"พรเพชร” สั่งถอย! พร้อมปรับลดงบไอทีรัฐสภาใหม่ ปัดไม่มีอำนาจก้าวก่ายงานประจำ อ้างทักท้วงแล้วจาก 3 พันล้านเป็น 8 พันล้านราคาแพงไป แต่สำนักเลขาฯ สภาชี้แจงระบบเทคโนโลยีทันสมัยแนะยึดหลักพอเพียง ด้านเลขาฯ สภาแจงเหตุแพงเพราะระบบ 4 เค ไมค์ 1.2 แสนใช้ระบบสแกนนิ้ว นาฬิกา 7 หมื่นเดินตรงกันหมด ยันไม่ดื้อยอมลดสเปกไปใช้ระบบอนาล็อก
ที่รัฐสภา วันที่ 17 พฤษภาคม นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงปัญหาการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ว่า ปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ และข้อสงสัยกรณีงบไอทีที่ตัดออกตั้งแต่แรกเริ่มของรัฐสภาแห่งใหม่นั้น ตนไม่ทราบ และคงต้องไปสอบถามคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2556 ซึ่งเป็นผู้อนุมัติโครงการและงบประมาณ อย่างไรก็ตาม การตัดงบไอทีออกตั้งแต่แรก ส่วนตัวเข้าใจเองว่าอาจเป็นเพราะอาคารยังไม่สร้าง ประกอบกับระบบไอทีมีการพัฒนาตลอดเวลา คนที่จะตอบปัญหาดังกล่าวได้คือ คนที่อนุมัติโดยตรง
“ผมมาตอนนี้ก็เพื่อมาแก้ไขปัญหา ประธาน สนช.ไม่มีอำนาจก้าวก่ายงานประจำสภา ได้แต่กำกับดูแลนโยบายต่างๆ ดังนั้นจะทำสัญญาอะไร ตรวจรับงานอย่างไร ไม่มีผมเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมมีหน้าที่เพียงดูแลให้การก่อสร้างเป็นไปตามสัญญา”
ประธาน สนช.กล่าวต่อว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จึงได้เสนอของบประมาณเพิ่มเติมจำนวน 8,000 ล้านบาท เพื่อติดตั้งระบบไอทีและสาธารณูปโภคบางส่วน แต่ตนได้ทักท้วงว่ามีราคาแพง เพราะตามมติ ครม.เดิมงบไอทีใช้เพียงแค่กว่า 3,000 ล้านบาท แต่ได้รับคำชี้แจงว่าระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น ระบบไมโครโฟน ระบบการบันทึกการลงคะแนน ระบบการรักษาความปลอดภัย และระบบการตรวจสอบองค์ประชุม มีความทันสมัยขึ้น จึงมีราคาสูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งได้ย้ำไปแล้วว่า หากเสนอราคาเช่นนี้ ต้องอธิบายให้ได้ และสั่งการให้เลขาธิการสภาฯ ชี้แจงเหตุผลในวันที่ 18 พ.ค.นี้ ว่าเหตุใดงบประมาณด้านไอทีจากที่เคยตั้งไว้เมื่อปี 2556 จำนวนกว่า 3,000 ล้านบาท จึงเพิ่มเป็น 8,000 ล้านบาท ส่วนจะเป็นการเสนอเกินความจำเป็นจากการใช้งานหรือไม่นั้น ตนมองอย่างสามัญชนว่า คนที่อยากได้คงอยากได้ของดี แต่ตนไม่ได้มองอย่างนั้น เห็นว่าควรเอาแบบพอเพียงก็พอแล้ว
นายพรเพชรกล่าวอีกว่า เข้าใจว่าเหมือนคนที่มีไอโฟน 7 แต่อยากได้ไอโฟน 10 ก็ต้องถามว่ามีความจำเป็นหรือไม่ ต้องตอบสังคมให้เข้าใจ เพราะข้อทักท้วงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีเหตุผล ตนได้บอกไปว่าหากสำนักงบประมาณคิดว่าเราควรได้งบเท่าไหร่ ก็ให้เป็นไปตามนั้น
ส่วนกรณีที่นายกฯ ตั้งข้อสังเกตว่าราคาไมโครโฟนและนาฬิกามีราคาแพงเกินเหตุ นายพรเพชรกล่าวว่า ขอให้เลขาธิการสภาฯ เป็นผู้ชี้แจง ตนตั้งข้อสังเกตไปแล้วเช่นกันว่า เหตุใดงบไอทีจึงสูงขึ้นจากกว่า 3,000 ล้านบาท เป็น 8,000 ล้านบาท และคิดว่างบ 8,000 ล้านบาทนั้นมากเกินไป ต้องลดลงมาให้อยู่ในระดับที่มีความจำเป็น โดยขอให้เลขาธิการสภาฯ เป็นผู้ชี้แจง ทั้งนี้ ใครทำอะไรที่ไม่ชอบ เสนอโครงการในเชิงทุจริต ต้องถูกจับได้แน่ เพราะเคยมีตัวอย่างมาแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังไล่สะสางไม่หมด
เมื่อถามว่า การจัดซื้อจัดจ้างระบบไอทีของรัฐสภาแห่งใหม่เป็นการใช้วิธีพิเศษ ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา (กร.) ที่มีนายพรเพชรเป็นประธาน นายพรเพชรกล่าวว่า กร.ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการจัดซื้อ มีหน้าที่แค่พิจารณาวินัยของข้าราชการ ส่วนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ เป็นเรื่องของสำนักเลขาธิการสภาฯ เป็นผู้เสนอมา แต่ถ้ามีการทุจริตเกิดขึ้น ก็ต้องถูกจัดการแน่นอน ส่วนการจัดซื้อโทรทัศน์ราคาเครื่องละ 1.7 แสนบาท ที่เกินกว่าราคาตลาดหลายเท่าตัวนั้น ตนไม่ทราบ เพราะไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง การของบเป็นหน้าที่ของสำนักเลขาธิการสภาฯ เข้าไปก้าวก่ายไม่ได้ แต่ยืนยันว่ายังไม่มีการทุจริตเกิดขึ้น เพราะยังไม่มีการจัดซื้อ ส่วนถ้า ครม.อนุมัติงบไอทีล่าช้า จะกระทบให้การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เสร็จไม่ทันตามกำหนดหรือไม่นั้น ก็อาจจะสัมพันธ์กัน แต่จะพยายามให้มีผลกระทบให้น้อยที่สุด
นายพรเพชรกล่าวด้วยว่า ระหว่างนี้พยายามให้บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เดินหน้าก่อสร้างอาคาร แต่ทางบริษัทพยายามเลี่ยงจะทำงานบางส่วน เช่น ปิดเพดานจำเป็นต้องปิดแล้ว เมื่อถามว่าหากปิดเพดานไปแล้ว และมีการติดตั้งระบบไอทีในภายหลังต้องรื้อเพดาน ซึ่งจะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม นายพรเพชรชี้แจงว่า “ก็คงจะเป็นอย่างนั้น” ถามย้ำว่าหากปรับลดงบไอทีได้ แต่ก็ต้องไปเพิ่มที่งานรื้อถอนเพื่อติดตั้งระบบไอทีในภายหลัง นายพรเพชรกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่รื้อ ทั้งนี้ทุกอย่างต้องถามเลขาฯ
เมื่อถามต่อว่า งบประมาณจะบานปลายหรือไม่ ประธาน สนช.กล่าวว่า "ผมถึงมีนโยบายว่าทำให้ได้ โดยใช้งบประมาณที่น้อยลง"
ด้านนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ กล่าวว่า ตามหลักการต้องปรับลดงบประมาณด้านไอที การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ลงแน่นอน แต่จะปรับลดลงเท่าใด คงต้องหารือในที่ประชุมวันที่ 18 พ.ค.นี้ก่อน สาเหตุที่อุปกรณ์มีราคาแพง เนื่องจากเป็นระบบเทคโนโลยีระดับสูงรองรับระบบ 4 เคในอนาคต อาทิ ไมโครโฟน ราคา 1.2 แสนบาท มีคุณสมบัติพิเศษคือใช้ระบบสแกนนิ้ว เพื่อแสดงตัวตนของสมาชิกรัฐสภาได้อย่างชัดเจนก่อนการลงมติหรือลงคะแนนมาใช้แทนระบบเสียบบัตรแสดงตนที่เคยมีปัญหาเสียบบัตรแทนกัน และระบบดังกล่าวเชื่อมต่อกับจอคอมพิวเตอร์ สามารถเห็นหน้าผู้อภิปรายได้ ส่วนนาฬิการาคา 7 หมื่นบาท ที่ติดตั้งทั่วอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ที่มีพื้นที่กว่า 4 แสนตารางเมตร มีการควบคุมผ่านระบบไอที ทำให้นาฬิกาทุกเรือนเดินตรงกันหมด เพื่อประโยชน์ของสมาชิก ไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ใด จะไม่มีปัญหาเรื่องการเข้าห้องประชุมไม่ทัน เนื่องจากนาฬิกาเดินไม่ตรงกัน ทำให้นาฬิกามีมูลค่าสูง
“ถ้าเห็นว่าระบบ 4 เค หรือระบบดิจิทัลมีราคาสูง ก็พร้อมปรับลดสเปกกลับมาใช้ในระบบอนาล็อกก็ได้ ในสถานการณ์ที่ถูกท้วงติง ต้องปรับลดงบประมาณลงมาแน่นอน แต่ระบบที่เห็นว่าแพงเกินไป ในอนาคตอีก 1-2 ปี อาจจะมองว่ามีราคาถูกก็ได้ แต่ผมคงไม่ดื้อ เมื่อบอกให้ปรับลดก็ต้องลดลงมา เรื่องนาฬิกากับไมโครโฟน ผมไม่เอาแน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่าเห็นเป็นอย่างไร” นายสรศักดิ์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |