27 ก.พ.64 - นายนคร มาฉิม สมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับกรณีคดี กปปส. โดยมีรายละเอียดดังนี้ว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประมุขฝ่ายบริหาร นางเมธินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา ประมุขฝ่ายตุลาการ ทั้ง 3 คนนี้ ควรละอายแก่ใจ และแสดงความรับผิดชอบจากการกระทำของตนเองที่มีส่วนร่วมกับนายสุเทพเทือกสุบรรนเป่านกหวีด และชัตดาวน์กรุงเทพ ด้วยการลาออกจากตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และ ฝ่ายตุลาการ หลังศาลอาญา มีคำพิพากษาจำคุก นายสุเทพเทือกสุบรรน และคณะ กปปส
นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพเทือกสุบรรน เลขาพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะนั้น (ต่อมาลาออก ไปเป็นเลขาธิการ กปปส ) ได้ร่วมกันพามวลมหาประชาชน เป่านกหวีด ปิดกรุงเทพในฐานะแกนนำ กปปส. อันเป็นการปูทาง และเชื้อเชิญให้ทหารมาทำรัฐประหารยึดอำนาจ เมื่อ ปลายปี 2556 ถึง พฤษภาคม 2557 ตามทฤษฎีสมคบคิด
เมื่อมีการรัฐประหาร และสืบทอดอำนาจของเผด็จการทรราชสำเร็จ
นายชวน หลีกภัย ได้รับการปูนบำเหน็จให้เป็น ประธานรัฐสภา เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งตำแหน่งนี้ไม่เหมาะกับคนที่เป่านกหวีด ปิดกรุงเทพ เพื่อขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หรือ มีพฤติกรรมสนับสนุนให้เผด็จการทหาร เข้ามายึดอำนาจของประชาชน อันมิใช่วิถีทางประชาธิปไตย ไม่เชื่อมั่น ไม่ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย ที่ถือว่าอำนาจ เป็นของประชาชน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในขณะนั้น ลูกน้องเก่า และเป็นผู้ใต้บังคับบัญซาของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในขณะนั้น นอกจากจะไม่ปฎิบัติตามคำสั่งของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้บังคับบัญชาที่ออกคำสั่ง ให้รักษาความสงบเรียบร้อย ตาม พรก. ฉุกเฉิน แล้วยังอ้างความไม่สงบ ที่พวกตนเองสมคบคิดกันสร้างสถานะการณ์ขึ้นมา อ้างเป็นเหตุในการยึดอำนาจประชาชน ทำรัฐประหารปล้นประเทศ ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และสืบทอดอำนาจด้วยการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการ คสช ปี 60 ใช้กลโกงทางกฎหมาย เอารัดเอาเปรียบ ได้อำนาจมาด้วยการคดโกง มีการทุจริตการเลือกตั้ง และการฉ้อฉลหลอกลวงประชาชน ทุกรูปแบบได้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นประมุขฝ่ายบริหาร ที่สืบทอดอำนาจโดยไม่มีความละอาย พร้อมกับได้สร้างวิกฤตชาติบ้านเมือง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง สร้างแต่ความทุกข์ยาก ลำบาก ให้แก่ประชาชน เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า จนถึงทุกวันนี้
นางเมธินี ชโลธร ก่อนมาเป็นประธานศาลฎีกา ได้ไปร่วมกับมวลมหาประชาชน กปปส. เป่านกหวีดขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เป็นรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตย ต่อมาได้รับการปูนบำเหน็จเป็นประธานศาลฎีกา เป็นประมุขฝ่ายตุลาการ ทั้งที่คนที่ไม่มีความเป็นกลางทางการเมือง ไม่มีความเชื่อมั่นและไม่มีความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรดำรงตำแหน่งนี้
ทำให้คนไทย และสังคมโลก ต่างเคลือบแคลง สงสัย ในการบังคับใช้กฎหมายไทยว่า ศาลไทยท่านจะรับใช้เผด็จการ โดยไม่รับใช้ประชาชนบนหลักนิติรัฐ นิติธรรม หรือ เป็นการบังคับใช้กฏหมายสองมาตราฐาน มีการเลือกปฎิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเป็นยุคที่มีการใช้กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือให้ฝ่ายเผด็จการ ใช้ประหัตประหารฝ่ายประชาธิปไตยที่เห็นต่างทางการเมือง เป็นยุคมืด เป็นยุคความเสื่อมถอยของกระบวนการยุติธรรมของไทยครั้งสำคัญที่สุด
เมื่อศาลอาญา ได้พิพากษาว่า การกระทำของนายสุเทพเทือกสุบรรน และคณะ กปปส. ว่ามีความผิด แม้จะถูกลงโทษในสถานเบา แต่ก็ถือว่าได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมาย ตามคำพิพากษาที่ปรากฏชัดเจนต่อสาธารณะแล้ว
นายชวน หลีกภัยประธานรัฐสภา ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ประมุขฝ่ายบริหาร และ นางเมธินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา ประมุขฝ่าย ตุลาการ ทั้ง 3 คน แม้จะไม่ถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับนายสุเทพเทือกสุบรรน กับพวก ต่อศาล ทั้งที่มีภาพ มีข้อมูล ข้อเท็จจริง ต่างกรรมต่างวาระปรากฎ ชัดเจนว่า พวกเขาคือพวกเดียวกัน ร่วมกันเป่านกหวีด ร่วมกันปิดกรุงเทพ ไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนด้วยกันกับ มวลมหาประชาชน กปปส. อันเป็นการปูทางให้พลเอกประยุทธ์ และคณะ คสช. อ้างเป็นเหตุทำการปล้นประเทศ ปล้นอำนาจประชาชน ได้สำเร็จ สอดคล้องกับทฤษฎีการสมคบคิด เพื่อยึดอำนาจประชาชน
ทั้ง 3 คน จึงควรมีความละอาย พิจารณาตัวเอง รับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง ด้วยการลาออกจากตำแหน่งประมุขทั้ง 3 สถาบันหลักของชาติเสีย
ทั้ง 3 คน ไม่ควรลอยหน้าลอยตา เสวยสุข อยู่ในตำแหน่งสำคัญ ยิ่งใหญ่ มีเกียรตินี้ต่อไป เพราะตนเองเป็นต้นเหตุสร้างความทุกข์ยาก ลำบาก ของประชาชน เป็นต้นเหตุให้คณะเผด็จการทหาร เข้ามาความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง ต่อระบอบประชาธิปไตย อย่างย่อยยับจากการกระทำของพวกตน
ตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ประมุขฝ่ายบริหาร และ ประมุขฝ่ายตุลาการ ในระบอบประชาธิปไตย มีคุณค่า เหมาะสม ต่อบุคคลที่รักและศรัทธาต่ออำนาจของประชาชน ต่อบุคคลที่รักและศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |