“หงษ์ทอง” คาดการณ์ราคาหน้าถุงข้าวหอมมะลิขนาด 5 กิโลกรัม ปีนี้ทะลุ 300 บาท เผยซัพพลายไม่พอ บวกต้นทุนเพิ่ม พร้อมกางแผน 5 ปี แตกไลน์ธุรกิจ ดันยอดขายแตะ 1 หมื่นล้านบาท
นายวัลลภ มานะธัญญา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บางซื่อโรงสีไฟ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวตรา "หงษ์ทอง" เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ของฝนที่ตกมาปริมาณมากเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา มีผลกระทบต่อการปลูกข้าวหอมมะลิของเกษตรกร ซึ่งแม้ไม่ได้ลดจำนวนพื้นที่การเพาะปลูก แต่ฝนที่มากเกินไปไม่สามารถทำให้ปลูกข้าวหอมมะลิได้ เกษตรกรต้องหันไปปลูกนาปรังแทน จากปัจจัยดังกล่าวมีผลให้ราคาข้าวหอมมะลิปรับตัวขึ้นต่อเนื่องทุกเดือน หรือหากเทียบเดือน ม.ค. ปีนี้กับปีที่ผ่านมาสูงขึ้น 100%
สำหรับบริษัทได้ทำการเสนอเรื่องการปรับราคาข้าวถุงไปยังกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมาแล้ว โดยยื่นขอปรับราคาหน้าถุงของข้าวหอมมะลิขนาด 5 กิโลกรัมไปประมาณ 290 บาท/ถุง เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ราคาขายอยู่ที่ 260 บาท/ถุง ส่วนตัวเชื่อว่าในปี 2561 นี้หลังมีโอกาสที่จะเห็นราคาข้าวหอมมะลิพุ่งสูงเป็นประวัติศาสตร์ 300 บาท/ถุงอย่างแน่นอน
"ในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการพยายามประคับประคองไม่ให้ราคาขายปลีกสูงจนเกินไป แต่ต้องยอมรับว่าราคาต้นทุนปรับตัวสูงขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว เห็นจากราคาข้าวเปลือกหอมมะลิที่มีแนวโน้ม 18,000 บาทต่อเกวียน แม้ว่าเราจะขอปรับราคาหน้าถุงเป็น 290 บาท แต่ราคาขายจริงของขนาด 5 กิโลกรัมจะอยู่ที่ประมาณ 250 บาท/ถุง นับว่าสูงกว่าเดิมที่จำหน่ายในราคา 220-230 บาท" นายวัลลภ กล่าว
ขณะที่แผนการลงทุนของบริษัทในช่วง 5 ปีนับจากนี้ เบื้องต้นน่าจะใช้เงินลงทุนปีละกว่า 100 ล้านบาท เพื่อยกระดับสายการผลิตไปสู่ระบบอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น โดยโรงงานแรกที่จะติดตั้งออโตเมชั่นคือใน จ. นนทบุรี และจะค่อยขยายไปจนครบทุกแห่งที่มีอยู่ บริษัทมองว่าการลงเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีมากขึ้น จะสามารถช่วยลดต้นทุนได้ 5-10% เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานช่วงปลายการผลิตหรือขั้นตอนของการบรรจุถุงที่เดิมทีต้องใช้แรงงานค่อนข้างเยอะ
พร้อมกันนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการแปรรูปสินค้าเป็นผลิตภัณท์อื่นๆนอกเหนือจากกลุ่มข้าว เพื่อเป็นการสร้างทางเลือกให้ผู้บริโภค และรับกับกระแสสุขภาพในปัจจุบัน เบื้องต้นได้ขยายไลน์กลุ่มสินค้าในหมวดของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อาทิ เครื่องดื่มเสริมพลังงานจากข้าว , เครื่องดื่มน้ำนมข้าวหอมมะลิ รวมถึงการแปรรูปให้เป็นอาหารพร้อมทาน และขยายไปสู่ปลายน้ำในเรื่งของช่องทางจัดจำหน่ายสินค้า โดยปัจจุบันทางบริษัทมีร้านค้าปลีกในขื่อ "หงษ์ทองเฮลท์สเตชั่น " จำนวน 3 สาจา โดยล่าสุดได้เข้าไปซื้อกิจการของร้าน "ใบเมี่ยง" จำนวน 4 สาขา ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาแนวคิดของร้านเพื่อสุขภาพแนวใหม่ รวมถึงการขยายไลน์สินค้าในกลุ่มเครื่งสำอางอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ด้านยอดขายของปี 2561 ตั้งเป้าหมายว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 10-15% จากปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นสัดส่วนการขาย(เชิงปริมาณ)ในประเทศ 55% และ ต่างประเทศ 45% ทั้งยังตั้งเป้ายอดขายเป็น 9,000 -10,000 ล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า จากที่ผ่านมายอดอยู่ที่ 5,000 กว่าล้านบาทมาหลายปีแล้ว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |