กปปส.เฮ! ศาลอุทธรณ์สั่งปล่อยตัวชั่วคราว 8 แกนนำ ระบุไม่มีพฤติการณ์หลบหนี โทษไม่สูงมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง วางหลักทรัพย์ประกันตัว 8 แสนบาท ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ "สุเทพ" ยันเคารพกระบวนการยุติธรรม น้ำตาคลอเสียใจ“ณัฏฐพล-พุทธิพงษ์” หลุดเก้าอี้ รมต. “ชุมพล-อิสสระ-ถาวร” พ้นส.ส. ลั่นไม่ทิ้งกัน กอดคอต่อสู้เพื่อชาติต่อไป ก่อนไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัดชลประทานฯ “ณัฏฐพล” โอดไม่คิดจะหนักขนาดนี้รับมีผลกระทบหลายเรื่อง
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ช่วงเช้าวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ศาลอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์กรณี 8 จำเลยแกนนำกลุ่ม กปปส.ยื่นประกันตัว หลังถูกศาลอาญาซึ่งเป็นศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกคดีชุมนุม กปปส. โดยศาลชั้นต้นให้ส่งศาลอุทธรณ์พิจารณาประกันตัวเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งระบุว่า พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว จำเลยเคยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นมาก่อน ไม่ปรากฏว่าจำเลยมีพฤติการณ์จะหลบหนีหรือไม่มาศาลตามกำหนดนัด แม้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย แต่โทษจำคุกสำหรับความผิดในแต่ละกระทงก็ไม่สูงนัก อีกทั้งจำเลยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ตีราคาประกัน 800,000 บาท และห้ามจำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น โดยให้ศาลชั้นต้นแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดยเร็ว
ดังนั้น จำเลยทั้ง 8 ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำเลยที่ 1, นายชุมพล จุลใส จำเลยที่ 3, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จำเลยที่ 4, นายอิสสระ สมชัย จำเลยที่ 5, นายถาวร เสนเนียม จำเลยที่ 7, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จำเลยที่ 8, นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพุทธะอิสระ จำเลยที่ 16 และเรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ จำเลยที่ 24 ซึ่งถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะได้รับการปล่อยตัวต่อไป
ด้านนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความแกนนำ กปปส. ออกมาเปิดเผยว่า รองอธิบดีศาลอาญาได้อ่านคำสั่งการปล่อยตัวชั่วคราวของศาลอุทธรณ์ให้ฟัง โดยพิจารณาแล้วจำเลยทั้ง 8 คน ได้รับการประกันตัวและปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้ตีราคาหลักทรัพย์ประกันตัวจำนวน 800,000 บาท จากเดิมที่ยื่นไว้ 600,000 บาท โดยวันนี้จะมีการวางหลักทรัพย์เพิ่ม 200,000 บาท ซึ่งได้เตรียมมาแล้ว พร้อมเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
ส่วนที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีมวลชน กปปส.สวมเสื้อหลวงเตรียมดอกกุหลาบมามอบให้กำลังใจแกนนำ กปปส. บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ส่วนแกนนำ กปปส.ที่เดินทางมาคอยต้อนรับประกอบไปด้วย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก และทีมงาน พร้อมกันนี้มวลชน กปปส.จะร่วมกันทำกิจกรรมวางดอกไม้หน้าป้ายเรือนจำเพื่อรำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิตระหว่างการชุมนุม โดยมีสื่อมวลชนทุกแขนงมารอทำข่าวจำนวนมาก
ต่อมาเวลา 10.50 น. นายอำนวย กลิ่นอยู่ พร้อมมวลชนเสื้อเหลืองประมาณ 20 คน ที่มาจากหลายสถานที่มารวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ 7 แกนนำ กปปส. หลังศาลอุทธรณ์ให้ปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมชูป้ายไวนิลสีขาวตัวอักษรสีแดง "แด่..วีรบุรุษ กปปส. เสียสละเพื่อชาติและแผ่นดิน"
นายอำนวยกล่าวว่า มาในนามประชาชนคนไทยที่รักความยุติธรรม มาเพื่อให้กำลังใจกับวีรบุรุษที่เสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง ซึ่งความจริงแล้วกลุ่มคนเหล่านี้อยู่บ้านสบายกว่า ไม่ต้องออกมาต่อสู้ขนาดนี้ เมื่อศาลตัดสินเขาก็เคารพคำพิพากษา ไม่เหมือนกับรัฐมนตรีอีกหลายคนที่ศาลตัดสินแล้วหลบหนี หรือบางคนอยู่นอกเรือนจำ ทำไมมาตรฐานไม่เหมือนกัน อยากถามผู้รู้ มาตรฐานอยู่ตรงไหน
ยังยึดมั่นในอุดมการณ์สู้ต่อไป
ต่อมาเวลา 12.10 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายชุมพล จุลใส, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์, นายอิสสระ สมชัย, นายถาวร เสนเนียม, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ และ 24 เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ ได้เดินออกจากเรือนจำ โดยมีมวลชนประมาณ 100 คน นำดอกไม้มอบให้กำลังใจแกนนำกันอย่างอบอุ่น
นายสุเทพเปิดเผยว่า ขอเป็นตัวแทนพี่น้องที่ถูกดำเนินคดีและกักขังอยู่ที่เรือนจำ ขอขอบคุณพี่น้องมวลมหาประชาชนที่ได้เอาใจช่วยสวดมนต์ไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กับพวกเราทั้งหลาย ขอยืนยันแทนพี่น้องทุกคนว่า พวกเรายังยึดมั่นในอุดมการณ์ที่จะทำงานเพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเพื่อประชาชนต่อไป ไม่ว่าจะเผชิญกับอะไรก็ตาม ขอเรียนให้ทราบว่า พวกเราทุกคนทั้งที่ถูกดำเนินคดีไปแล้วและที่กำลังถูกดำเนินคดีอยู่ เราเคารพกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย เราเดินหน้าพิสูจน์ความจริงตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม เรามุ่งผลประโยชน์ของประเทศชาติและผลประโยชน์โดยรวมเป็นหลัก สำหรับการประกันตัวออกมาได้วันนี้ จะด้วยเหตุผลอย่างไร หรือมีความเป็นมาอย่างไร ขออนุญาตที่จะไม่กล่าวถึง เมื่อได้รับการประกันตัวออกไป ผมก็จะไปรวบรวมพยานหลักฐานข้อเท็จจริงจากสำนวนที่ได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันในศาลมาแล้ว จะรีบทำเรื่องเพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป
นายสุเทพกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ในระหว่างนี้ที่ผมเสียใจมาก พี่น้องผม คุณณัฏฐพล ทีปสุวรรณ คุณพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ซึ่งผมถือว่าเป็นกำลังของประชาชนในการทำงานในรัฐบาลชุดนี้ แต่สองคนนี้เข้าไปเป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลไม่ใช่ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนของพวก กปปส. ไม่ได้หวังว่าคนของพวกเราจะมีตำแหน่งอะไร แต่ด้วยเขาเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เขาจึงได้ไปทำหน้าที่นั้น เราก็ภูมิใจในฐานะที่เป็นพี่น้องเรา เห็นใจเขาตอนเช้าเดินมาขึ้นศาล ยังเป็น ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการอยู่ พอตอนบ่ายกลับเป็นผู้ต้องขังชายไปแล้ว เป็นการเปลี่ยนแปลงฉับพลันรุนแรงไม่รู้เนื้อรู้ตัว และไม่คาดคิดว่าคดีความจะโดนตัดสินมากมายขนาดนี้ แต่ตนไม่ได้ตำหนิศาล แต่พูดถึงความรู้สึกของเขา
“ที่ผมรู้สึกเสียใจอีกประการหนึ่งคือ คุณชุมพลและคุณอิสสระ คุณถาวร ซึ่งก็เป็นพี่น้อง กปปส.ของเรา และเป็นผู้แทนราษฎรอยู่ในสภา ถือว่าเป็นผู้แทนน้ำดี ผลจากคำพิพากษาทำให้ทั้ง 3 ท่านต้องพ้นตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไป หมดโอกาสที่จะเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยต่อไป แถมยังถูกตัดสิทธิ์การเลือกตั้งด้วย ซึ่งก็น่าเห็นใจ ผมขอแสดงความเห็นใจ เสียใจไปถึงพี่น้องชาวจังหวัดชุมพร และพี่น้องชาวอุบลราชธานี แต่สำหรับพวกผมเองยืนยันว่ายังยืนยันเหมือนเดิมไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะไม่ทอดทิ้งกัน เราจะกอดคอพี่น้องเราต่อสู้เพื่อชาติเพื่อแผ่นดินต่อไป แม้คนของเราบางคนจะถูกติดคุก หรือผมและพรรคพวกอาจจะติดคุกในวันข้างหน้า ซึ่งดูท่าทางแล้วไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ แต่ทำใจได้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่แกนนำ กปปส.ทั้ง 8 คนจะเดินทางกลับ ได้ไปยืนทำความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แสดงออกถึงการรักชาติ รักแผ่นดิน และสถาบันพระมหากษัตริย์
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ว่า เรายอมรับในกระบวนการยุติธรรม นั่นคือสิ่งที่ทำให้ประเทศเดินต่อไปได้ นั่นคือเรื่องสำคัญ ถ้าหากประเทศเราเดินหน้าไปด้วย ระบบยุติธรรมที่แข็งแรง จะทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาหลายๆอย่างได้ ถามว่าเสียดายโอกาสในการทำงานไหม ก็เป็นธรรมดา เรากำลังขับเคลื่อนเรื่องการศึกษาเพื่อผลประโยชน์ของนักเรียน และผลประโยชน์แห่งการศึกษาไทย
ไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้
"เราต้องยอมรับ เมื่อวันที่เราเลือกเดินมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง เราพอทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะหนักขนาดนี้ อันนี้ก็เป็นอุทาหรณ์ให้คนที่จะทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องมีการเตรียมพร้อม เรายังพอมีทางเดินไปข้างหน้า เป็นกำลังใจให้ทุกคน"
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินการทางการเมืองต่อไปอย่างไรหลังจากนี้ นายณัฏฐพลหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนตอบว่า ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวผมเอง ก็คิดหนักพอสมควร แต่การทำความดีเพื่อประเทศชาติ ถ้าหากไม่สามารถทำได้ในบริบทใหญ่ ก็สามารถทำอย่างอื่นใด
ถามอีกว่าการปรับ ครม.ที่จะมีขึ้นจะมีส่วนในการตัดสินใจช่วยนายกฯ หรือไม่ นายณัฏฐพลกล่าวว่า คงไม่มีส่วนอะไร นายกฯ เป็นคนตัดสินใจเพียงคนเดียวเพื่อความเหมาะสม พวกเราคงไม่มีสิทธิ์อะไรในตรงนั้น ส่วนความสัมพันธ์ในพรรคพลังประชารัฐ เมื่อไม่ได้เป็น ส.ส. แล้วยังเป็นผู้บริหารพรรคหรือไม่ ส่วนตัวคงตัดสินใจลำบาก เราเดินทางมาในแนวทางที่เราคิดว่าถูกต้อง ต้องขอเวลาคิดก่อน
เมื่อถามว่าจะยุติบทบาทในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือไม่ นายณัฐฏพลตอบว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็ได้คิดหนักพอสมควรในกระบวนการที่เดินมา การทำงานเพื่อประเทศมีหลายบริบท เราคิดว่าเราเดินอย่างเต็มที่ เพื่อสิ่งที่ดีกว่าสำหรับประเทศชาติและคนไทยทุกคน วันนี้อาจจะไม่ได้อย่างที่คิด ก็อาจจะมีแนวทางอื่น
ถามอีกว่า หลังจากนี้จะมีโควตารัฐมนตรีจากกลุ่ม กปปส.หรือไม่ อดีต รมว.ศธ.ตอบว่า การที่เราเข้ามาดำรงตำแหน่ง เราเข้ามาด้วยความสามารถ และการแก้ปัญหาต่างๆ ตามกระทรวงที่ได้รับมอบหมาย หวังว่าประชาชนจะเข้าใจตรงนั้น ช่วงเวลาที่ผ่านมาถึงจะมีเหตุขรุขระ เรายังมั่นใจว่าเราได้ทำประโยชน์ พยายามปฏิรูป แม้จะไม่ใช่ก่อนเลือกตั้ง ระหว่างเลือกตั้งหรือหลังเลือกตั้ง แต่ตัวแทนของ กปปส.ได้ทำหน้าที่ในการปฏิรูปในบริบทที่เราสามารถทำได้ แม้ว่าจะไม่สามารถทำได้ในภาพใหญ่ เราก็ทำในกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงดิจิทัลฯ และกระทรวงคมนาคม
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ต่อจากนี้จะสามารถรักษาบทบาทของ กปปส.ไว้ได้หรือไม่ อดีตแกนนำ กปปส.กล่าวว่า ต้องระมัดระวัง ต้องดูเงื่อนไขของการประกัน มีข้อห้ามอะไรบ้าง การสนับสนุนของประชาชนในวันนี้ หรือทางโซเชียลฯ ก็เป็นพลังอันหนึ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจในการทำงานเพื่อประเทศชาติ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่จะทำให้เราดีขึ้น
ด้านนายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า การที่เราได้ทำตามกฎของกรมราชทัณฑ์ โดยกินอยู่หลับนอนเหมือนนักโทษคนอื่น เป็นสิ่งที่ได้ประสบการณ์ชีวิต เป็นการอยู่ในเรือนจำที่มีความสุขมาก ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยคมนาคมของตนได้สิ้นสุดลงตั้งแต่ศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว ส่วนการเป็น ส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์ยังคงอยู่ จนกว่าศาลจะพิพากษาให้ตนถูกจำคุก ถึงวันนั้นการเป็น ส.ส.จะสิ้นสุดลงทันทีเช่นกัน
ขณะที่นางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยานายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ซึ่งได้รับการประกันตัว ได้โพสต์ภาพบนเฟซบุ๊กภารกิจหลังจากแกนนำกลุ่ม กปปส. นายสุเทพพร้อมกับครอบครัวได้เดินทางไปยังวัดชลประทานฯ เพื่อทำบุญถวายสังฆทาน โดยระบุข้อความว่า ออกจากเรือนจำ และวันนี้เป็นวันมาฆบูชาด้วย แกนนำและครอบครัวได้ไปถวายสังฆทานที่วัดชลประทานฯ ท่านเจ้าอาวาสกรุณาอยู่รอและได้สวดมนต์ พรมน้ำมนต์ พร้อมทั้งแสดงธรรมสั้นๆ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและให้สติพวกเราทุกคน…
"ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ ชีวิตต้องไม่สิ้นหวัง ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่เศร้า เพราะความรู้สึกเหล่านั้นคือนิวรณ์ ที่จะทำให้เราหม่นหมอง และไม่มีความสงบสุข….หากเปรียบชีวิตเป็น “น้ำ” ไม่ว่าจะเจอสภาพแวดล้อมอย่างไร เจอลม เจอไฟ เจอพายุ น้ำ ก็คือ น้ำ ย่อมสามารถปรับตัวได้ ขอให้ทุกคนสงบนิ่งเหมือนน้ำ และเป็น น้ำที่สร้างคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติต่อไป” สาธุ
ฟันธงพ้นรมต.แต่ไม่พ้นสส.
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพปชร.ฝ่ายกฎหมาย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. และนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในระหว่างอุทธรณ์ว่า ส่วนตัวมีความเห็นว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์มีผลให้ ส.ส.ทั้ง 2 คน ไม่สิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. เพราะมิใช่เป็นเหตุให้ ส.ส.สิ้นสุดสมาชิกภาพตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (6) ซึ่งบัญญัติว่า ต้องคําพิพากษาให้จําคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล ดังนั้น ส.ส.ทั้ง 2 คน แม้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ก็ยังคงมีสถานะเป็น ส.ส.ต่อไป
จากกรณีศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว 8 อดีตแกนนำ กปปส. เดินทางออกมาจากเรือนจำและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน มีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดแกนนำทั้งหมดไม่ถูกตัดหรือกล้อนผม ทำให้แกนนำราษฎรและชาวเน็ตตั้งคำถามกรมราชทัณฑ์ในโลกออนไลน์ เรื่องของทรงผมผู้ต้องขังที่แตกต่างไปจากกลุ่มราษฎรที่พ้นออกจากเรือนจำในช่วงที่ได้รับการประกันตัว อีกทั้งยังมีประเด็นสิทธิพิเศษการเข้าเยี่ยมญาติของกลุ่ม กปปส.
