มาเป็นระลอกจริงๆ สำหรับคดีทุจริตเงินทอนวัด หลังล่าสุดกองปราบปราม ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นำหมายค้นศาลจังหวัดมีนบุรีเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 265/154 หมู่บ้านสีวลีรามคำแหง ถนนราษฎร์พัฒนา (ซอยมิสทีน) แขวงและเขตสะพานสูง กทม. ที่มีชื่อ ร.ท.ฐิติทัตน์ นิพนธ์พิทยา ทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นเจ้าของ

     หลังสืบทราบว่า น.ส.นุชรา สิทธินอก อายุ 32 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบุคคลที่พักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวรับโอนเงินจำนวน 25 ล้านบาท จากพระผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด

     แต่ปรากฏว่า น.ส.นุชรา เป็นเพียงแม่บ้านที่มารับงานเสริม มาช่วยเลี้ยงดูบุตรหลานให้กับเจ้าของบ้าน โดยอาชีพหลักคือ แม่ค้าขายลูกชิ้นที่ตลาดสี่มุมเมือง

     เรื่องยิ่งมีความไม่ชอบมาพากล นอกจาก น.ส.นุชรา ที่เป็นเพียงแม่บ้าน แต่ยังไปมีชื่อเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) ดี ดี ทวีคูณ ที่จดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 28 ม.ค.52 ทุน 3,500,000 บาท แจ้งที่อยู่เลขที่ 265/154 หมู่บ้านสิวลีรามคำแหง ซึ่งเป็นหลังเดียวกับที่ตำรวจเข้าตรวจค้น

     น.ส.นุชรา จึงถูกมองว่าเป็น "นอมินี" ขณะที่เจ้าของบ้านอย่าง ร.ท.ฐิติทัตน์ กลายเป็นคนที่ถูกเพ่งเล็งแทน โดยเฉพาะเมื่อมีการขุดคุ้ยพบว่า เขาคือนายทหารที่ถูก นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ดึงตัวจาก ศรภ. ไปช่วยงานในตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าฯ สตง. ในช่วงที่ผ่านมา

     เมื่อมีการขุดค้นประวัติเก่าๆ ของ ร.ท.ฐิติทัตน์ พบว่า เข้า-ออกวัดสระเกศฯ อยู่เป็นประจำ และเคยอุปสมบทที่วัดแห่งนี้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2559

     ภายในงานอุปสมบทครั้งนั้น ปรากฏภาพ "พิศิษฐ์" เป็นประธานงานบวชดังกล่าว ซึ่งมีแขกเหรื่อไปร่วมงานจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ นายบุญเลิศ โสภา อดีตผู้อำนวยการกองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเงินทอนวัดล็อตที่ 2 คล้องพวงมาลัยให้ ร.ท.ฐิติทัศน์ เช่นกัน

     ขณะที่การบวชครั้งนั้น ร.ท.ฐิติทัตน์ หรือ "หมวดฐิติทัตน์" มี พระพรหมสิทธิ หรือ "เจ้าคุณธงชัย" เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 พระผู้ใหญ่ที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการ พศ.แจ้งข้อหาในคดีเงินทอนวัดล็อตที่ 3 เป็น "พระอุปัชฌาย์"

     ขณะเดียวกัน ยังมี พระราชกิจจาภรณ์ หรือ "เจ้าคุณเทอด" กับ พระเมธีสุทธิกร หรือ "เจ้าคุณสังคม" ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ที่เป็น 2 ใน 5 พระผู้ใหญ่ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาคดีเงินทอนวัดในล็อตที่ 3 เป็น "พระพี่เลี้ยง" อีกด้วย

     นอกจากนี้ ร.ท.ฐิติทัตน์ ยังเป็นหลานชายของ นายปรีชา นิพนธ์พิทยา อดีต ส.ว.จังหวัดนครปฐม และเป็นน้องชายของ น.ส.ฑัมมพร นิพนธ์พิทยา เจ้าของ หจก. ดี ดี ทวีคูณ ที่มีข่าวว่ามีความสนิทสนมกับพระผู้ใหญ่วัดดังที่กำลังตกเป็นข่าว เคยเดินทางไปต่างประเทศในโครงการของ พศ.มาแล้ว

     และยังมีกระแสว่า น.ส.ฑัมมพร มีความสนิทสนมกับ นายบุญเลิศ โสภา เจ้าหน้าที่ พศ. ที่กำลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเงินทอนวัดล็อตที่ 2 เช่นกัน

     สาเหตุที่ "พิศิษฐ์" อดีตมือปราบค่ายพระราม 6 ถูกโยงกับเรื่องนี้ด้วย ส่วนหนึ่งเพราะ "หมวดฐิติทัตน์" เคยเป็นเลขานุการผู้ว่าฯ สตง. ที่สำคัญ ในระยะหลังมานี้ "พิศิษฐ์" คือคนหนึ่งที่มักออกมาให้ข่าวในเชิงปกป้องพระผู้ใหญ่ที่ถูกแจ้งความในคดีเงินทอนวัด

     ทั้งที่ก่อนหน้านี้ "พิศิษฐ์" เคยเป็นคีย์แมนสำคัญในการปราบการทุจริตต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการใช้งบประมาณของวัด

     ย้อนกลับไปสมัยพระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือ "สมเด็จเกี่ยว" อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ "พิศิษฐ์" ได้เข้าไปตรวจสอบการใช้งบประมาณดังกล่าวว่ามีความไม่ชอบมาพากล จนเป็นเหตุให้พระพรหมดิลก หรือ (เจ้าคุณเอื้อน) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร สั่งพักงาน พระพรหมสุธี หรือ "เจ้าคุณเสนาะ"

     แล้วแต่งตั้ง พระพรหมสิทธิ หรือ "เจ้าคุณธงชัย" ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ แทนจนถึงปัจจุบัน

     แต่มาวันนี้เมื่อ "เจ้าคุณธงชัย" ถูก พ.ต.ท.พงศ์พร แจ้งความ "พิศิษฐ์" ในวันนั้นที่ตรวจสอบอย่างขะมักเขม้น กลับรับหน้าที่ออกมาชี้แจงแทนแบบที่ใครหลายคน "งงเป็นไก่กาแตก" เหตุนี้เลยทำให้ "พิศิษฐ์" ถูกลากเข้ามาอยู่ในข่ายต้องสงสัย

     แม้ขณะนี้เขายังไม่เกี่ยวข้องอะไร แต่ถือว่า "เสียรังวัด" มือปราบทุจริตที่ใครต่อใครเคยยกย่องพอสมควร.