนตรีอย่างที่มีกระแสข่าวออกมารายวัน โดยจะต้องเคลียร์ปัญหาภายในพรรคให้เรียบร้อย ก่อนที่จะนัดคุยกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต่อไปถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี
    นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่ายังไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้ เบื้องต้นจะได้เตรียมหารือกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเตรียมการสำหรับนัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ในเวลาที่เหมาะสมต่อไป แต่ขณะนี้ขอแสดงความยินดีกับนายถาวร เสนเนียม และสมาชิกพรรคอีกหลายคนที่ได้รับการปล่อยตัว ขณะนี้เป็นช่วงที่คณะของพรรคมาช่วยกันรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
    นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในส่วนของตำแหน่ง รมช.คมนาคม ที่มีนายถาวร เสนเนียม ส.ส.ของพรรคดำรงตำแหน่งอยู่นั้น เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้วก็มีความชัดเจนว่ามีคุณสมบัติต้องห้ามตามมาตรา 160 (7) ที่จะต้องไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดียังไม่ถึงที่สุด ดังนั้นอำนาจในการปรับ ครม. เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่ขณะนี้ยังไม่มีการส่งสัญญาณใดๆ จากนายกรัฐมนตรีมายังหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค และขณะนี้เป็นช่วงปิดประชุมสมัยสามัญ ส.ส.ของพรรค และบุคลากรของพรรคกำลังอยู่ระหว่างการลงพื้นที่เพื่อรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครศรีธรรมราช จึงยังไม่มีการพูดคุยเรื่องการปรับ ครม. ในส่วนของพรรคว่าจะให้ผู้ใดมาดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลง
         “ทุกคนรวมกลุ่มกันเพื่อลงไปช่วยรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งให้กับ นายพงศ์สินธุ์ เสนพงศ์ ซึ่งเป็นผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ในเขตเลือกตั้งที่ 3 จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งวันนี้ก็มีการจัดทีมลงไปหลายทีม และประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบายของพรรค ที่ได้สื่อสารให้กับพี่น้องในพื้นที่ได้รับทราบว่าที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายที่พรรคได้ประกาศและผลักดันจนประสบความสำเร็จ” นายราเมศกล่าว
       โฆษกพรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยถึงเรื่องการพิจารณาญัตติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระ 2 ว่าพรรคประชาธิปัตย์มีหลักในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนมาตั้งแต่วาระที่ 1 แล้ว ทั้งนี้ ขอขอบคุณสมาชิกรัฐสภาที่มีมติให้ผ่านการพิจารณาในวาระที่ 2 ซึ่งจากรายละเอียดของแต่ละมาตรา โดยเฉพาะมาตรา 256 ได้ให้กลับใช้ร่างเดิม คือการเปิดทางให้แก้รัฐธรรมนูญได้โดยอาศัยเสียง 3 ใน 5 ของสมาชิกรัฐสภา หมายถึงว่าจำนวนตัวเลขของสมาชิกรัฐสภาก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่มาก ทำให้รัฐธรรมนูญเมื่อผ่านการทำประชามติแล้วมีการประกาศใช้มาตรา 256 ก็จะทำให้รัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้ง่ายขึ้น
มี 2 ทางเลือกยุบสภา-ลาออก
         สำหรับเรื่องสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญและสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีการเพิ่มเติมหมวด 15/1 นั้น มีหลายส่วนที่เป็นส่วนที่ดี ทำให้พี่น้องประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วม กล่าวคือการให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 200 คน ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากพี่น้องประชาชน และมีการอภิปรายเพื่อเป็นเจตนารมณ์หลักในการให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหลังจากที่มีสภาร่างรัฐธรรมนูญแล้ว
         โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เมื่อการพิจารณาเข้าสู่วาระที่ 3 พรรคก็มีมติเห็นชอบ โดยที่ประชุม ส.ส.ของพรรคมีมติเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และก่อนหน้านั้นก็มีการย้ำมติในเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง ว่าพรรคมีหลักอย่างชัดเจนในการผลักดันแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ และในวาระที่ 3 ก็ไม่มีปัญหา ก็จะผลักดันอย่างเต็มที่
        ส่วนในระหว่างนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่มีการยื่นไปนั้น นายราเมศกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้มีความกังวล หากศาลมีคำวินิจฉัยออกมาในทิศทางใด พรรคก็พร้อมปฏิบัติตาม และเดินตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนจะมีการยื่นแก้ไขเป็นรายมาตราหรือไม่นั้น ขณะนี้ทั้งในส่วนของวิปพรรคร่วมและในส่วนของพรรคเองก็ยังไม่มีการพูดคุยกัน แต่ที่ผ่านมาพรรคได้มีการเก็บข้อมูลในรายละเอียดแล้วอย่างครบถ้วนว่ามีมาตราใดบ้างที่อาจไม่มีความเป็นประชาธิปไตย หรือเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ ดังนั้นความชัดเจนในเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญต่อจากนี้ คงต้องรอข้อยุติจากศาลรัฐธรรมนูญก่อนที่จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
         นายราเมศยังได้กล่าวถึงการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ที่จะมีการเปิดประชุมรัฐสภา สมัยวิสามัญ ในวันที่ 17-18 มี.ค. นี้ พรรคก็พร้อมจะลงมติเพื่อผลักดันให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านวาระที่ 3 อย่างเต็มที่
    ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการปรับคณะ ครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าสถานการณ์การเมืองวันนี้เริ่มเดินลำบาก หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตั้งหลักให้ดีๆ ไม่คิดด้วยมโนธรรมดีๆ อาจทำให้สถานการณ์การเมืองมีสิทธิ์ช็อกได้ เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีบารมีเพียงพอ กล้วยจะจุกปากท่าน
        เขากล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์พูดไม่ได้ว่าจะปรับใคร และไม่ว่าจะปรับใครเข้า-ออกก็ตาม ความแตกร้าวในพรรคพลังประชารัฐได้ก่อตัวขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แม้แต่ พล.อ.ประวิตร ที่มีบารมีมากกว่า ยังจะประคองสถานการณ์ได้ยาก บรรจบกับความบาดหมางในพรรคร่วมรัฐบาลที่รุนแรงขึ้นเช่นกัน สถานการณ์เช่นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องพิสูจน์ว่าตัวเองมีบารมีพอหรือไม่ มีมโนธรรมแค่ไหน หรือจะแค่หลับหูหลับตาอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็เตรียมนับถอยหลังได้เลย เชื่อว่าหลัง พล.อ.ประยุทธ์ปรับ ครม.ไปแล้วไม่เกิน 3 เดือนรัฐบาลพังแน่นอน
    "หาก พล.อ.ประยุทธ์อยากปลดล็อกให้ประเทศก็มี 2 ทางเลือก คือยุบสภาและลาออก แต่หากยุบสภาโดยที่ยังไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญ เลือกตั้งกันด้วยกฎหมายเดิม แล้วพวกท่านก็กลับมาด้วยโฉมหน้าเดิมๆ ประชาชนและประเทศไม่ได้อะไร และจะมีวิกฤติใหญ่รออยู่ข้างหน้า แต่ถ้าท่านยอมลาออก ให้สภาสรรหานายกฯ คนใหม่ วิธีนี้ประเทศบอบช้ำน้อย ประชาชนและประเทศจะมีโอกาส จะมีความหวังใหม่ๆ เกิดขึ้น ทุกอย่างจะดีขึ้น" นายสุทินกล่าว
    สำหรับความเคลื่อนไหวการปรับ ครม.ประยุทธ์ 2/3 หลังเก้าอี้ว่างลง 3 ที่นั่ง โดยพรรคพลังประชารัฐต้องจับตาการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 2 มี.ค. ที่จะมีการเสนอรายชื่อให้ พล.อ.ประวิตรในฐานะหัวหน้าพรรคพิจารณา ก่อนนำชื่อส่ง พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจ หลังยังเกิดการวัดกำลังกันในพรรค ขณะที่โผปรับ ครม.มีความเคลื่อนไหวของกลุ่ม 3 ช. มากสุด โดยเฉพาะในการขึ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการและการสลับเก้าอี้ และหากมีการขยับโอกาสที่ตำแหน่ง รมช.ว่างลง โดยนอกเหนือแคนดิเดตจากที่เป็นข่าวนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.พลังประชารัฐ เสนอชื่อนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการพรรค ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ผลักดันนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร
    ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มสามมิตรได้เสนอชื่อมาเช่นกัน โดยเสนอมา 2 รายชื่อคือ นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี และนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ ส.ส.ภาคใต้ของพรรค แม้มีข่าวว่า 13 ส.ส.ภาคใต้อยากได้โควตา 1 เก้าอี้ ในการปรับ ครม.ครั้งนี้ แต่มีจุดอ่อนตรงที่ 13 ส.ส.ไม่ได้มีความเป็นเอกภาพ ไม่ได้มีความแนบแน่นกัน ต่างคนต่างเสนอตัวเอง อีกทั้ง ส.ส.ภาคใต้แต่ละคนมีมุ้งในพรรคที่ชัดเจนอยู่แล้ว จึงเสียเปรียบกลุ่มอื่นๆ โอกาสที่จะได้รับการจัดสรรโควตาจึงมีน้อย
    ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ที่ขณะนี้ยังสงวนท่าทีการปรับ ครม. หลังมีเรื่องของกระแสข่าวการปรับเปลี่ยนโควตาและการสลับเก้าอี้ที่นายกฯ ยอมรับว่ากำลังคิดเรื่องการสลับเก้าอี้ โดยเรื่องของสัดส่วนรัฐมนตรีกับจำนวน ส.ส.ที่ปัจจุบันแต่ละพรรคมีการปรับเปลี่ยน แต่ขณะที่ทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ยังขอยึดสัดส่วนโควตาเดิมคือ 7 ต่อ 1.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"