ต่อมาเพจเฟซบุ๊กเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้เผยแพร่ข้อความชี้แจงว่า ตามที่ได้มีการลงข่าวของสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2564 ว่าราชทัณฑ์ให้สิทธิพิเศษกับแกนนำ กปปส. ที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ให้ครอบครัว และคนใกล้ชิดสามารถเยี่ยมได้นั้น ขอเรียนว่าในวันดังกล่าวได้มีทนายมาพบกลุ่มผู้ต้องขัง และในขณะเดียวกันได้มีญาติๆ ของผู้ต้องขังได้มาติดต่อฝากเงิน หรือซื้อสินค้าเพื่อส่งให้ผู้ต้องขัง และการพบทนายเป็นการพบผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยทนายเริ่มเข้าพบกับผู้ต้องหาทีละคน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึงเวลา 13.00 น. และพื้นที่ ที่ใช้เยี่ยมทางจอภาพเป็นพื้นที่ในห้องเยี่ยมทนายความ พื้นที่อยู่ใกล้กับพื้นที่รับฝากเงินและซื้อของฝาก (ซึ่งญาติที่มาฝากเงินสามารถมองเห็นได้ แต่ไม่สามารถที่จะเข้าไปพูดคุยในห้องทนายความได้ เนื่องจากเป็นห้องกระจก) ซึ่งในเวลานี้ทางเรือนจำได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 โดยเรือนจำอนุญาตให้เยี่ยมเฉพาะทนายความ ล่าม พนักงานสอบสวน และผู้ที่ผู้ต้องหาไว้วางใจและร้องขอให้เข้าร่วมรับฟังการสอบสวน หรือในกรณีที่ญาติต้องหาเข้าไปแนะนำทนายความ ให้ผู้ต้องหารู้จักในครั้งแรกเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม มีชาวเน็ตเข้าไปสอบถามในประเด็นเรื่องการตัดผมผู้ต้องขัง เรียกร้องให้ทางเรือนจำชี้แจง ทั้งนี้ มีผู้มาแสดงความคิดเห็นว่า ผมต้องตัดทุกคนตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปอยู่ บางคนก็บอกว่าอาจจะมีการอ้างว่ารอการประกันตัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบข้อมูลที่มีการเผยแพร่เรื่อง ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการตัดผมผู้ต้องขัง-2557 พบว่า กำหนดลักษณะทรงผมของนักโทษชายไว้ 2 ทรงคือ 1.ทรงผมนักโทษเด็ดขาด 2.ทรงผมคนฝากและคนต้องขังนักโทษเด็ดขาด หมายถึงบุคคลซึ่งถูกขังไว้ตามหมายจำคุกภายหลังคำพิพากษาถึงที่สุด และรวมถึงบุคคลซึ่งถูกขังไว้ตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้ลงโทษด้วย คนต้องขัง หมายถึงบุคคลที่ถูกขังไว้ตามหมายขัง คนฝาก หมายถึงบุคคลที่ถูกฝากให้ควบคุมไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นโดยไม่มีหมายอาญา สำหรับทรงผมของนักโทษ นักโทษเด็ดขาดชาย ให้ตัดผมสั้นด้านหน้าและกลางศีรษะยาวไม่เกิน 5 ซม. ชายผมรอบศีรษะเกรียนชิดผิวหนัง ส่วนคนฝากและคนต้องขังชายให้ตัดผมแบบชนสามัญ เว้นแต่อธิบดีสั่งผ่อนผันเป็นพิเศษสามารถตัดผมแบบอื่นก็ได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |